บทที่ 3 ไม่เหลือใครแล้ว

1274 Words
หลังจากวันนั้นเวลาก็ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว สามอาทิตย์ต่อมาอาการของเมธานินท์แย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างกายของชายแก่ทนไม่ไหวอีกต่อไป เมธานินท์จึงขอให้หมอไม่ต้องรักษาหรือยื้อชีวิตของเขาต่อแล้ว เพราะเขารู้สึกเจ็บปวดทรมานภายในกายด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่รุมเร้าจนเกินที่จะรับไหวแล้ว ชายแก่ขอจากไปอย่างสงบและไม่ต้องทรมานไปมากกว่านี้ งานขาวดำไว้อาลัยให้กับเมธานินท์ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่คฤหาสน์สามวันก่อนที่ร่างไร้วิญญาณของเมธานินท์จะถูกเคลื่อนย้ายมาที่วัดใหญ่เพื่อทำพิธีทางศาสนาต่อ ผู้คนมากมายต่างพากันมาร่วมไว้อาลัยให้กับเมธานินท์ ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากๆ พอกับตระกูลฟาฟเนอร์ ทั้งผู้ใหญ่ในวงการและบุคคลที่ร่ำรวยหลายคนที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากเมธานินท์จนได้ดิบได้ดีเป็นใหญ่เป็นโตทุกวันนี้ก็เพราะเขา ทุกคนจึงมาร่วมไว้อาลัยให้กับเมธานินท์ ซึ่งมารีนเองก็รู้จักบ้างและไม่รู้จักบ้างแต่เธอก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ มารีนยกมือไหว้ทุกคนที่เข้ามาแสดงความเสียใจกับการจากไปของคุณปู่ด้วยท่าทางนอบน้อม มารีนยุ่งกับจัดงานของคุณปู่จนแทบจะไม่มีเวลาทำอะไร เธอไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายอย่างที่ควรจะเป็นเพราะเธอไปดูแลคุณปู่ทุกวันเธอจึงรับรู้ได้ว่าชายแก่อาการแย่ลงเรื่อยๆ มันจึงทำให้เธอทำใจไว้บ้างแล้ว งานขาวดำดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างไร้วิญญาณของเมธานินท์ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปในที่สุด แขกเหรื่อก็ทยอยกลับกันไปทีละครอบครัว มารีนยืนคอยส่งแขกอยู่หน้าประตูโดยมีวายุคนสนิทของคุณปู่ยืนคอยกางร่มให้เธอตลอดเวลา ถึงแม้ว่าใบหน้าสวยหวานจะดูที่เศร้าหมองแต่เธอก็พยายามยิ้มไหว้ให้กับแขกเหรื่อที่มาทุกคน “ไหวไหมครับคุณหนู” วายุเอ่ยถามมารีนเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มมีสีหน้าที่ซีดเซียว “เอ่ออ ไหวค่ะ” มารีนหันไปตอบกลับคนสนิทของคุณปู่พลางส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขา จนกระทั่งแขกเหรื่อทยอยกลับกันจนหมด ชายแก่ร่างกำยำดูน่าเกรงขามก็เดินตรงมาหาเธอพร้อมกับบอดี้การ์ดอีกสี่คนที่เดินตามหลังชายแก่มาติดๆ “สวัสดีค่ะท่านเอลเดด” มารีนยกมือขึ้นมาไหว้เอลเดดอย่างนอบน้อม หญิงสาวจดจำเขาได้เป็นอย่างดีเพราะเขาคือคนที่คุณปู่ได้บอกกล่าวกับเธอเอาไว้ก่อนที่ท่านจะเสียไป ท่านปู่ให้มารีนเชื่อใจแค่เอลเดดคนเดียวเท่านั้น “สวัสดี เจอกันอีกแล้วนะ” เอลเดดเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขานึกสงสารเด็กสาวคนนี้อยู่ไม่น้อยที่ต้องสูญเสียทุกคนที่รักไปจนเธอต้องกลายเป็นเด็กสาวที่อยู่คนเดียวแบบนี้ “หนูขอถามหน่อยได้ไหมคะ คือ..วันนั้นคุณปู่ได้คุยอะไรด้วยไหมคะ” มารีนเอ่ยถามในสิ่งที่เธออยากรู้ทันที “คุยเรื่องของหนูนั่นแหละ” เอลเดดหันหน้ามองซ้ายมองขวาก่อนที่เขาจะตอบกลับหญิงสาว เขาไม่อยากให้มีใครมารับรู้เรื่องที่เขากำลังจะพูดคุยกับมารีน “คุยเรื่องหนู?” หญิงสาวทำหน้าตาสงสัย “ปู่ของหนูได้ฝากฝังกับฉันไว้ว่าถ้าหากมันเป็นอะไรไปให้ หนูต้องไปอยู่กับฉันในฐานะคนของตระกูล” ชายแก่เอ่ยต่อ “หมายความว่ายังไงคะ” ใบหน้าหวานขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “นี่เป็นสัญญาที่ฉันกับปู่ของเธอทำไว้ด้วยกันวันนั้น” ชายแก่เอ่ยพร้อมกับยื่นใบกระดาษแผ่นหนึ่งให้หญิงสาว มารีนเอื้อมมือไปรับกระดาษแผ่นนั้นมาไล่สายตาอ่านทุกตัวอักษร โดยที่กระดาษใบนั้นมีลายมือของเมธานินท์เซ็นกำกับเอาไว้อยู่ล่างสุด “หมายความว่า…” ใบหน้าหวานขมวดคิ้วพลางเงยหน้าขึ้นมองเอลเดดด้วยใบหน้าที่มีแต่คำถามเต็มไปหมด “เธอต้องแต่งงาน” เอลเดดพูดขึ้นมา “กับใครคะ” มารีนมีสีหน้าที่ตื่นตระหนกมากกว่าเดิมเพราะถ้าหากว่าเธอต้องแต่งงานกับชายแก่คราวปู่แบบนี้ เธอคงจะรับไม่ได้อย่างแน่นอน “ใจเย็นๆ ไม่ใช่กับฉันหรอก..แต่เธอต้องแต่งงานกับหลานชายของฉัน” ชายแก่เหมือนจะอ่านความคิดของหญิงสาวทางสายตาออก “หลานชาย?” เมรีนรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเธอได้รับรู้ว่าเธอไม่ต้องไปแต่งงานกับผู้ชายที่มีอายุเท่าปู่ของเธอ “ใช่..หลานชายของฉัน ชื่อเอริค” ใช่แล้วละ เอลเดดเลือกแล้วว่าต้องเป็นหลายชายคนโตของเขาเท่านั้น เขาใช้เวลาคิดไตร่ตรองมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว “แล้วเขาจะยอมเหรอคะ หนูกับเขาไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ” “ฉันมีวิธีจัดการของฉันเอง ส่วนเธอก็เตรียมตัวไว้หน่อยก็ดีเพราะหลานของฉันไม่ใช่คนดีอะไร” “หนูขอถามได้ไหมคะ” หญิงสาวมีเรื่องที่ค้างคาใจอยู่เรื่องหนึ่งที่เธอต้องการคำตอบมากๆ “ว่ามาเลย” “ทำไมคุณปู่ถึงต้องให้หนูไปอยู่ในตระกูลของท่านด้วยล่ะคะ” “เมธานินท์เคยทำเรื่องที่ผิดกฎหมายมากมายมาก่อน ในอดีต” เอลเดดเลือกที่จะตอบตามความจริงเพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องปิดบังเธอ “…” มารีนนิ่งเงียบไปชั่วครู่เพราะที่ผ่านมาเธอรู้แค่ว่าปู่ของเธอมีที่ดินเยอะแยะมากมาย คุณปู่จึงทำอสังหาริมทรัพย์และทำโครงการบ้านจัดสรรต่างๆ เพื่อให้ผู้ร่ำรวยมาลงทุนกับเขาเพียงเท่านั้น แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าความจริงแล้วปู่ของเธอเคยทำอะไรมาก่อน “แต่พอเขามีครอบครัว เขาก็วางมือจากทุกอย่าง แต่คนบางกลุ่มก็ยังคงแค้นเคืองกับสิ่งที่ปู่ของเธอทำ แต่ก็ไม่มีใครกล้ามาวุ่นวายกับตระกูลของเธอเพราะถึงแม้ว่าเมธานินท์จะวางมือลงแล้ว แต่ด้วยอิทธิพลที่เขาสั่งสมมาถ้าหากใครกล้ามามีปัญหากับเขา แค่เขากดโทรศัพท์ต่อสายหาคนใหญ่คนโตแค่กริ๊งเดียวคนพวกนั้นก็ได้หายไปจากโลกนี้แน่นอน” “ทว่าในตอนนี้หากเธอไม่มีปู่คอยดูแลหรือคุ้มครองแล้วคนพวกนั้นก็ต้องจ้องเล่นงานเธออย่างแน่นอน” “แล้วที่ดินพวกนั้นเป็นของปู่ใช่ไหมคะ” “ตามหลักแล้วก็เป็นของปู่เธอหมดนั่นแหละ แต่ก็ได้มาจากคนที่กู้หนี้ยืมสินไปหรือจากคนที่เอาที่ดินมาจำนองไว้” “หนูเข้าใจแล้วค่ะ..ขอบคุณนะคะที่บอกความจริงกับหนู” มารีนส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้ชายแก่ตรงหน้า อย่างน้อยเธอก็ได้รู้เหตุผลที่ปู่ของเธอทำแบบนี้ “อือ เดี๋ยวฉันจะหาวันว่างนัดพวกเธอให้มาทำความรู้จักแล้วกันนะ” “ค่ะ” มารีนตอบกลับไปสั้นๆ เธอต้องยอมรับชะตากรรมของตัวเองเพราะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ปู่ฝากฝังเอาไว้ มารีนรู้ดีว่าปู่ของเธอนั้นรักเธอมากกว่าทุกอย่างบนโลกนี้ การที่ปู่ทำแบบนี้ก็ต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างนั้นแหละ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD