บทที่ 4 เพราะธุรกิจ

1671 Words
เมื่อเอลเดดพูดคุยกับมารีนจนเสร็จสรรพ ชายแก่ก็กลับมายังคฤหาสน์ตระกูลฟาฟเนอร์ในเวลาต่อมา ภายในคฤหาสน์เงียบสงัดราวกับไม่มีคนอยู่ภายในคฤหาสน์แห่งนี้เพราะว่าชายแก่ชอบความเงียบสงบ เหล่าบรรดาคนใช้จึงหลบอยู่ตามมุมต่างๆ ของบ้านอย่างเงียบๆ ทุกมุมของบ้านก็มีทั้งเหล่าบอดี้การ์ดและสาวใช้ยืนอยู่ตามมุมต่างๆ เพื่อรอรับคำสั่งจากเจ้านาย “เอริคอยู่ไหน” เสียงทรงพลังของเอลเดดเอ่ยถามสาวใช้ภายในคฤหาสน์ที่ยืนอยู่ตามมุมใกล้ๆ เขาเพื่อรอรับคำสั่งจากชายแก่ “เพิ่งกลับมาค่ะนายท่าน ท่านเอริคอยู่ตรงสระว่ายน้ำค่ะ” สาวใช้ชุดดำหนึ่งคนตอบกลับผู้อาวุโสของบ้านด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ไปตามเอริคมาที่ห้องประชุมหน่อย” เอลเดดออกคำสั่ง สาวใช้จึงก้มหัวให้หนึ่งครั้งก่อนที่เธอจะเดินสาวเท้าก้าวยาวๆ ตรงไปที่สระว่ายน้ำเพื่อตามท่านเอริคตามคำสั่งของเอลเดด ซึ่งใช้เวลาไม่นานสักเท่าไหร่สาวใช้ก็เดินมาจนถึงสระว่ายน้ำใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของคฤหาสน์ เอริค ฟาฟเนอร์ ชายหนุ่มสัญชาติไทย-อิตาลี อายุ 38 ปี ชายผู้มีใบหน้าหล่อคมเข้มดั่งเทพเจ้ากรีกโบราณที่มีนัยน์ตาสีเทาอมน้ำเงินเข้มดุดันน่าเกรงขาม เขามีนิสัยที่โมโหร้าย อารมณ์ร้อนและไม่เกรงกลัวใคร ทายาทตระกูลฟาฟเนอร์ ที่ทำธุรกิจสีเทาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกาสิโน ผับ ลักลอบขนของผิดกฎหมายหรือแม้กระทั่งเปิดงานประมูลใต้ดิน ซึ่งมีน้องชายหนึ่งคนชื่อว่า แอทเทอร์ ฟาฟเนอร์ อายุ 34 ปีที่ช่วยกันดูแลธุรกิจของตระกูล ทว่าแอทเทอร์ไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนให้ใครรู้จัก ผู้คนส่วนใหญ่จึงรู้จักแค่เพียงเอริคเท่านั้น ซึ่งมีคุณปู่ของพวกเขาก็คอยคุ้มบังเ**ยนอยู่สูงสุดของตระกูล ชายหนุ่มร่างสูงกำยำกล้ามเนื้อแน่นไปทั้งตัวยืนสูบบุหรี่อยู่ริมสระว่ายน้ำ เอริคสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มถลกแขนเสื้อขึ้นมากองตรงข้อศอกเผยให้เห็นรอยสักรูปงูใหญ่ตรงแขนซ้ายได้อย่างชัดเจน รอยสักที่ดูดุดันน่าเกรงขามเหมือนกับเขา ท่อนล่างของเขาสวมกางเกงสแล็คเนื้อดีสีดำสนิทกับรองเท้าหนังราคาแพง “ท่านเอริคคะ..ท่านเอลเดดให้มาตามไปห้องประชุมค่ะ” สาวใช้เดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มพลางบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อือ” เอริคยืนเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ส่วนอีกข้างก็คีบบุหรี่ออกจากปาก เขาตอบรับสาวใช้ในลำคอพลางพ่นควันบุหรี่ออกจากปากเพื่อบรรเทาความเครียดและความเหนื่อยล้าจากงานที่เขาต้องแบกรับมาทั้งวัน ปกติแล้วเอริคจะไม่ค่อยสูบบุหรี่สักเท่าไหร่ถ้าหากว่าเขาไม่มีความเครียดมากนัก แต่ช่วงนี้เขาต้องทำงานหนักและเครียดจากงานหลายอย่าง เอริคเลยต้องสูบเพื่อผ่อนคลายสักนิด มือแกร่งบดก้นบุหรี่ลงกับที่เขี่ยบุหรี่ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ เขา ก่อนที่มือสากจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหันหลังกลับ เอริคเดินตรงเข้าไปในคฤหาสน์ทันที ชายหนุ่มก้าวเดินเข้ามาภายในคฤหาสน์จนถึงห้องประชุมที่พวกเขามักจะนัดมาประชุมกันภายในครอบครัวพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมายของตระกูลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผับ กาสิโน งานประมูลใต้ดิน และลักลอบส่งของผิดกฎหมาย เอลเดดนั่งประจำอยู่ตรงหัวโต๊ะโดยมีบิดาและมารดาของเอริคนั่งอยู่ด้านขวามือของชายแก่ เอริคเปิดประตูเข้ามาภายในห้องพร้อมกับก้าวเดินมาย่อตัวนั่งลงด้านซ้ายมือของเอลเดด “ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก” เอลเดดเอ่ยขึ้นมาทันทีอย่างไม่รีรอ “พูดมาได้เลยครับปู่” เอริคตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ นัยน์ตาคมกริบดูดุดันน่าเกรงขามเหมือนกับปู่ของเขาไม่มีผิดเพี้ยนเลยสักนิด “เอริค แกต้องแต่งงาน” เอลเดดเอ่ยขึ้นมา ทำให้ทั้งเอริค แอลโรผู้เป็นบิดาและเสาวรสผู้เป็นมารดาของเอริคหันขวับไปมองหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของบ้านอย่างงุนงงและสงสัย “แต่งงาน?” เอริคขมวดคิ้วถามอย่างสงสัยแต่เขาก็รู้ดีว่าปู่ของเขามีเหตุผลรองรับกับทุกอย่างที่ทำลงไปเสมอ “ใช่ แต่งงาน” เอลเดดตอบกลับ “ทำไมผมต้องแต่ง” เอริคเอ่ยถาม “เพราะนี่คือคำสั่งของฉัน” เอลเดดไม่ได้เลือกที่จะบอกความจริงกับชายหนุ่ม “ผมแค่อยากรู้เหตุผล” “มันเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ” เอลเดดเอ่ยออกมาเพราะหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ ยังไงเอริคก็ต้องยอมทำตามอย่างแน่นอน ทุกวันนี้เอริคถวายตัวให้กับการทำงานแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้ว เขาทุ่มเทอย่างหนักเพื่อธุรกิจของตระกูลจนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว “เกี่ยวกับธุรกิจยังไง” เอริคเอ่ยถามต่อ “แกไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่าฉันสั่งอะไรก็ทำ” เอลเดดเลือกที่จะไม่บอกความจริงกับเอริคทั้งหมด ให้เขารู้แค่ในเรื่องที่ควรรู้เท่านั้นก็พอ ส่วนเรื่องบางเรื่องเขาไม่รู้มันก็คงจะดีกว่า “แล้วคนที่จะมาเป็นเมียผมเนี่ย เธอรู้ไหมว่าผมสันดานเป็นยังไง ผมจะบอกไว้ก่อนนะว่าผมจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อใครทั้งนั้น” เอริคบอกกล่าวทุกคนภายในห้องด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ต่อให้เขามีภรรยาแล้วเขาก็คงไม่เลิกนิสัยเดิมๆ ของตัวเองหรอกนะ ทนได้ก็ทนหรือถ้าเธอทนไม่ได้ก็ต้องทนอยู่กับปีศาจอย่างเขาอยู่ดี “แกจะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าให้มันเสียหายมาถึงตระกูลก็พอ” ถึงแม้ว่าเอลเดดจะตอบกลับไปเช่นนั้น แต่เขาก็หวังอยู่ลึกๆ ในใจว่าเอริคจะเมตตาเด็กสาวที่น่าสงสารคนนั้นสักนิด “ได้ งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน” “มีอะไรแกก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวฉันจะหาวันนัดดูตัวให้แกกับผู้หญิงคนนั้นเอง” “เธอชื่ออะไร” “มัลลิกา สมุทรภาคิน” “อือออ..นามสกุลใหญ่โตซะด้วย ผมไปละ” เอริคพยักหน้าเบาๆ พลางครุ่นคิดถึงชีวิตการแต่งงานที่เขาไม่ได้เต็มใจจะแต่งสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากปู่บอกว่าเป็นธุรกิจเขาก็พร้อมจะทำมันอยู่แล้วละ ชายหนุ่มใช้สองมือล้วงกระเป๋าพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินออกไปจากห้องทันที “นี่มันเรื่องอะไรกันครับพ่อ” แอลโร ฟาฟเนอร์ บิดาของเอริคเอ่ยถามพ่อของตัวเองด้วยความสงสัยเมื่อเอริคออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว “ก็ตามที่ฉันบอกไปนั่นแหละ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น” เอลเดดตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ชายแก่ลุกขึ้นยืนและค่อยๆ เดินออกไปจากห้องประชุมอย่างเชื่องช้าเช่นกัน แอลโรกับเสาวรสหันมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ก่อนที่เสาวรสจะเอ่ยขึ้นมาก่อน “ฉันสงสารผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาของลูกชายเราจังเลยค่ะ” “อือ ผมก็เหมือนกัน” แอลโรตอบกลับภรรยาคนสวย หลังจากนี้ไปภายในคฤหาสน์คงจะวุ่นวายมากแน่ๆ เอริคเดินออกมาจากห้องประชุมแล้วตรงดิ่งไปยังปีกขวาของคฤหาสน์ที่ใหญ่โตหรูหรา ปีกขวาของคฤหาสน์จะเป็นของเขากับน้องชาย ส่วนทางด้านปีกซ้ายจะเป็นของแอลโรกับเสาวรส ร่างกำยำของเอริคเดินย่างกรายเข้ามาในห้องทำงานของเขาเอง ชายหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่พลางหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่บอดี้การ์ดคนสนิทของเขาเคาะประตูเข้ามาในห้องเพื่อเอาเอกสารบางอย่างให้เจ้านายได้อ่าน เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้เอริคค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาช้าๆ ชายหนุ่มเอ่ยอนุญาตให้เขาเข้ามาในห้องทำงานได้ ประตูห้องทำงานจึงค่อยๆ เปิดแง้มออกพร้อมกับร่างกำยำของลูกน้องที่เป็นมือขวาของเขาเดินเข้ามาในห้องและหยุดอยู่ตรงหน้าของเอริคโดยที่ในมือของเขามีแฟ้มเอกสารบางอย่างอยู่ “นายครับ แฟ้มผลประกอบการกาสิโนของเดือนนี้ครับ” ธีโอ ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกาเอ่ยขึ้นมา “วางไว้บนโต๊ะทำงานกูก่อน” “ครับนาย” พูดจบ ธีโอก็เอาเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของเอริคตามคำสั่ง “ไอ้ธีโอ มึงไปสืบมาสิว่าผู้หญิงที่ชื่อ มัลลิกา สมุทรภาคิน คือใคร” เอริคออกคำสั่งต่อ “ได้ครับนาย” มือขวาของเอริคตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับก้มหัวให้เจ้านายหนึ่งครั้ง ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มร่างใหญ่หน้าดูเหมือนคนญี่ปุ่นเดินเข้ามาในห้องพอดี “นายครับ นายณรงค์ขโมยเพชรที่เตรียมจะประมูลอาทิตย์หน้าไปครับแต่คนของเราไหวตัวได้ทันก่อน ตอนนี้เราจับนายณรงค์ไว้ที่โกดังครับ” ริว ชายหนุ่มหน้าญี่ปุ่นเล็กน้อย ลูกน้องที่เรียกได้ว่าเป็นมือซ้ายของเขาเข้ามารายงานสิ่งที่เขาเพิ่งจะได้รับรู้มา “ไปเตรียมรถ…กูจะไปสั่งสอนพวกที่เลี้ยงไม่เชื่องสักหน่อย” เสียงทุ้มดูเหี้ยมเกรียมขึ้นมาจากตอนแรกอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับสายตาที่น่ากลัวส่งออกมาจากนัยน์ตาสีเทาอมน้ำเงินเข้มดูดุดันน่าเกรงขามคู่นั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD