สาวหางเครื่อง
ตอนที่ 1
สาวหางเครื่อง
พุทธศักราช ๒๕๒๙
บ้านหลังใหญ่ของ กำนันเปรื่อง ค่ำคืนนี้ดูครึกครึ้นยิ่งนัก ด้วยวันนี้มีงานจัดงานคล้ายวันเกิดเจ็ดสิบปีของเจ้าของบ้านผู้ที่คนทั้งจังหวัดให้ความเคารพและยำเกรง ที่มีอำนาจบารมีและทรัพย์สินที่มากมาย งานนี้จึงผู้คนจากทุกสารทิศมาร่วมอวยพรให้ เพราะจัดอย่างยิ่งใหญ่มีการจ้างวงหมอลำที่มีหางเครื่องสาวสวยมาเต้นรำให้ความบันเทิงกับแขกเหรื่อในงานด้วย
ดาวเรือง เป็นหนึ่งในหางเครื่องของวงหมอลำ
เธออยู่ในชุดกระโปรงบานฟูฟ่องและขยับตัวตามจังหวะดนตรี ตามที่ได้ฝึกฝนกับรุ่นพี่หางเครื่องมาหลายเดือน วันนี้เป็นการทำงานในฐานะหางเครื่องของวง เป็นครั้งแรก
แม้จะมีสมาธิกับการเต้น แต่สายตาเธอส่องมาด้านล่าง
มองยังโต๊ะแขกเหรื่อหน้าเวที โดยกำนันเปรื่องอยู่ด้านหน้าและคุยกับแขกเหรื่ออย่างอรรถรส บางครั้งก็เงยมามองเวทีบ้าง ซึ่งสาวๆหางเครื่องต่างก็โปรยยิ้มหวานให้ด้วยหวังว่าจะได้แบงค์เขียว แบงค์แดงมามอบให้
แต่ ดาวเรือง หาได้สนใจโต๊ะของ กำนันเปรื่อง
สายตาเธอจับจ้องไปยังโต๊ะที่ติดกัน และมอง ชายคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ตรงนั้น เขาดูเยือกเย็นและไม่แยแสในความครึกครึ้นและแสงสีเสียงจากเวทีหมอลำเลยแม้แต่น้อย มือหนานั้นจับแก้วเหล้าสาโทโคลงเคลงไปมา ใบหน้าคมเข้มนั้นเหม่อลอยไปข้างเวที
เขาคือ ปราช ลูกชายคนหนึ่งของ กำนันเปรื่อง
และเป็นลูกคนที่เท่าไหร่ ไม่มีใครแน่ใจ ว่ากันว่า กำนันเปรื่องนั้นมีเมียหลายคนกระจัดกระจายไปทั่วจังหวัด แต่มีลูกไม่กี่คนที่กำนันผู้นี้ พามาออกนอกหน้าตา
ประเด็นนั้น ดาวเรือง ไม่อยากใส่ใจนัก
ตอนนี้เธอสนใจเพียง ปราช เท่านั้น เพราะเขาคือลูกชายคนสำคัญของกำนันเปรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับมนต์พลังบางอย่างที่เธอเคยพลั้งพลาดไว้กับใครคนหนึ่ง
มนต์ที่คำสัญญาที่จะดูดกลืนชีวิตเธอหลังอายุยี่สิบปี
ตอนนี้เธออายุสิบเก้าปีสิบเดือนแล้ว จึงเหลือเวลาอีกไม่นานนักในการแก้ใขสิ่งที่จะทำให้ชีวิตเธอดับสูญ ดั่งเช่นคนอื่นๆ ที่ผ่านมา และชายชื่อ ปราช คนนี้เท่านั้นจะถอนมนต์นี้ให้เธอได้
เธอต้องพยายามเข้าใกล้เขาให้มากที่สุด
แปะๆๆ เสียงปรบมือหน้าเวทีดังลั่น เมื่อเพลงจบลง
“อีหนูลงมารับตังค์จากแขกด้านล่าง อีคนชุดสีชมพูเดินมาทางนี้” กำนันเปรื่อง ตะโกนเสียงดัง นั่นทำให้ทุกคนเดินไปโต๊ะด้านหน้าที่อยู่เรียงกันสามสี่โต๊ะ
เพื่อนๆหางเครื่องส่วนใหญ่ เดินไปยังโต๊ะกำนันเปรื่อง เพราะในมือกำนันมีแบงค์แดงเป็นปึก บางคนก็เดินไปโต๊ะข้างๆที่เหล่าแขกคนอื่นนั่งอยู่
แต่ ดาวเรือง เดินตรงไปยังโต๊ะของเขา
“พี่ช่วยให้พวงมาลัยหนูหนักๆหน่อยได้มั้ยจ้ะ แล้วคืนนี้หนูจะร้องหมอลำและเต้นให้พี่ดูทั้งคืนจนถึงเช้าเลย”
เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่สุด เอ่ยบอกเขาเมื่อเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้า แม้สองมือเธอจะชื้นไปด้วยเหงื่อ และหัวใจจะเริ่มเต้นแรงด้วยความประหม่า
“หือ”
ปราช หันมามองเธอด้วยสาตาเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้ใด และดวงเรืองก็ได้เห็นรูปหน้าของเขาอย่างชัดเจนว่า ใบหน้าคมเข้มนั้นหล่อเหลานัก ทว่าดูเย็นชาและมองเธอคล้ายเป็นอากาศธาตุ
เธอ มันก็แค่หางเครื่องหมอลำ เขาคงคิดเช่นนั้น
“หนูไม่อยากจะเต้นทั้งคืน ถ้าพี่ช่วยให้พวงมาลัยหนูหนึ่งร้อย หนูจะแบ่งให้หัวหน้าวงครึ่งนึงแล้วมานั่งกับพี่”
ไม่ว่าอย่างไร คืนนี้ดาวเรืองจะต้องหาทางอยู่กับเขาให้ได้
“หนึ่งร้อยเลยรึ?”
เขาเอ่ยเบาๆ หนึ่งร้อยในสมัยนั้นนับเป็นเงินมากโขอยู่ แต่หากไม่ได้จำนวนนี้ เธอก็คงไม่สามารถมานั่งกับผู้ชมหน้าเวทีได้อย่างแน่นอน
“จ้ะ แล้วหนูจะทำทุกอย่างที่พี่ต้องการเลย”
เธอเม้มปากบอกเขา และคล้ายจะเห็นแววตาที่เย็นชานั้น วาววับขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อหรี่ตามองเธอ และไล้สายตามองเรือนร่างภายใต้ชุดรัดรูปด้านบนที่เห็นเนินอกรำไร และกระโปรงฟูฟ่องที่สั้นเลยเข่าขึ้นไปจนเห็นโคนขาอ่อนน่ามอง
เขามองเธออยู่เพียงครู่ ก่อนจะวางแก้วสาโทในมือลง
“เพิ่งรู้ว่าหางเครื่องคณะนี้ มีรับงานเช่นนี้ด้วย”
ดวงตาคู่สีถ่านทอประกายเวาวับในแสงสลัว น้ำเสียงของเขาแฝงความเย้ยหยันในที
แต่ ดาวเรือง ก็จำต้องสะกดกั้นความรู้สึกกระดากไว้
คืนนี้เท่านั้น ...ที่จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดเขา
“พวงมาลัยหนึ่งร้อยใช่มั้ยคนสวย มาโต๊ะพี่ก็ได้กระมัง”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่มือหนาของใครคนหนึ่งจะโอบบ่าบางของเธอไว้ และโน้มหน้าที่มีกลิ่นเหล้าสาโทเหม็นหึ่งลงมาใกล้
“อะ ..ไม่”
ดาวเรือง พยายามขยับกายถอยห่างจากร่างหนานั้น ด้วยตระหนักได้ว่าชายคนนี้เป็นใคร เขาคือ เทิดสิน ลูกชายคนโตของกำนันเปรื่อง และเป็นลูกคนละแม่กับปราช ชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายตรงหน้า
ว่ากันว่า เทิดสิน เป็นลูกของบัวเผื่อน เมียเอกที่ตบแต่งออกนอกหน้า ส่วน ปราชนั้นเป็นลูกของเมียน้อยคนหนึ่งซึ่งไม่มีผู้ใดในอำเภอทราบแน่ชัดว่า ผู้หญิงคนนั้นที่เป็นแม่ของปราชเป็นใคร รู้แต่เพียงว่าเป็นคนที่กำนันเปรื่องรักมาก
เพราะผู้หญิงคนนั้นได้หายตัวไปหลังจากที่คลอด ปราช ไม่นาน บ้างก็ลือว่าแม่ของเขาหนีตามชู้ไปบางกอก บ้างก็บอกว่าหล่อนโดนกำนันไล่ออกจากบ้านและหนีไปที่อื่นแล้วเป็นใข้หนักจนเสียชีวิตไปแล้ว
แต่ทุกคนได้แต่คาดเดา เพราะกำนันเปรื่องเองก็ไม่เอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้นอีกเลย ได้แต่เลี้ยง ปราช มาอย่างดีและเอาใจใส่มากกว่าลูกทุกคน นั่นทำให้ลูกๆฝั่งเมียเอกไม่พอใจนัก
โดยเฉพาะ เทิดสิน ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับน้องชายคนละแม่ ที่ไม่มีใครทราบว่าแม่เขาเป็นใครกันแน่
แต่ดาวเรือง ทราบดีว่าแม่เขาเป็นใคร
“หือจะสะดีดสะดิ้งไปใยละคนสวย อยากได้พวงมาลัยหนักๆไม่ใช่รึ ถ้ามากับข้า จะให้มากกว่าหนึ่งพันเลยเอารึไม่?”
เทิดสินเอ่ยอย่างเย้ยหยัน เมื่อร่างนุ่มนิ่มของเด็กสาวหางเครื่องเบี่ยงตัวออกห่าง แม้ตอนแรกเขาตั้งใจเพียงจะเอาชนะน้องชายต่างมารดาเท่านั้น แต่เมื่อเห็นหน้าชัดๆของเธอ เทิดสินเองก็อยากจะครอบครองเธอทั้งคืน
แต่ร่างหนาของปราช กลับเหยียดกายขึ้น และเดินมาคว้าเอวคอดของหญิงสาวไว้ ก่อนจะเอ่ยว่า
“เห็นจะไม่ได้นะ เพราะเด็กคนนี้เป็นของกู!!”