เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนในล็อบบี้ก้องกังวานเป็นจังหวะที่คมชัด และไม่มีใครไม่รู้ว่าเสียงนั้นหมายถึงอะไร การมาถึงของ อคิณ อัครวินทร์ ซีอีโอหนุ่มแห่ง A.C. Group บริษัทเทคโนโลยีอันดับต้นๆของประเทศ หนุ่มอายุ 34 ปี ผู้ครองใจสาวๆในวงการธุรกิจและเตียงนอน
แพร หรือ แพรลดา เด็กฝึกงานปี 4 ก้มหน้าอยู่หลังเคาน์เตอร์ฝ่ายมาร์เก็ตติ้งหัวใจเต้นระรัวเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้านั้นเข้าใกล้ขึ้นทุกขณะ
เขาหล่อ หล่อแบบที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลย สูง สมาร์ท และเงียบขรึมอย่างน่ากลัว
แต่สิ่งที่ทำให้เขาเป็นที่หวาดกลัวในสายตาคนทั้งบริษัท ไม่ใช่แค่ความหล่อ
แต่เป็นความเย็นชาแบบไม่มีเหตุผล และความไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา
“คุณอคิณมาที่แผนกแล้ว...” รุ่นพี่กระซิบกับเธอเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
แพรพยายามทำใจนิ่ง แต่มือก็เย็นเฉียบอยู่ดี แม้เธอจะผ่านการฝึกงานมาเกือบเดือน แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเขาตรง ๆ
ไม่สิ...เขาแค่เคยมองเธอผ่าน ๆ ตอนอยู่ในห้องประชุมด้วยซ้ำไป
วันนี้เป็นวันแรกที่เธอต้องเข้าร่วมนำเสนอแบบจำลองโครงการใหม่ในทีมต่อหน้าผู้บริหารระดับสูง รวมถึงเขา
แพรยืนอยู่หน้าจอพรีเซนเทชัน มือถือรีโมตสั่นเล็กน้อย แม้จะพยายามควบคุมตัวเองเต็มที่
เสียงเธอไม่สั่น แต่หัวใจเหมือนเต้นอยู่ในลำคอ
ระหว่างที่เธออธิบายแผลนมาร์เก็ตติ้งประจำปี เขากลับก้มดูแท็บเล็ตของตัวเองเป็นระยะ ทำให้เธอเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาสนใจฟังหรือเปล่า
จนกระทั่ง...ประโยคหนึ่งหลุดออกมาจากปากเขาโดยไม่เงยหน้ามองเธอ
“แผนดี แต่รายละเอียดยังไม่สมเหตุสมผล ถ้าจะให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากกว่านี้ คุณควรนึกถึงความต้องการของตัวเอง ไม่ใช่แค่ตามสูตรที่เรียนมา”
แพรชะงักไปชั่วขณะ
เขาจำชื่อเธอไม่ได้ แต่คำวิจารณ์นั้นตรงเป้า และลึกซึ้งอย่างคาดไม่ถึง
ทุกคนในห้องนิ่งไปชั่วขณะ บางคนแอบกลั้นหัวเราะ บางคนแอบเหลือบมองเธอด้วยความเวทนา
แพรพยักหน้าเบา ๆ แล้วตอบกลับด้วยเสียงที่มั่นคงขึ้น
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ...หนูจะกลับไปปรับแบบอีกครั้งค่ะ”
แม้จะรู้ว่าเขาอาจลืมหน้าเธอในวันถัดไปด้วยซ้ำ แต่แพรก็ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้โอกาสนี้พิสูจน์ตัวเอง
หลังจากประชุมจบ เธอเดินออกจากห้องด้วยความรู้สึกอัดแน่น
“ทำไมเขาต้องพูดแบบนั้น...ต่อหน้าคนอื่นด้วย”
เธอบ่นกับตัวเองเบา ๆ ขณะเปิดแฟ้มงานทบทวนสิ่งที่เขาติ
แต่เธอไม่รู้เลยว่า...
หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องประชุมไปหมดแล้ว ชายหนุ่มในชุดสูทสีเทาเข้มยังนั่งอยู่
นิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ ราวกับกำลังครุ่นคิดถึงวันแรกที่เธอก้าวเข้ามาในบริษัทเขา
เสียงส้นเท้าคู่เล็กกระทบพื้นห้องกระจกใส ดึงดูดสายตาของชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนพิงกระจกในห้องทำงานส่วนตัว เขาเฝ้ามองผ่านกระจกฝ้าอันบางเบาที่เชื่อมต่อกับโถงด้านนอก
เด็กฝึกงานคนใหม่…
เขาจำได้ว่าเธอเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มประวัติในมือ ท่าทางก้มหน้าเรียบร้อย แต่แววตากลับซ่อนความแน่วแน่ไว้ลึก ๆ เขาไม่ได้ยินเสียงของเธอชัดเจนนัก แต่สายตานั้น มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาหยุดมองไม่ได้
“ชื่อแพรสินะ” เขาพึมพำกับตัวเอง
ไม่มีอะไรโดดเด่นเกินหน้าเกินตา…แต่เธอกลับมีบางอย่างที่ทำให้เขาเผลอมองนานกว่าปกติ
ไม่ใช่ความสวยหวือหวา ไม่ใช่ความมั่นใจเกินวัย
แต่เป็นความนิ่งสงบในแบบที่คนส่วนใหญ่ไม่มี
“เด็กฝึกงาน...แต่เดินเข้าออฟฟิศเหมือนมีเป้าหมายอยู่แล้ว” อคิณคิด
ตลอดบ่ายนั้น เขาสังเกตว่าเธอไม่พูดมาก ไม่เสนอตัว ไม่พยายามสร้างความประทับใจ
เธอแค่ตั้งใจฟัง ตั้งใจจด และลงมือทำอย่างเงียบ ๆ
ใครบางคนอาจจะมองว่าเธอเงียบเกินไป
แต่สำหรับเขา…มันคือ “น่าสนใจ”
ไม่ใช่แค่ในฐานะเด็กฝึกงาน
แต่ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้ภายใต้ท่าทางเรียบเฉยนั้น
และนั่นคือวันแรก...ที่เขาเริ่มอยากรู้จักเธอมากกว่าชื่อ
“แพรลดา...เด็กคนนี้สายตาไม่ธรรมดา”
เขาพึมพำกับตัวเอง แล้วคลี่ยิ้มจาง ๆ แบบที่ไม่มีใครเคยเห็น
“นักศึกษาฝึกงานใหม่เหรอคะ?”
เสียงพนักงานสาวคนหนึ่งถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ใช่ค่ะ พวกเรามากัน 3 คน”
“เรา มิน กับยิหวา” แพร นักศึกษาฝึกงานวัย 21 ปี ตอบพร้อมยิ้มบาง ๆ เธอไม่ได้ดูโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม แต่มีบางอย่างในแววตานั่น ที่ทั้งอ่อนโยน... และดื้อรั้น
เมื่อเสียงกระดิ่งลิฟต์เปิดออก
ทุกสายตาหันไปมอง...
ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิท ผูกเนกไทเรียบเฉียบ ร่างสูงสง่าเดินเข้ามาอย่างมั่นใจ ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้า เขาเดินผ่านพนักงานโดยไม่แม้แต่จะสบตาใคร
อคิณ หยุดอยู่หน้าแพร พลางเลื่อนสายตามองเธอขึ้นลงเพียงครู่เดียว แต่กลับทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
“คุณชื่อแพร?”
“คะ?...ค่ะ”
“ตามผมมา”
แพรมองเพื่อนอย่างลังเล แต่จำต้องก้าวตามหลังเขาไปในห้องกระจกชั้นในสุด ห้อง CEO
เมื่อประตูปิดลง เสียงล็อกดัง “แกร๊ก” อย่างตั้งใจ
บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที...
“คุณอยู่ปีสุดท้ายสินะ”
เขาพูดพลางเดินไปช้า ๆ นั่งลงที่โซฟาหนังแทนเก้าอี้ทำงาน “มานั่งนี่สิ
แพรลังเล แต่ก็เดินไปอย่างเชื่องช้า หัวใจเต้นตึก
“คุณรู้ใช่ไหม...ว่าเวลานั่งคุยกับเจ้านาย ไม่ควรแต่งตัวแบบนี้”
เขาก้มมองกระโปรงสั้นที่เธอใส่มา ไม่โจ่งแจ้ง แต่ก็ไม่ได้ปกปิดอะไรมากนัก
“ขอโทษค่ะ...” แพรหน้าแดง
“แต่ฉันชอบ”
คำพูดนั้นเรียบ แต่แฝงแรงกระแทกใจกว่าอะไรทั้งหมด
“ฉันไม่ใช่คนดี แพร” เขาเอื้อมมือมาสัมผัสผิวเนื้อขาวใต้แขนเสื้อเชิ้ตบาง ๆ ของเธอ
“ถ้าเธอยังยืนยันจะฝึกงานที่นี่... อย่าคิดจะเล่นบริสุทธิ์กับฉัน”
แพรกลืนน้ำลายลงคอ
แต่ดวงตาเธอ... กลับไม่ได้หลบสายตาคมของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“แล้วถ้าฉันไม่ได้จะเล่น...แต่เต็มใจล่ะคะ?” แพรทำเป็นปากดี แต่ในใจสั่นเทาไปหมด สิ่งที่เธอทำนั้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเองให้ดูไม่กลัวเท่านั้น
แพรไม่ใช่คนที่เรียบร้อย ออกแนวจะมีความดื้อรั้นอยู่นิดหน่อย
เสียงหัวเราะต่ำ ๆ ของอคิณดังขึ้น..เขาลุกขึ้น ก้าวเข้ามาหาเธอจนชิด ร่างสูงกว่า 180 ซม. ของเขาทำให้เธอต้องแหงนหน้าเผชิญตา
“งั้น... อย่าร้องก็แล้วกัน”
มือหนาเอื้อมมาประคองคางเธอไว้ ก่อนจะโน้มลงจูบ จูบแรกที่ไม่อ่อนโยน แต่ร้อนแรงเสียจนเธอแทบลืมหายใจ
ปลายนิ้วของเขาลากผ่านต้นคอ ลงไปที่กระดุมเม็ดแรก...