คุณชายผู้วิปริต

1301 Words
รถคันงามที่เต็มไปด้วยบาดแผลแล่นเข้าสู่อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของตระกูลออปเปนไฮน์ อันเป็นคฤหาสน์ส่วนตัวของชายหนุ่มผู้เป็นบุตรชายเพียงคนเดียว เขาลงจากรถแล้วก็ไล่ให้บอดี้การ์ดไปเสียให้ไกลจากสายตา จากนั้นก็ขึ้นไปยังชั้นสามของบ้าน เข้าสู่ห้องนอนอันแสนหรูหราและกว้างขวาง จัดการถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออกจากกายจนล่อนจ้อน เขากลับมาอยู่ในโลกส่วนตัวที่คุ้นเคยอีกครั้ง “ไม่เคยมีใครกล้าทำอย่างนี้กับเราเลย...ให้ตาย...ฉันไม่ได้ฝันไปจริงๆ” เขายังคงอารมณ์เสีย เมื่อได้เห็นตัวเองในกระจกบานใหญ่ สภาพใบหน้าที่พังยับเยิน เขากัดกรามจนแน่น เม้มริมฝีปากจนเจ็บ ขณะลูบใบหน้าของตนเองแรงๆ “ยัยบ้านี่เป็นใครมาจากไหนวะ คอยดูเถอะ ฉันต้องรู้ให้ได้เลย ฉันสาบานว่าฉันจะเล่นงานเธอทั้งตระกูลเลย” จากนั้นเขาก็พยายามจะดมกลิ่นของตนเอง “หอมขนาดนี้ กลับหาว่าเหม็น ยัยนี่ ข้างถนนของแท้ จมูกไม่มีคลาสเอาซะเลยเลย เธอจะรู้ไหม ว่าราคามันเท่าไหร่ ชาตินี้ทั้งชาติ คนกระจอกชั้นล่างอย่างเธอไม่มีวันแม้แต่จะมอง” พูดไปเถอะ พูดได้ตามที่ต้องการเสมอ แม้ใจจะต่อต้านและประท้วงสักแค่ไหน แม้เขาจะเกิดอาการลังเลขึ้นมาโดยรู้ตัว แม้เขาจะเผลอดมตามหัวไหล่ของตนเองซ้ำๆ เพื่อพิสูจน์ให้แน่ใจอีกครั้ง “จริงๆ แล้ว...” เขายอมรับข้อนี้ไม่ได้เด็ดขาด นั่นเพราลึกๆ แล้ว เขาก็ไม่ได้ชอบน้ำหอมกลิ่นนี้นัก แต่เพราะเป็นขวดที่แพงที่สุดในคอนแลคชั่นและได้รับการการันตีเป็นพิเศษจากคนดังระดับโลก เขาก็เลยใช้มันอย่างภาคภูมิใจ “ไม่ แพงที่สุด ก็คือดีที่สุด นั่นละ คือคำตอบของมหาเศรษฐีผู้มีอันจะกิน” และผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้น สำหรับเขา เปรียบได้กับคำว่าขยะ “forget me not คิดว่าฉันจะกล้าลืมเธอง่ายๆ เหรอ ยัยขยะ” เขาหลับตาลง ระลึกถึงความเจ็บปวดนั้นอย่างช้ำใจที่สุด “หน้าของเธอมันค้างอยูในดวงตาของฉันนี่ แล้วเธอจะได้รู้ว่ากรีซไม่ใช่สวรรค์สำหรับเธอ แต่มันจะเป็นนรกที่เธอจะต้องหวาดกลัวไปตลอดชีวิต” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอีกครั้ง เป่าลมร้อนๆ ออกจากอก จากนั้นก็เข้าไปชำระล้างความสกปรกทุกอย่างที่เกาะติดอยู่ตามร่างกาย โดยเฉพาะใบหน้าของเขาที่เปื้อนไปด้วยคราบเค้กจนหมดเกลี้ยง จากนั้น ก็นอนแช่อยู่ในอ่างจากุดชี่เพื่อล้างความช้ำใจทั้งมวล เวลาผ่านไปประมาณชั่วโมงเศษๆ เขาก็ต้องสะดุ้งตกตื่นจากภวังค์ ด้วยเสียงกริ่งที่ดังอยู่ใกล้หู เขาทำหน้าขัดใจขณะเอื้อมมือไปกดรับที่ปุ่มเล็กๆ เหนืออ่างอาบน้ำ “มีอะไรวะ กำลังอารมณ์เสียอยู่นะโว้ย อยากโดนถีบรึไง” “นี่แม่เอง ลูกรัก” ชายหนุ่มถึงกับดีดตัวผาง ด้วยความตกใจปนหัวเสีย เพราะคิดว่าเป็นไอ้พวกลูกน้องตัวแสบเสียอีก ทีแรกไม่คิดจะเอาเรื่องพวกนั้นแล้ว แต่สงสัยคงต้องสั่งสอนกันสักหน่อย ปล่อยให้แม่ของเขามาถึงห้องนอนของเขาโดยไม่บอกกล่าวได้อย่างไร “ครับคุณแม่ ผมขอโทษนะครับ ผมคิดว่าเป็นพวกนั้น” น้ำเสียงของมารดา ไพเราะนิ่มนวล อย่างที่เคยได้ยินมาจนชินหู ตอบรับลูกชายว่าจะรออยู่ในห้องรับแขก เพื่อพูดคุยธุระสำคัญ ชายหนุ่มรีบลุกจากอ่างอาบน้ำ หยิบชุดคลุมมาสวมแล้วก็เดินออกสู่ห้องนอน เขาจัดการสวมเสื้อผ้าจนเรียบร้อยแล้วจึงลงไปพบกับมารดาที่ชั้นล่าง “คุณแม่ครับ” ลูกชายตรงเข้าไปหอมแก้มเอาใจมารดา แล้วก็นั่งลงพะเน้าพะนอทันที “เหมือนเราจะไม่ได้เจอกันมาสักสองเดือนแล้วนะ” “ได้ข่าวว่าอารมณ์กำลังเสียหนัก แล้วก็จริง” “พวกนั้นปากมากอีกแล้วหรือครับ ไม่มีอะไรสักหน่อย” “ยังจะมาปฏิเสธอีก ได้ยินเองกับหูแท้ๆ” แล้วเธอก็ถอนหายใจ มองหน้าลูกชายอย่างพินิจ “เรื่องร้านขนมปังอบนั่นอีกแล้วใช่ไหม พวกเขายังไม่ยอมอีกเหรอ” “ก็อย่างที่รู้ครับคุณแม่ ขนาดเอาเงินตั้งล้านยูโรไปวางตรงหน้ายังไม่เอาเลย” “ให้คุณพ่อจัดการก็สิ้นเรื่อง เพราะพวกเขาเห็นว่าเราอยากจะได้ที่ตรงนั้นจริงๆ จึงเล่นแง่” ระหว่างที่มารดาพูด เขาหวนนึกไปถึงหญิงสาว ผู้ที่กำลังท้าทายเขาอยู่ “ถ้าคุณพ่อส่งทนายความไปเจรจา น่าจะได้ผล” ชายหนุ่มส่ายหน้า เผยรอยยิ้มอบอุ่นสดใสเหมือนตอนเป็นเด็ก “อย่าลำบากเลยครับคุณแม่ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ผมจัดการเองได้ ผมจะทำให้พวกเขาย้ายไปในวันสองวันนี่แหละครับ หลังจากนั้น เราก็จะได้เริ่มโครงการจัดสวนและสร้างสะพานเชื่อมระหว่างสองตึกนี่เสียที” มารดายิ้มภูมิใจ “ลูกชายของแม่นี่โตเป็นหนุ่มแล้วนะ ทั้งเก่งทั้งฉลาด แถมยังหล่อเหลาเสียขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะพาลูกสะใภ้มาให้แม่ชมเสียที” วิกเตอร์ยิ้มแทบไม่ออก “คุณแม่ครับ” “แม่รู้ลูก แต่ลูกน่าจะไปปรึกษาหมอ” “ผมไม่ใช่คนบ้าโรคจิตนะครับคุณแม่” “วิกเตอร์” น้ำเสียงบ่งชัดว่าสงสาร แต่ก็แฝงความเหนื่อยอ่อนใจ “ลูกสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง มีผู้หญิงมากมายที่เหมาะสมกับลูก ทั้งชาติตระกูล ฐานะ การศึกษาและรูปโฉม เพียงแค่ลูกจะไม่...” “วิปริต” มารดาปิดปากของลูกชายด้วยฝ่ามือไว้ “อย่าพูดอย่างนั้นลูก” ชายหนุ่มเงียบงัน หากดวงตาเท่านั้นมีเต็มไปด้วยเรื่องราว “ใครจะกล้ามาแต่งกับผมครับแม่ ผมมันก็ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายดีๆ นี่เอง” “แม่บอกลูกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าพูดถึงมันอีก ตอนนั้นลูกยังเด็ก อาจจะควบคุมอารมณ์ไมได้ แต่ตอนนี้ ลูกโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว” “ไม่จริงหรอกครับ” เขาปฏิเสธมันแทบจะทันท่วงที “ผมยังคงเป็นมันอยู่ ผมยังควบคุมมันไม่ได้” ผู้เป็นแม่จับมือลูกชายไว้แน่น กล่าวบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แม่ต้องการให้ลูกแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนแม่ เธอเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม เธอหลงรักลูกมาตั้งแต่เด็ก และไม่เคยสนใจข่าวลือบ้าบอพวกนั้นด้วย” “มันไม่ใช่ข่าวลือ” “วิกเตอร์” มารดาตวาดลูกชายจนลั่น ก่อนจะสงบสติอารมณ์ให้เป็นปกติ “เอาเป็นว่า หมั้นหมายกันในโอกาสดีๆ ที่จะถึงนี้ ลูกคงไม่ปฏิเสธ ลูกไม่ได้มีใครใช่ไหม” ชายหนุ่มมิทันจะตอบมารดา ลูกน้องตัวดีของเขาก็ก้าวเข้ามา ซึ่งก็เป็นคนที่อยากจะเสนอหน้ามากที่สุดในทุกโอกาส ลุยจิโค้งให้ทั้งนายหญิงและเจ้านาย “ท่านรัฐมนตรีให้มาเรียนว่าท่านมาถึงแล้วขอรับ และจะรอที่ห้องรับประทานอาหารเลยครับ” มาดามไดแอน ออปเปนไฮน์จึงกล่าวบอกลูกชายสุดที่รัก “ไปกันเถอะลูก อย่าให้คุณพ่อรอนาน” “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณพ่ออยู่แล้วครับ เรื่องโรงแรมของเราที่ครีต” ชายหนุ่มลุกตามมารดาไปแต่โดยดี แม้ว่ายังไม่อยากจะพบกับบิดาในตอนนี้ก็ตาม เขาไม่อยากคุยเรื่องการเมืองกับบิดา บิดาต้องการให้เขาลงเล่นการเมือง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD