“ผมอยากเป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ครับคุณพ่อ ผมอยากเป็นคนในยุคนี้ที่สามารถสร้างสถาปัตยกรรมที่คนอีกนับพันปีก็ยังพูดถึง นั่นละครับ เป้าหมายของผม”
“แกยิ่งโต ความคิดของแกก็ยิ่งไม่เหมือนฉัน”
คุณพ่อตัดสินลูกชาย พลางยกแก้วไวน์ทรงสูงขึ้นจิบ
“ไวน์จากเกาะครีตครับคุณพ่อ เป็นผลงานชิ้นใหม่ของผมเอง รสชาติเป็นไงบ้างครับ พอใช้ได้ไหม ผมคิดว่าจะส่งออกทั่วโลก”
คนดื่มยังคงไม่ให้คำตอบ จนกว่าจะดื่มอีกครั้ง คนเป็นแม่ยิ้มแย้ม ขณะจัดการอาหารสไตล์เมเตอร์เรเนียนที่คุ้นลิ้น อาหารทุกอย่างบนโต๊ะ ล้วนแล้วแต่ราคาแพงและหายากทั้งนั้น เป็นเมนูเฉพาะสำหรับคนพิเศษจริงๆ
“ใกล้ถึงวันเกิดลูกแล้ว ปีนี้ อยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมวิกเตอร์”
ชายหนุ่มแทบไม่ต้องใช้สมองเลย เพราะสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดและอยากได้มากที่สุดในปีนี้ก็คือ อำนาจ เขาต้องการสิ่งนี้มากกว่าอะไรทั้งหมด อำนาจที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างเสรี ในทุกที่ของประเทศ
“ผมอยากให้คุณพ่อได้เป็นประธานาธิบดีของประเทศเสียทีครับ”
นายพลมัสซิโม่ถึงกับยิ้มกริ่ม
“มีลูกชายอย่างแก ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าได้เป็นประธานาธิบดีเสียอีก”
ชายหนุ่มยิ้มตอบแก่บิดา อยากจะเอ่ยเหลือเกินว่าท่านคิดถูกที่สุด
ที่ร้านขนมปังอบเล็กจ้อยไม่เหลือร่องรอยของความปวดร้าวให้ได้เห็นอีกแล้ว เมื่อแขกที่ไม่ได้รับเชิญ พ่ายแพ้กลับไปในครานี้ แน่นอนที่สุด พวกเขาไม่ได้หลอกตัวเอง อีกไม่นาน ความยากลำบากจากการมีเรื่องกับคนที่ไม่ควรมีเรื่องที่สุดในกรีซจะหวนกลับมา
แต่วินาทีนี้ พวกเขาเลือกที่จะฉลองให้กับหนุ่มน้อยอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
บรรยากาศที่หวานซึ้งและอบอุ่น เสียงเพลง เสียงหัวเราะและการพูดคุยที่สนุกสนาน หากเต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพ งานฉลองอัดแน่นไปด้วยกรุ่นกลิ่นหอมจากเนยคุณภาพดีและอาหารเลิศรสที่ราคาไม่แพงมากนัก แต่ทุกอย่างอร่อยเหาะ
“อร่อยมากเลยค่ะ”
สมาชิกของครอบครัวขนมปังอบ และแขกอีกสองคนนั่งล้อมโต๊ะไม้เก่าคร่ำคร่าที่มีเค้กก้อนใหม่ ซึ่งทำมาจากการนำขนมทุกชนิดในร้านมาตกแต่งรวมกันอย่างน่ารัก จนได้ขนมสุดวิเศษสำหรับเจ้าของงานวันเกิดตัวอ้วน
เมื่อเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ดังขึ้นและจบลงด้วยเสียงปรบมือที่พร้อมเพรียง เจ้าหนูก็ได้เป่าเทียนวันเกิดสมดังใจปรารถนา
“สุขสันต์วันเกิดหมูอ้วนลูกรัก” พ่อกับแม่ของเจ้าหนูอวยพรวันเกิดให้แก่ลูกชายพร้อมกับหอมแก้มแถมให้ฟอดใหญ่ ตามมาด้วยกุยโด้ ลูกจ้างเพียงคนเดียวในร้าน ที่อุตส่าห์ซื้อของขวัญเป็นกระปุกออมสินลูกหมูมาให้เจ้านายน้อย
“ขอให้นายรวยเป็นมหาเศรษฐี”
ส่วนหญิงสาว เธอมีของขวัญชิ้นเล็ก ๆ ให้เจ้าหนูด้วยเช่นกัน นั่นก็คือสมุดโน้ตที่เธอทำใช้เอง เป็นงานฝีมือที่สวยงามและดูมีคุณค่า เป็นที่ถูกอกถูกใจเจ้าอ้วนน่าดู
“ขอให้เธอมีสุขภาพที่แข็งแรงนะจ๊ะหมูต้ม”
“ขอบคุณฮะ ขอบคุณทุกคนฮะ ผมสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี และจะลดความอ้วนให้ได้ด้วย”
แล้วเด็กดีก็ลงมือกินเค้กก่อนเป็นคนแรก ทำเอาผู้ใหญ่พากันส่ายหน้า ระอาใจ งานฉลองเล็กๆ ดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ไม่มีพิธีการอันใดมากมาย ทุกอย่างรื่นรมย์และเป็นธรรมชาติ เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ คลอเคล้าบรรยากาศจนทำให้ทุกคนลืมเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นไปชั่วขณะ
มาลินีได้มีโอกาสพูดคุยกับกุยโด้มากขึ้น ชายหนุ่มเป็นคนหนุ่มสุภาพ ยิ้มง่าย ขี้อายนิด ๆ แต่ก็เป็นคนสนุกสนานไม่น่าเบื่อ เธอคิดว่าหมอนี่น่าคบหาเป็นเพื่อนได้ดีเลยล่ะ อีกอย่าง อายุก็ใกล้เคียงกันด้วย
“อาหารเยอะมากขนาดนี้ แล้วเราจะกินกันหมดหรือคะเนี่ย”
“มีแค่เจ้าหมูต้มคนเดียว เรื่องแค่นี้จิ๊บจ้อยจ้า” ศจีมาศหันไปแซวลูกชายที่กำลังมูมมามเอร็ดอร่อย ดูเหมือนเขาจะลืมคำสัญญาว่าจะลดความอ้วนไปแล้ว “พี่ทำอาหารหลายอย่าง ทั้งของบ้านเราและของที่นี่ อาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนก็ไม่เลวนะจ๊ะ กินเยอะๆ เลยญาญ่า เผื่อติดใจจะมาอยู่ถาวร”
“จีจี้บอกว่าเธอจะไปครีตเหรอ” สามีสุดที่รักของศจีมาศถามไถ่ กุยโด้หันมามองหญิงสาวด้วยความสนใจเช่นกัน เมื่อมีการเอ่ยถึงบ้านเกิดของเขา
“ค่ะ” เธอตอบเสียงใส “ที่นั่นเป็นจุดหมายปลายทางที่ฉันมาที่นี่ค่ะ ตั้งใจว่าจะไปที่นั่นในปลายสัปดาห์หน้า”
“ถ้าอย่างนั้น เธออาจจะได้คำแนะนำดี ๆ จากกุยโด้นะ”
หนุ่มชาวเกาะเปิดรอยยิ้มจริงใจ
“ผมเองก็ไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วเหมือนกัน ยินดีหรือเปล่า ถ้าหากจะมีผู้ร่วมเดินทางเพิ่ม”
ยิ่งค่ำ บรรยากาศบนโต๊ะก็ยิ่งคึกคัก สนุกสนาน และเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกคนมีความสุขกับงานฉลองที่เรียบง่ายนี้
“สุขสันต์วันเกิดเจ้าอ้วนแล้ว ก็ขอถือโอกาสนี้ เลี้ยงต้อนรับน้องสาวคนสวยจากเมืองไทยเสียด้วยเลย” ศจีมาศยื่นแก้วไวน์มาแตะกับแก้วไวน์ของหญิงสาว “ขอต้อนรับอย่างเป็นทางการ”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณทุกคน”
มาลินีชนแก้วกบทุกคน แม้แต่แก้วน้ำผลไม้ของเจ้าอ้วน
“ขอให้สวรรค์บันดาลความสุขแก่ทุกคน”
หลังจากที่งานเลี้ยงเลิกรา ศจีมาศบอกให้กุยโด้กลับบ้านไปพักผ่อนได้ ไม่ต้องอยู่ช่วยเก็บร้าน เพราะพรุ่งนี้ต้องมาทำงานแต่เช้า ส่วนอัลเฟรดผู้เป็นพ่อก็พาลูกชายขึ้นชั้นสอง เจ้าหนูควรจะนอนซะที เพื่อไปโรงเรียนในตอนเช้า
ชั้นล่างจึงเหลือเพียงหญิงสาวสองคนที่กำลังช่วยกันเก็บโต๊ะ ทำความสะอาดสถานที่ ระหว่างนั้นเอง ศจีมาศถึงได้เข้ามาจับมือมาลินีไว้ แววตาสุดซึ้งจ้องมองหญิงสาวผู้อ่อนเยาว์อย่างไม่ละวาง
“ขอบใจมากนะญาญ่า ที่เธอปกป้องครอบครัวของเราอย่างกล้าหาญ” กระนั้น ในแววตาอ่อนโยนคู่นั้นกลัดความกลุ้มใจไว้ด้วย “แต่พี่หวั่นใจจริงๆ เพราะการไปมีเรื่องกับคนระดับนั้น มันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เธอกล้าท้าทายลูกชายของรัฐมนตรีที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในกรีซเชียวนะ”
มาลินียิ้มละมุน วางมือเกาะกุมมืออวบอูมของเพื่อนต่างวัย
“พี่ศจีคะ ต่อให้หมอนั่นเป็นลูกชายของเทพเจ้า ถ้าเขากล้าทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่า กล้ารังแกคนที่ไม่มีทางสู้ เขาก็ต้องได้รับการถูกลงโทษค่ะ คนแบบนี้ ไม่เคยนึกถึงจิตใจของใครเลยนอกจากใจของตัวเอง เขาคงถูกเลี้ยงดูมาอย่างผิด ๆ จึงทำให้เป็นคนน่ารังเกียจ พี่ศจีไม่ต้องไปกลัวคนแบบนี้หรอกนะคะ เพราะจริงๆ แล้วตานี่ขี้ขลาด อาศัยอำนาจบารมีของพ่อแม่ไปวัน ๆ เท่านั้นเอง”
ศจีมาศพยักหน้า พยายามจะเข้าใจ
“ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง”
“พระอาทิตย์ก็จะขึ้นเหมือนเดิมค่ะ พรุ่งนี้ ญาญ่าจะไปหาซื้อกระถางใบใหม่ ลงต้นforget me not ชดใช้อันที่เสียไป และจะดูแลมันให้ดีที่สุดค่ะ”
“พี่ว่านายวิกเตอร์คงจะจำ forget me not ไปอีกนาน”
หญิงสาวหัวเราะสนุก แต่คนแก่ไม่สนุกด้วย
“เขาต้องไม่ลามือแค่นี้แน่ สงสัยต้องเตรียมติดต่อรถขนของซะแล้ว”
“แต่ญาญ่าว่าเตรียมกระสอบไว้เก็บเงินสามร้อยล้านยูโรดีกว่าค่ะพี่ศจี” ศจีมาศจะเขกหัวแม่สาวจอมแก่นเสียให้หายปากดี แต่เธอกลับถอนหายใจแทน
“สาธุ ขอให้เรื่องทุกอย่างมันผ่านพ้นไปได้ด้วยดีด้วยเถอะ”
“แล้วจะกรวดน้ำให้หมอนั่นใช่ไหมคะ”
“น้องญาญ่า”