ทฤษฎีที่ว่ารักแรกมักอยู่ในความทรงจำเสมอนี่สามารถใช้ได้กับทุกคนไหมนะ รักแรกที่มีอยู่แค่ในความทรงจำ ซึ่งมันจะยังคงเป็นความทรงจำที่ดีตลอดไป
แต่ตอนนี้คนในความทรงจำกำลังอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว คนที่ฉันจะไม่มีวันลืมและไม่คิดจะลืมในสิ่งที่เขาเคยช่วยให้ฉันได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ ได้ใช้ชีวิตจนมาเจอเขาอีกครั้งแบบนี้
"หลีกทางสิคะน้องไม่เห็นเหรอว่าพี่โซ่ต้องเข้าไปแต่งตัว"
"อ๊ะ..ขอโทษค่ะ"
ฟึ้บ
ฉันเบิกตามองพี่ช่างแต่งหน้าที่เป็นสาวประเภทสองที่กล่าวไล่ให้ฉันขยับออกจากทาง ฉันจึงต้องรีบก้มหัวขอโทษขอโพยและขยับหลีกออกมาจากทางเข้าห้องแต่งตัวของนายแบบ
ฉันที่ตอนนี้พาตัวเองขยับมายืนที่ขอบประตูแล้วเหลือบมองร่างสูงที่กำลังเดินตามพี่ช่างแต่งหน้าเข้าไปในห้องแต่งตัวด้วยหัวใจที่กำลังเต้นแรง พี่โซ่ต่างจากตอนนั้นมาก ตอนที่เขาเรียนอยู่มอหกเขามีสีผมดกดำ แต่ตอนนี้ผมเขายาวประบ่าได้และสีของผมเป็นสีบอนด์ซึ่งมันยิ่งขับให้ใบหน้าเหวี่ยงๆของเขาเหวี่ยงขึ้นไปอีก ทั้งดวงตาเรียวคมและจมูกโด่งเป็นสันมันยิ่งทำให้เขาดูน่าดึงดูดมากกว่าแต่ก่อน
กึ่ก
หัวใจฉันแทบจะหยุดเต้นในตอนที่ดวงตาเรียวตวัดหางตามามองฉันที่กำลังแอบมองเขาอยู่ที่หน้าประตู และก่อนที่ประตูจะปิดลงริมฝีปากหยักขยับยกขึ้นราวกับว่าเขากำลังทักทายฉัน...รึว่าเขาจะจำฉันได้
"หยกๆเคลียร์ห้องแต่งตัวเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?"
เสียงของผู้จัดการกองเอ่ยถามในตอนที่เขากำลังจะเดินผ่าน ฉันจึงรีบพยักหน้าและเดินไปหาเขา
"เรียบร้อยแล้วค่ะพี่กรมีอะไรให้หยกทำอีกไหมคะ?"
"ไปพักก่อนก็ได้นะหยกจริงๆเราก็มาช่วยเพราะคนขาด เดี๋ยวยังไงถ้ามีอะไรพี่ค่อยบอกเราแล้วกัน"
"ค่ะ เดี๋ยวหยกจะรออยู่แถวๆนี้นะคะ"
"จ้า"
พี่กรพยักหน้าตอบฉันด้วยรอยยิ้มก่อนเขาจะเดินไปเช็กความเรียบร้อยต่อ ซึ่งตอนนี้ที่ที่ฉันอยู่คือสตูที่มีไว้สำหรับถ่ายแบบของพี่กรน่ะ วันนี้ที่นี่มีถ่ายเครื่องประดับสำหรับผู้ชายที่มีพี่โซ่เป็นพรีเซ้นเตอร์หลัก...และจริงๆฉันไม่มีส่วนกับงานนนี้หรอก แต่เพราะรู้จักกับพี่กรจากการทำกิจกรรมที่มหาลัยเขาเลยวานให้ฉันมาช่วยเพราะคนขาด อย่างที่รู้ว่าช่วงนี้ช่วงเทศกาลสงกรานต์พนักงานส่วนมากเลยลากันเยอะ แล้วงานนี้ดันอยากถ่ายแก้ฉันเลยโชคดีมีโอกาสมา
ฉันมาเพราะรู้ว่าพี่โซ่จะมาถ่ายเลยนะ ฉันอยากเจอเขามานานมากแล้ว
"ดูเขาสินี่คือลูกชายคนโปรดของพระเจ้ารึไง?"
พี่พนักงานหญิงสองคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเยื้องๆกับที่ฉันนั่งกำลังกระซิบกระซาบกันเสียงเบา พร้อมกับเหลือบมองไปที่พี่โซ่ที่กำลังยืนถ่ายแบบอยู่หน้ากล้อง ขนาดว่าถ่ายใกล้ใบหน้าเขามากแค่ไหนเขายังไม่เขินเลยอ่ะ ทั้งสายตาและท่าโพสดูโปรเฟสชั่นแนลมาก
ฉันยิ้มบางๆพลางคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาขณะที่สายตาก็มองพี่โซ่ด้วยความนับถือ ฉันมองเขาจนจบงานก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันเก็บข้าวของ
"น้องหยกครับพี่วานเราไปเก็บห้องแต่งตัวเหมือนเดิมนะ"
"โอเคค่ะพี่"
ฉันรีบขยับเดินไปตามทางที่ไปห้องแต่งตัว ซึ่งตอนนี้พี่โซ่น่าจะกลับแล้วมั้งเพราะผู้จัดการเขากลับไปแล้ว...แค่ได้เห็นเขาจากไกลๆก็ดีมากแล้วแหละ ใจฟูแล้ว
แกร๊ง
กลิ่นบุหรี่..ทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องแต่งตัวกลิ่นของบุหรี่ก็โชยมาแตะจมูกทันที ฉันมองไปทั่วห้องด้วยความสงสัยก่อนจะเดินเข้าไปหาต้นตอ เพราะกลัวว่าจะมีใครจุดแล้วลืมไว้แต่กลิ่นมันออกมาจากห้องน้ำอ่ะ
"ขอโทษนะคะมีใครอยู่ไหม?"
ไม่มีเสียงตอบรับเลยอ่ะมีแต่เสียงแปลกๆเหมือนคนขยับในห้องน้ำดังออกมาเบาๆ ฉันเม้มปากด้วยความประหม่าก่อนจะหันหลังเตรียมจะเดินออกจากห้องเพราะมันมีคนอยู่ในนั้นแน่ๆ
"โทษทีแต่ใครอยู่ข้างนอกน่ะ?"
"คะ? เอ่อพนักงานค่ะหนูมาเตรียมเก็บห้อง"
"เปิดประตูให้หน่อย"
"เดี๋ยวนะคะ"
เห็นพี่กรพูดอยู่นะว่ากลอนห้องน้ำมันไม่ค่อยจะดี ฉันเดินไปที่กลอนประตูก่อนจะบิดลูกบิดซึ่งมันเปิดได้..
แกร๊ง
"กลอนมันพังป่ะ??"
ดวงตาฉันเบิกกว้างพร้อมกับขาที่ก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ เพราะคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำคือพี่โซ่! พี่โซ่ตัวจริงเสียงจริงเลย!
"นี่ผมตายเป็นผีแล้วเหรอทำไมตกใจขนาดนั้น?"
"มะไม่ใช่ค่ะ ขอโทษนะคะ"
ฉันรีบก้มหน้าและขอโทษเขาก่อนเขาจะถอนหายใจออกมาเบาๆ และเสยผมมองฉันด้วยแววตาเบื่อๆ
"เห็นผู้จัดการผมไหม?"
"กะกลับแล้วนะคะ" ฉันเงยหน้าตอบก่อนจะก้มหน้าอีกครั้ง เพราะไม่กล้าสู้หน้าเขา
"ผู้จัดการประสาอะไรกูหายทั้งคนเสือกหนีกลับบ้านก่อน" ฉันกัดริมฝีปากล่างของตัวเองและขยับถอย "อย่าเพิ่งไปเอาโทรศัพท์มาให้ยืมหน่อย"
"คะ"
"โทรศัพท์อ่ะพอดีไอ้ผู้จัดการมันหอบทุกอย่างกลับหมด"
ฉันรีบพยักหน้าก่อนจะรีบยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้เขา แต่กลับต้องเบิกตากว้างในตอนที่พี่โซ่เอื้อมมือมารับแต่รูปหน้าจอล็อกของฉันคือรูปของพี่โซ่! มันเป็นรูปของเขาในตอนมัธยมอ่ะ!
"เดี๋ยวก่อน" พี่โซ่ขมวดคิ้วดึงโทรศัพท์ของฉันไปดูรูปตัวเองใกล้ๆ ก่อนจะเหลือบมองฉันพร้อมเอียงใบหน้า "ไปเอารูปนี้มาจากไหน?"
"คือ.."
"รูปตั้งแต่มัธยมแถมยังถ่ายตอนผมหลับ.."
พี่โซ่เงียบไปก่อนฉันจะเงยหน้าเตรียมจะตอบแต่มือใหญ่ของเขากลับเอื้อมมาบีบคางฉันไว้ให้เงยหน้าขึ้นสบตากัน ซึ่งนั้นมันทำเอาหัวใจฉันเต้นแรงมากขึ้นมากซะจนฉันเผลอกำมือตัวเองแน่น
"หยกเหรอ...ยัยเด็กเบ๊คนนั้นน่ะนะ?"
7 ปีก่อน
12.33 am.
พลั่ก!
"เดินยังไงเนี้ยอีเบ๊!?"
เสียงแหลมดังตวาดขึ้นสุดเสียงพร้อมกับแขนของเธอที่สะบัดโดนแขนของฉันทั้งๆที่เป็นเธอเองที่เดินมาชนจนฉันเซเกือบจะล้ม ฉันมองหนังสือนวนิยายที่ตัวเองถือติดมือมาด้วยที่หล่นลงพื้นด้วยแววตานิ่งเรียบก่อนจะรีบก้มลงไปหยิบมัน แต่คนที่เพิ่งเดินชนฉันระหว่างทางกลับขยับมาหยิบปกหนังสือฉันไว้จนฉันต้องเงยหน้ามองด้วยความตกใจ
"กูพูดด้วยทำไมมึงไม่ตอบล่ะอีเบ๊?"
ใบหน้าสวยราวกับนางฟ้าโน้มลงมามองฉันใกล้ๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะจากกลุ่มเพื่อนของเธอที่ดังขึ้น
"เราไม่ได้ชนแตงนะ"
"ฮ่าๆ ก็นึกว่าจะได้คำตอบที่ดีกว่านี้"
แตงโมหญิงสาวที่อายุเท่ากับฉันและเธอมีหน้าตาที่สวยฟ้าประทาน แต่นิสัยของเธอกลับต่างจากหน้าตาลิบลับยกยิ้มมองฉันก่อนมือนุ่มจะวางลูบบนหัวของฉันและลูบเบาๆ
"โถ่ๆ แค่ถามนิดถามหน่อยก็ทำหน้าจะร้องไห้แล้วดูสิ จุๆๆ น่าสงสาร"
"มันตอแหลแหละ"
"อย่าว่าให้เพื่อนแบบนั้นสิแหวนเพื่อนเราไม่สู้คน มาม่ะจะช่วย"
แตงโมยื่นมือมาเหมือนจะช่วยประคองฉันขึ้นซึ่งฉันก็เชื่อและเอื้อมมือไปจับมือเธอ แต่สิ่งที่ได้มาคือแรงกระชากจากมือนิ่มที่กระชากฉันแรงจนฉันไถลล้มลงไปกับพื้นตรงหน้าพวกเพื่อนของเธอ ซึ่งนั้นมันเรียกเสียงหัวเราะสะใจจากพวกเพื่อนของแตงโมได้ไม่ยากเลย
"ฮ่าๆ นี่มันคิดว่าโมจะช่วยมันจริงๆนะเนี้ย"
"ตลกว่ะโถ่ทำหน้าเศร้าซะเป็นนางเอกเลยนะ ตื่นได้แล้วค่ะเจ้าหญิงในโลกความจริงไม่มีเจ้าชายมาช่วยมึงหรอกนะ"
"ฮ่าๆ"
ฉันก้มมองแต่พื้นไม่กล้าที่จะเงยหน้ามาสบตาหรือต่อสู้อะไรกับพวกเขาอีก จนพวกของแตงโมเดินจากไปนั่นแหละฉันถึงรีบขยับลุกและไปเก็บเอาหนังสือนิยายตัวเองมากอดไว้ ก่อนจะรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำด้วยความอับอาย เพราะจริงๆแล้วตลอดทางเดินไม่ได้มีแค่พวกของแตงโม มันยังมีนักเรียนคนอื่นๆอีกแต่พวกเขาก็เลือกที่จะมองเฉยๆ เพราะคงชินตากับการที่ฉันโดนทำร้ายไปแล้ว
"อึ่ก.."
ฉันเบะปากกลั้นเสียงตัวเองไม่ให้สะอื้นแม้ตัวเองจะกำลังร้องไห้อยู่ ขณะที่มือก็ค่อยๆเช็ดหน้าปกที่มีรอยรองเท้าของแตงโมทั้งน้ำตา...ฉันไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหนที่ตัวเองตกเป็นเป้า ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หรือมันจะเพราะว่าฉันเป็นคนไม่ค่อยพูดและไม่มีเพื่อนมันเลยกลายเป็นที่สนใจของพวกแตงโม
แตงโมเธอคือลูกสาวของผู้มีอิทธิพลที่บริจาคเงินให้โรงเรียนเอกชนแห่งนี้ เพราะงั้นเวลาเธอทำอะไรถึงไม่มีใครกล้าขัด และที่ฉันโดนแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเคยโดนมาก่อน จริงๆก่อนหน้านี้มีคนนึงแต่เธอย้ายออกในเทอมสองเพราะทนการกดขี่นี้ไม่ไหว...พอมาเทอมนี้มันเลยมาตกลงที่ฉันเองที่เป็นคนโชคร้าย
ฟึ้บ
ฉันลุกจากฝาชักโครกก่อนจะเดินออกมาล้างมือข้างนอกและกลับออกไปด้วยใบหน้านิ่งเรียบตามเคย ฉันมองเข้าไปในห้องที่ตอนนี้พวกแตงโมกำลังนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม ซึ่งพวกเธอกำลังคุยกันเสียงดังอย่างสนุกสนาน...ซึ่งมันคงเป็นเรื่องที่ได้แกล้งฉันอีกตามเคย
"อ้าวมาแล้วเหรอคนคลั่งรัก"
วันนี้มันวันอะไรทำไมแตงโมยังหาเรื่องฉันอีกทั้งๆที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันกำหนังสือแน่นและหันมองแตงโมก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นสมุดไดอารี่ของตัวเองที่อยู่ในมือเธอ
"เอาคืนมานะแตงโม!"
"แสดงว่าของมันจริงๆว่ะโม"
"โถ่ๆ ดูซิว่าหยกกำลังเพ้อหาใคร?"
ฉันเดินเข้าไปหาแตงโมแต่กลับโดนเพื่อนอีกสองคนของเธอผลักเข้าที่ไหล่เต็มแรงจนเซกลับมาที่เดิม
"พี่หนึ่งมอห้าเขาเก่งด้านดนตรีเอามากๆ เราตามดูเขาตลอดเลยพี่เขาดูสง่างามราวกับเจ้าชาย ฮ่าๆ มันเขียนนิยายอยู่เหรอวะ"
"หยุดนะ!"
ฉันตะโกนสุดเสียงจนแตงโมชะงัก
"พอแล้วเลิกทำแบบนี้กับเราสักที เราไม่เคยทำอะไรให้แตงโมเลยนะ!"
แตงโมหัวเราะร่าพร้อมกับลงจากโต๊ะของฉันและเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม
"ก็พอใจจะทำอ่ะรึมึงไม่พอใจ?"
"เราว่าหยุดเถอะ"
แตงโมสูดลมหายใจมองพร้อมกับกอดอกมองฉัน ก่อนเธอจะยกสมุดขึ้น
"อยากได้คืนใช่ป่ะ?"
"ใช่ ขอร้องเอาคืนเราเถอะ"
"ได้ งั้นมึงก็ไปหาเอาเอง"
พรึ่บ!
"ไม่นะ!"
ฉันวิ่งตามแตงโมด้วยความตกใจพร้อมกับมองสมุดไดอารี่ของตัวเองที่ถูกโยนออกนอกหน้าต่างชั้นสี่ของตึกอย่างไม่เชื่อสายตา
"ตามไปเอาซะสิเจ้าหญิงก่อนเจ้าชายจะมาเห็นสิ่งที่เธอเพ้ออ่ะ ฮ่าๆ"
แตงโมหัวเราะลั่นพร้อมกับเพื่อนของเธอที่กำลังมองฉันอย่างเย้ยหยัน ฉันเม้มปากแน่นก่อนจะวิ่งลงออกจากห้องและวิ่งลงบันไดเพื่อไปหาสมุดไดอารี่ของตัวเองด้วยความร้อนใจ ถึงใครจะว่ามันไม่สำคัญแต่มันสำคัญกับฉันมากนะ
"อยู่ไหนนะ..ให้ตาย"
ฉันมองซ้ายมองขวาด้วยความร้อนใจ มันร้อนใจจนน้ำตาจะไหลเพราะตอนนี้มันไม่เห็นทั้งๆที่มันตกลงที่สนามหญ้าด้านหลัง ฉันเห็นกับตา..
"หานี่อยู่เหรอ?"
เสียงทุ้มไม่คุ้นหูดังขึ้นก่อนฉันจะหันมองสมุดไดอารี่สีขาวของตัวเองที่พี่เขาถืออยู่...เขาอยู่มอหกดูจากสีเนกไท
"ใช่ค่ะของหนูเอง"
ดวงตาเรียวหรี่มองฉัน ขณะที่ฉันก็เงยหน้ามองเขาซึ่งนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นผู้ชายที่ทำให้ใจตัวเองเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ...ริมฝีปากหยักยกยิ้มมุมปากก่อนยื่นสมุดมาให้ฉัน
"เป็นบ้าอะไรถึงโยนลงมาล่ะ"
"เอ่อ.."
"เอาไปแล้วก็รีบไปขึ้นเรียนซะ"
ฟึ้บ
เขายัดสมุดใส่มือฉันก่อนจะเอาหมวกแก๊ปสีดำเหมือนผมของเขาขึ้นใส่
"ขอบคุณนะคะ"
"ของสำคัญแบบนั้นเก็บไว้ในบ้านก็พอแล้ว"
เขาเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปทางสวนหลังโรงเรียน ซึ่งเป็นที่รู้ๆกันว่ามันมีทางโดดออกจากกำแพงได้...และพี่เขาก็คงจะหนีเรียนออกไปด้านนอกเหมือนคนอื่นๆทำ
แต่ทำไมหัวใจฉันเต้นแรงไม่หยุดเลยละ ทั้งๆที่เพิ่งเจอเรื่องแย่ๆมาแต่หัวใจกลับลิงโลดอย่างน่าประหลาดใจ