หลายวันต่อมา
"ลงมายัง ฉันอยู่ข้างล่างคอนโดแกแล้วนะ"
"แป๊บนะ กำลังลงไปแล้ว" เราเอ่ยตอบปลายสายของพะแพง พร้อมกับสาวเท้าเดินไปคว้ากระเป๋าที่แขวนอยู่ จากนั้นก็รีบจ้ำเท้าเดินไปที่หน้าประตูห้องเพื่อสวมใส่รองเท้า
เราอยู่ในชุดเสื้อยืดเอวลอยสีดำกับกางเกงยีนขาสั้นสบายตัว กำลังจะออกไปกินก๋วยเตี๋ยวแถวหน้าคอนโดของตัวเอง ซึ่งพะแพงขับรถมาจากคอนโดของพะแพงยี่สิบนาทีเพื่อจะมากินก๋วยเตี๋ยวร้านโปรดกับเรา
ถ้าถามว่าทำไมเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันแล้วไม่อยู่คอนโดเดียวกัน เหตุผลก็เพราะว่าพะแพงมีคอนโดอยู่แล้ว เป็นมรดกตกทอดมาจากพี่ชายเลยต้องได้ไปอยู่ที่นั่น
ส่วนที่เราไม่ตามไปเพราะว่าเราอยากอยู่ใกล้ ๆ
มหาลัย แล้วที่สำคัญคอนโดที่เราอยู่มันก็ไม่แพงมากแต่ห้องสวยตกแต่งได้ถูกใจเรามากด้วย
"นี่คุณนาย แต่งตัวไปกินก๋วยเตี๋ยวหรือไปเดินแบบคะ?" ทันทีที่เราเดินลงมาถึงหน้าล็อบบีพะแพงก็เอ่ยทักทายเราด้วยถ้อยคำกวนบาทาตามประสาเพื่อนสนิท
"ปกติเราก็แต่งแบบนี้เถอะ!"
"ฉันล่ะไม่เคยชินกับการนุ่งสั้นห่มน้อยของแกเลยจริง ๆ" พะแพงพูดพร้อมกับส่ายหน้าออกมาพลาง ๆ
"ก็แต่งแบบนี้มันสบายนี่ เราขี้ร้อนพะแพงก็รู้…แล้วมัวแต่บ่นจะไปกินไหมเนี่ยก๋วยเตี๋ยวอะ"
"กินสิ คิดว่าฉันขับรถมาถึงคอนโดเธอเพื่อบ่นอย่างเดียวรึไง ฉันมาเพราะกินก๋วยเตี๋ยวร้านโปรดต่างหากล่ะ"
เราส่ายหัวให้กับคำพูดของเพื่อนสนิทตัวเองเบา ๆ จากนั้นก็เดินไปคล้องแขนพะแพงและพากันเดินไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าคอนโด
"มาอีกแล้วคนสวยสองคนนี้ ป้ากำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย"
"ปากหวาน/ปากหวาน" เรากับพะแพงพูดขึ้นพร้อมกันแบบลากเสียงยาว ๆ และส่งยิ้มหวานให้ป้าเจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยว
"แล้ววันนี้จะกินอะไรดีจ๊ะ" ป้าเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวแสนใจดีเอ่ยถามต่อหลังจากหัวเราะกับคำพูดของพวกเราสองคน
"หนูเอาเส้นเล็กต้มยำแซ่บ ๆ ค่ะป้า" พะแพงฉีกยิ้มสั่งเมนูโปรดของตัวเอง
"หนูเอาเส้นเล็กน้ำใส พิเศษลูกชิ้นแบบเยอะ ๆ เลยค่ะ" จากนั้นเราก็ฉีกยิ้มสั่งเมนูโปรดของตัวเองต่อ
"เดี๋ยวป้าให้ฟรีเลย เห็นว่าน่ารักหรอกนะเนี่ย"
"จริงเหรอคะ! ขอบคุณนะคะ" เราฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันขาวครบทุกซี่ก่อนจะยกมือขึ้นมาไหว้คุณป้าเป็นการขอบคุณ ป้าผงกหัวให้เราเบา ๆ จากนั้นเรากับพะแพงก็หมุนตัวเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ว่างอยู่
"แป๊บนะต้นหลิว พวงกุญแจที่แกหวงแหนหายไปไหนแล้วอะ" พะแพงพูดขึ้นพร้อมกับมองมาที่กระเป๋าสะพายของเรา เราจึงหลุบมองกระเป๋าของตัวเอง
"เฮ้ย หายไปจริง ๆ ด้วยอะ" แล้วเราก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะพวงกุญแจที่ห้อยกระเป๋าเราหายไป
"ถอดวางไว้ที่ห้องหรือเปล่า"
"ไม่นะ แพงก็รู้ว่าเราไม่เคยถอดพวงกุญแจออกจากกระเป๋าเลย"
"มันอาจจะหล่นอยู่ในห้องก็ได้ ค่อยกลับไปหา"
"อือ หวังว่ามันจะอยู่ในห้องนะ อย่าหายไปเลย"
"อย่าคิดมากต้นหลิว มันคงหล่นอยู่ในห้องนั่นแหละ ไม่หายไปไหนหรอก" พะแพงพูดขึ้นเมื่อเห็นเราทำหน้างอ เราเลยมองหน้าพะแพงก่อนจะพยักหน้ารับรู้
ไลฟ์ คอนโด
"เจอไหมอะต้นหลิว" เสียงพะแพงดังออกมาจากลำโพงไอแพด ตอนนี้เรากำลังคุยโทรศัพท์กับพะแพงแล้วก็เดินหาพวงกุญแจรูปหมีของตัวเองที่หายไปด้วย
เราโทรคุยกับพะแพงไว้เพราะพะแพงกำลังขับรถกลับคอนโดแต่เกิดอาการกลัวผีขึ้นมาเลยให้เราโทรศัพท์คุยเป็นเพื่อน
"ไม่เจอเลย หายไปตั้งแต่ตอนไหนอะ เหมือนเมื่อวานเรายังเห็นมันห้อยที่กระเป๋าเราเหมือนปกติอยู่เลยนะ" เราเท้าเอวพร้อมกับกวาดสายตาของตัวเองมองไปรอบ ๆ ห้อง
ไม่มี! ไม่มีเลย!
"หายไปแล้วแน่ ๆ เลยอะ หรือว่าจะเป็นตอนนั้น!"
"ตอนไหน" เสียงพะแพงเอ่ยถามขึ้น
"ก็วันปฐมนิเทศไง ที่เราเล่าให้ฟังว่าพานักเลงวิ่งหนีนักเลงอะ มันต้องหล่นตอนวิ่งแน่เลยอะ ออกไปเดินหาตอนนี้ดีปะ"
"แกจะบ้าเหรอต้นหลิว มันหลายวันแล้วนะออกไปหาตอนนี้ก็คงไม่เจอแล้วล่ะ"
"โธ่เอ๊ย! แล้วจะทำยังไงอ่า พวงกุญแจอันนั้นมันสำคัญกับเรามากแพงก็รู้" พวงกุญแจรูปหมีสั่งทำแบบพิเศษ มันเป็นพวงกุญแจรุ่นลิมิติดหายากแบบมาก ๆ ซึ่งเราหวงพวงกุญแจอันนี้มาก เราจะห้อยไว้ตลอดไม่เคยถอดหรือวางทิ้งมั่วซั่วเลย
"โอ๊ย! นี่มันเวรกรรมอะไรของเราอะ เจอนักเลงไม่พอ ยังซวยซ้ำซวยซ้อนทำของรักของหวงหายอีก"
"พะแพง เดี๋ยวเราวางสายก่อนนะ"
"เอ้า ทำไมอะแกจะไปไหน"
"เราว่าจะออกไปข้างนอกอะ แค่นี้นะพะแพง" พูดจบเราก็กดตัดสายเพื่อนสนิทของตัวเองไปทันที
จากนั้นเราก็เดินไปหยิบเสื้อคลุมสีน้ำเงินแขนยาวมาใส่ทับเสื้อกล้ามที่เราสวมใส่อยู่ตอนนี้ ก่อนจะเดินไปใส่รองเท้าที่ประตูหน้าห้อง
"มืดก็มืด ถ้าอยู่ต่างจังหวัดคนเขาคงคิดว่ามาหากบ"
ปากเราบ่นพึมพำออกมาไม่หยุดขณะที่ดวงตาก็พยายามกวาดมองหาพวงกุญแจหมีของเรา เผื่อว่ามันจะตกอยู่ตามข้างทางแล้วไม่ได้มีใครเก็บไปจริง ๆ
"ไม่มีเลย" เรายืนเบะปากทำท่าจะร้องไห้อยู่หลังมหาลัยคนเดียว เมื่อพยายามเดินหามันเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
"เป็นเพราะไอ้นักเลงบ้านั่นคนเดียวเลย ไอ้นักเลงเฮงซวย!" เราพูดขึ้นด้วยท่าทีหัวเสียก่อนจะต้องยอมถอดใจและเดินสาวเท้าไปนั่งรถกลับคอนโดของตัวเอง