ตอนเย็นที่คอนโด
“โห… บรรยากาศดีจัง”
เสียงหวานเอ่ยอย่างตื่นเต้นขณะยืนอยู่ริมระเบียง ดวงตาคู่ใสจับจ้องไปยังภาพแสงไฟนับพันที่ค่อย ๆ สว่างขึ้นทั่วกรุงเทพฯ
“ฉันไม่ได้เห็นกรุงเทพมานานแล้วนะเนี่ย…”
มีญาหรือ มินพูดพลางเช็ดผมที่ยังชื้นจากการอาบน้ำ เส้นผมนุ่มสลวยสะบัดเบา ๆ ตามแรงลมเย็นที่พัดผ่านเข้ามาทางระเบียง
เมืองหลวงในยามค่ำเต็มไปด้วยสีสัน ตึกสูงสลับเรียงราวกับเพชรระยิบระยับบนฟ้า
เธอสูดหายใจลึก ๆ รู้สึกเหมือนกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เฝ้ารอมานาน
ขณะนั้นเอง
ติ้ง!
เสียงกริ่งประตูดังขึ้น เรียกให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย
“อาหารที่สั่งเดลิเวอรี่มาถึงแล้วแน่เลย!”
คนตัวเล็กพูดพลางรีบวิ่งเท้าเปล่าออกจากระเบียงไปที่ประตู มือเล็กหมุนลูกบิดอย่างรวดเร็ว แล้วรับถุงอาหาร
“ขอบคุณค่ะ!”
หญิงสาวรับถุงอาหารจากไรเดอร์ด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มศีรษะให้เล็กน้อย แล้วรีบปิดประตูอย่างร่าเริง
พร้อมกับกลิ่นอาหารหอมลอยอบอวลทันทีที่เธอวางถุงลงบนโต๊ะกินข้าว
มินเปิดถุงทีละชั้นด้วยความตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของขวัญ
“หื้ม… อาหารไทยที่ฉันคิดถึงที่สุด!”
ตาเธอเป็นประกายเมื่อเห็น ผัดไทย หอยทอด ต้มยำกุ้ง และข้าวเหนียวมะม่วง ที่เธอสั่งมาทั้งหมด
“ดูสิ แค่ได้กลิ่นก็น้ำลายไหลแล้ว~”
เธอคีบกุ้งคำโตเข้าปาก พลางเปิดเพลงเบา ๆ คลอในห้อง เสียงหัวเราะของเธอก้องสะท้อนในคอนโดที่ตกแต่งเรียบหรู
“ชีวิตอิสระมันดีแบบนี้นี่เอง…”
เธอพูดกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งพิงพนักเก้าอี้ จิบชานมเย็นอย่างผ่อนคลาย โดยไม่รู้เลยว่า…
อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงข้างหน้า ความสงบที่เธอเฝ้าฝันจะพังทลายลง เพราะ “เสียงบางอย่าง” จากข้างห้องจะเริ่มต้นขึ้น
ซึ่งมันจะเป็นเสียงที่ดังพอจะทำให้ทั้งคืนของเธอ “นอนไม่หลับ”
หนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมา
ขณะที่หญิงสาวนั่งกินข้าวอยู่หน้าทีวีอย่างอารมณ์ดี รายการตลกบนหน้าจอทำให้เธอเผลอหัวเราะออกมาคนเดียว
“ฮ่า ๆ ๆ กรุงเทพก็ไม่ได้แย่แฮะ”
เธอตักข้าวเข้าปากอีกรอบ แต่ทันใดนั้น…
“อ๊ะ! พี่คิณ…โอ้ว~”
เสียงหวานแผ่วเบาลอดกำแพงมาจากห้องข้าง ๆ
มินชะงักทันที ช้อนที่กำลังจะเข้าปากหยุดกลางอากาศ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง
“หือ… ใครนะ?” เธอพึมพำกับตัวเองอย่างงุนงง
เงียบไปสองวินาที ก่อนเสียงนั้นจะตามมาอีก
“อื้อ… เบา ๆ สิคะพี่คิณ! ซี๊ด!”
“…………..”
คนตัวเล็กถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อกเดียว หัวใจเต้นตึกตัก รู้สึกทั้งตกใจ ทั้งหน้าแดงจนร้อนวูบไปถึงหู
“ตะ…แต่นี่มัน…คอนโดหรูนะ ทำไมเสียงมันทะลุกำแพงได้ขนาดนี้เนี่ย!”
เธอพยายามไม่สนใจ ลุกขึ้นเดินไปเปิดทีวีให้เสียงดังขึ้น
แต่แทนที่จะกลบได้…กลับยิ่งเหมือนเสียงข้างห้องดังชัดกว่าเดิมเสียอีก
“อ๊ะ…พี่คิณ…แรงอีกหน่อย…แบบนั้นแหละค่ะ ฮร๊าาา~”
“โอ๊ย!”
มินร้องออกมาอย่างหงุดหงิด หน้าร้อนจนแทบระเบิด “คืนนี้ต้องนอนไม่หลับแน่ ๆ!”
เธอคว้าหมอนอุดหู นั่งกอดเข่าบนเตียง สีหน้าแดงก่ำทั้งอายทั้งโมโห
สุดท้ายต้องปิดไฟทั้งห้อง หวังว่าจะช่วยให้เสียงมันเบาลง
แต่ไม่…เสียงยังดังต่อเนื่อง ราวกับตั้งใจให้เธอได้ยิน
กระทั่งเที่ยงคืน…
เสียงนั้นก็ยังไม่หายไป
“อืม…พี่คิณ…กระแทกมาแรง ๆ ค่ะ อ๊ะ!”
“เฮ้อ! พี่คิณอีกแล้วเหรอ! ใครกันนะพี่คิณ!”
เธอพึมพำ พลางเอาหมอนทุบเตียงเบา ๆ อย่างขัดใจ
มินกัดปากแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและอยากรู้อยากเห็นผสมกัน
ก่อนจะหันไปหยิบสมุดโน้ตเล็ก ๆ ขึ้นมา เขียนข้อความลงไปด้วยลายมือสวยเรียบร้อยแต่แฝงความแสบ
“คืนนี้ช่วยเบาเสียงหน่อยนะคะ
เสียงคุณดังจนคิดว่าดูซีรีส์เรทอยู่ในห้องตัวเองแล้ว :)”
เธอฉีกกระดาษแผ่นนั้นอย่างตั้งใจ พับครึ่งเรียบร้อย
พร้อมภารกิจใหม่ของเช้าวันพรุ่งนี้
“เอามันติดหน้าห้องข้าง ๆ”
เช้าต่อมา
แสงแดดยามเช้าสาดลอดม่านเข้ามากระทบแก้มเนียนของหญิงสาวที่นอนกอดหมอนแน่นทั้งคืน
มินค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาคู่กลมยังคงมีร่องรอยของ “การนอนไม่เต็มอิ่ม” อยู่ชัด
“หาวว… โอ๊ย ยัยมินเอ๊ย นอนไม่พอเลย”
เธอบ่นกับตัวเองขณะลุกจากเตียง เสยผมยุ่ง ๆ อย่างหงุดหงิด
ภาพเมื่อคืนแล่นกลับเข้ามาในหัวทันที เสียง “กิจกรรมเข้าจังหวะ” ที่ดังทะลุกำแพงแทบทั้งคืน และชื่อที่เธอไม่มีวันลืม…
พี่คิณ
“พี่คิณ…ใครวะ! จะพังความสงบของชีวิตใหม่ฉันเหรอ!”
เธอพูดพลางเดินงัวเงียไปล้างหน้า แปรงฟัน แล้วหยิบกระดาษโน้ตที่เขียนไว้เมื่อคืนขึ้นมา
“หึ!”
ริมฝีปากเล็กแล้วคลี่ยิ้มมุมปาก เธอถือกระดาษแผ่นนั้นแน่น ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทีมาดมั่น
ฉึบ ฉึบ ฉึบ!
เสียงรองเท้าแตะพื้นทางเดินดังเบา ๆ
จากนั้นคนตัวเล็กก็เดินไปยังหน้าห้อง 2007 แล้วติดโน้ตแผ่นเล็กไว้ตรงกลางประตูห้องข้าง ๆ อย่างเด่นชัด
“เรียบร้อย!”
เธอตบฝ่ามือเบา ๆ กับกระดาษราวกับปิดจ็อบได้อย่างภาคภูมิใจ
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหันกลับ…
เสียง “ติ๊ง!” ของประตูล็อกอัตโนมัติดังขึ้นจากห้องนั้น
“เฮ้ย…เปิดประตูเหรอ?”
มินชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นแบบไม่รู้เหตุผล
แล้วประตูก็ค่อย ๆ เปิดออก
ชายร่างสูงในเสื้อช็อปสีกรมท่าหลวม ๆ ยืนอยู่ตรงหน้า เขามีผมยุ่งนิด ๆ จากการเพิ่งตื่น ดวงตาคมเข้มใต้ขนตายาวสบเข้ากับเธอเต็ม ๆ
คิณกร…
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นกระดาษโน้ตที่เธอถืออยู่
สายตาเลื่อนจากกระดาษ…มาหยุดที่ใบหน้าของเธอ
“เธอ…แปะอะไรไว้หน้าห้องฉัน?”
เสียงทุ้มต่ำถามด้วยน้ำเสียงง่วง ๆ แต่แฝงความหงุดหงิดจาง ๆ
มินหน้าแดงวูบ รีบซ่อนกระดาษไว้ข้างหลัง
“เอ่อ…ไม่มีอะไรค่ะ! แปะผิดห้อง!”
“เหรอ…”
เขาโน้มตัวลงเล็กน้อย จนใบหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
กลิ่นน้ำหอมผู้ชายจาง ๆ จากตัวเขาทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
“งั้น…ทำไมถึงเขียนว่า ‘เสียงคุณดังจนคิดว่าดูซีรีส์เรทอยู่ในห้องตัวเองแล้ว’ หืม?”
“ว้าย! เอาคืนมานะ!”
มินรีบแย่งกระดาษกลับ แต่คิณชูขึ้นสูงอย่างง่ายดาย ริมฝีปากยกยิ้มมุมหนึ่ง
“อ้อ…เมื่อคืนคงได้ยินสินะ”
เขาแกล้งพูดเสียงเรียบ แต่แววตากลับเจ้าเล่ห์จนน่าหยิก
มินเบิกตากว้าง หน้าแดงขึ้นเรื่อย ๆ “ฮะ…หะ…หูฉันดีไปเองต่างหาก! ฉันไม่รู้ว่าใครทั้งนั้น!”
“แน่ใจเหรอ?” เขาก้มลงกระซิบใกล้หูเธอ
“ถ้าได้ยินอีก…อย่าลืมเคาะมาบอกพี่นะ เผื่อพี่จะเบาให้”
“บ้า!!”
เธอเผ่นหนีกลับเข้าห้องแทบไม่ทัน เขาพูดแบบไม่อายฟ้าดิน ทำให้เธอต้องปิดประตูดัง
“ปัง!”
หัวใจเต้นรัวจนแทบทะลุออกจากอก
“ตะ…ตายแน่ยัยมิน เขินทำไมเนี่ย!”
ข้างนอก ห้อง 2007 มีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังตามมา
คิณพิงประตู ยกโน้ตขึ้นดูอีกครั้ง ก่อนจะอมยิ้มมุมปาก
“เด็กข้างห้องนี่…น่าสนใจดีแฮะ”