บทที่ 3 เสียงข้างห้อง

1275 Words
ตอนเย็นที่คอนโด “โห… บรรยากาศดีจัง” เสียงหวานเอ่ยอย่างตื่นเต้นขณะยืนอยู่ริมระเบียง ดวงตาคู่ใสจับจ้องไปยังภาพแสงไฟนับพันที่ค่อย ๆ สว่างขึ้นทั่วกรุงเทพฯ “ฉันไม่ได้เห็นกรุงเทพมานานแล้วนะเนี่ย…” มีญาหรือ มินพูดพลางเช็ดผมที่ยังชื้นจากการอาบน้ำ เส้นผมนุ่มสลวยสะบัดเบา ๆ ตามแรงลมเย็นที่พัดผ่านเข้ามาทางระเบียง เมืองหลวงในยามค่ำเต็มไปด้วยสีสัน ตึกสูงสลับเรียงราวกับเพชรระยิบระยับบนฟ้า เธอสูดหายใจลึก ๆ รู้สึกเหมือนกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เฝ้ารอมานาน ขณะนั้นเอง ติ้ง! เสียงกริ่งประตูดังขึ้น เรียกให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย “อาหารที่สั่งเดลิเวอรี่มาถึงแล้วแน่เลย!” คนตัวเล็กพูดพลางรีบวิ่งเท้าเปล่าออกจากระเบียงไปที่ประตู มือเล็กหมุนลูกบิดอย่างรวดเร็ว แล้วรับถุงอาหาร “ขอบคุณค่ะ!” หญิงสาวรับถุงอาหารจากไรเดอร์ด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มศีรษะให้เล็กน้อย แล้วรีบปิดประตูอย่างร่าเริง พร้อมกับกลิ่นอาหารหอมลอยอบอวลทันทีที่เธอวางถุงลงบนโต๊ะกินข้าว มินเปิดถุงทีละชั้นด้วยความตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของขวัญ “หื้ม… อาหารไทยที่ฉันคิดถึงที่สุด!” ตาเธอเป็นประกายเมื่อเห็น ผัดไทย หอยทอด ต้มยำกุ้ง และข้าวเหนียวมะม่วง ที่เธอสั่งมาทั้งหมด “ดูสิ แค่ได้กลิ่นก็น้ำลายไหลแล้ว~” เธอคีบกุ้งคำโตเข้าปาก พลางเปิดเพลงเบา ๆ คลอในห้อง เสียงหัวเราะของเธอก้องสะท้อนในคอนโดที่ตกแต่งเรียบหรู “ชีวิตอิสระมันดีแบบนี้นี่เอง…” เธอพูดกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งพิงพนักเก้าอี้ จิบชานมเย็นอย่างผ่อนคลาย โดยไม่รู้เลยว่า… อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงข้างหน้า ความสงบที่เธอเฝ้าฝันจะพังทลายลง เพราะ “เสียงบางอย่าง” จากข้างห้องจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งมันจะเป็นเสียงที่ดังพอจะทำให้ทั้งคืนของเธอ “นอนไม่หลับ” หนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมา ขณะที่หญิงสาวนั่งกินข้าวอยู่หน้าทีวีอย่างอารมณ์ดี รายการตลกบนหน้าจอทำให้เธอเผลอหัวเราะออกมาคนเดียว “ฮ่า ๆ ๆ กรุงเทพก็ไม่ได้แย่แฮะ” เธอตักข้าวเข้าปากอีกรอบ แต่ทันใดนั้น… “อ๊ะ! พี่คิณ…โอ้ว~” เสียงหวานแผ่วเบาลอดกำแพงมาจากห้องข้าง ๆ มินชะงักทันที ช้อนที่กำลังจะเข้าปากหยุดกลางอากาศ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง “หือ… ใครนะ?” เธอพึมพำกับตัวเองอย่างงุนงง เงียบไปสองวินาที ก่อนเสียงนั้นจะตามมาอีก “อื้อ… เบา ๆ สิคะพี่คิณ! ซี๊ด!” “…………..” คนตัวเล็กถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อกเดียว หัวใจเต้นตึกตัก รู้สึกทั้งตกใจ ทั้งหน้าแดงจนร้อนวูบไปถึงหู “ตะ…แต่นี่มัน…คอนโดหรูนะ ทำไมเสียงมันทะลุกำแพงได้ขนาดนี้เนี่ย!” เธอพยายามไม่สนใจ ลุกขึ้นเดินไปเปิดทีวีให้เสียงดังขึ้น แต่แทนที่จะกลบได้…กลับยิ่งเหมือนเสียงข้างห้องดังชัดกว่าเดิมเสียอีก “อ๊ะ…พี่คิณ…แรงอีกหน่อย…แบบนั้นแหละค่ะ ฮร๊าาา~” “โอ๊ย!” มินร้องออกมาอย่างหงุดหงิด หน้าร้อนจนแทบระเบิด “คืนนี้ต้องนอนไม่หลับแน่ ๆ!” เธอคว้าหมอนอุดหู นั่งกอดเข่าบนเตียง สีหน้าแดงก่ำทั้งอายทั้งโมโห สุดท้ายต้องปิดไฟทั้งห้อง หวังว่าจะช่วยให้เสียงมันเบาลง แต่ไม่…เสียงยังดังต่อเนื่อง ราวกับตั้งใจให้เธอได้ยิน กระทั่งเที่ยงคืน… เสียงนั้นก็ยังไม่หายไป “อืม…พี่คิณ…กระแทกมาแรง ๆ ค่ะ อ๊ะ!” “เฮ้อ! พี่คิณอีกแล้วเหรอ! ใครกันนะพี่คิณ!” เธอพึมพำ พลางเอาหมอนทุบเตียงเบา ๆ อย่างขัดใจ มินกัดปากแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและอยากรู้อยากเห็นผสมกัน ก่อนจะหันไปหยิบสมุดโน้ตเล็ก ๆ ขึ้นมา เขียนข้อความลงไปด้วยลายมือสวยเรียบร้อยแต่แฝงความแสบ “คืนนี้ช่วยเบาเสียงหน่อยนะคะ เสียงคุณดังจนคิดว่าดูซีรีส์เรทอยู่ในห้องตัวเองแล้ว :)” เธอฉีกกระดาษแผ่นนั้นอย่างตั้งใจ พับครึ่งเรียบร้อย พร้อมภารกิจใหม่ของเช้าวันพรุ่งนี้ “เอามันติดหน้าห้องข้าง ๆ” เช้าต่อมา แสงแดดยามเช้าสาดลอดม่านเข้ามากระทบแก้มเนียนของหญิงสาวที่นอนกอดหมอนแน่นทั้งคืน มินค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาคู่กลมยังคงมีร่องรอยของ “การนอนไม่เต็มอิ่ม” อยู่ชัด “หาวว… โอ๊ย ยัยมินเอ๊ย นอนไม่พอเลย” เธอบ่นกับตัวเองขณะลุกจากเตียง เสยผมยุ่ง ๆ อย่างหงุดหงิด ภาพเมื่อคืนแล่นกลับเข้ามาในหัวทันที เสียง “กิจกรรมเข้าจังหวะ” ที่ดังทะลุกำแพงแทบทั้งคืน และชื่อที่เธอไม่มีวันลืม… พี่คิณ “พี่คิณ…ใครวะ! จะพังความสงบของชีวิตใหม่ฉันเหรอ!” เธอพูดพลางเดินงัวเงียไปล้างหน้า แปรงฟัน แล้วหยิบกระดาษโน้ตที่เขียนไว้เมื่อคืนขึ้นมา “หึ!” ริมฝีปากเล็กแล้วคลี่ยิ้มมุมปาก เธอถือกระดาษแผ่นนั้นแน่น ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทีมาดมั่น ฉึบ ฉึบ ฉึบ! เสียงรองเท้าแตะพื้นทางเดินดังเบา ๆ จากนั้นคนตัวเล็กก็เดินไปยังหน้าห้อง 2007 แล้วติดโน้ตแผ่นเล็กไว้ตรงกลางประตูห้องข้าง ๆ อย่างเด่นชัด “เรียบร้อย!” เธอตบฝ่ามือเบา ๆ กับกระดาษราวกับปิดจ็อบได้อย่างภาคภูมิใจ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหันกลับ… เสียง “ติ๊ง!” ของประตูล็อกอัตโนมัติดังขึ้นจากห้องนั้น “เฮ้ย…เปิดประตูเหรอ?” มินชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นแบบไม่รู้เหตุผล แล้วประตูก็ค่อย ๆ เปิดออก ชายร่างสูงในเสื้อช็อปสีกรมท่าหลวม ๆ ยืนอยู่ตรงหน้า เขามีผมยุ่งนิด ๆ จากการเพิ่งตื่น ดวงตาคมเข้มใต้ขนตายาวสบเข้ากับเธอเต็ม ๆ คิณกร… เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นกระดาษโน้ตที่เธอถืออยู่ สายตาเลื่อนจากกระดาษ…มาหยุดที่ใบหน้าของเธอ “เธอ…แปะอะไรไว้หน้าห้องฉัน?” เสียงทุ้มต่ำถามด้วยน้ำเสียงง่วง ๆ แต่แฝงความหงุดหงิดจาง ๆ มินหน้าแดงวูบ รีบซ่อนกระดาษไว้ข้างหลัง “เอ่อ…ไม่มีอะไรค่ะ! แปะผิดห้อง!” “เหรอ…” เขาโน้มตัวลงเล็กน้อย จนใบหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายจาง ๆ จากตัวเขาทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ “งั้น…ทำไมถึงเขียนว่า ‘เสียงคุณดังจนคิดว่าดูซีรีส์เรทอยู่ในห้องตัวเองแล้ว’ หืม?” “ว้าย! เอาคืนมานะ!” มินรีบแย่งกระดาษกลับ แต่คิณชูขึ้นสูงอย่างง่ายดาย ริมฝีปากยกยิ้มมุมหนึ่ง “อ้อ…เมื่อคืนคงได้ยินสินะ” เขาแกล้งพูดเสียงเรียบ แต่แววตากลับเจ้าเล่ห์จนน่าหยิก มินเบิกตากว้าง หน้าแดงขึ้นเรื่อย ๆ “ฮะ…หะ…หูฉันดีไปเองต่างหาก! ฉันไม่รู้ว่าใครทั้งนั้น!” “แน่ใจเหรอ?” เขาก้มลงกระซิบใกล้หูเธอ “ถ้าได้ยินอีก…อย่าลืมเคาะมาบอกพี่นะ เผื่อพี่จะเบาให้” “บ้า!!” เธอเผ่นหนีกลับเข้าห้องแทบไม่ทัน เขาพูดแบบไม่อายฟ้าดิน ทำให้เธอต้องปิดประตูดัง “ปัง!” หัวใจเต้นรัวจนแทบทะลุออกจากอก “ตะ…ตายแน่ยัยมิน เขินทำไมเนี่ย!” ข้างนอก ห้อง 2007 มีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังตามมา คิณพิงประตู ยกโน้ตขึ้นดูอีกครั้ง ก่อนจะอมยิ้มมุมปาก “เด็กข้างห้องนี่…น่าสนใจดีแฮะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD