บทที่ 19. ตอน เจ้าซาลาเปาน้อยที่แสนน่ารัก

1732 Words
บทที่ 19. ตอน เจ้าซาลาเปาน้อยที่แสนน่ารัก ตั้งแต่เด็กแฝดเกิดมาก็ทำให้กิจการของมารดาเจริญรุ่งเรือง ร้านขายอาหารทะเลแห้งของหลิวซืออิน นับวันยิ่งทำกำไรงาม สามารถขยายร้านจนกลายเป็นผู้รับซื้อของทะเลตากแห้งรายใหญ่ของเมืองหนานไห่ และยังตั้งโรงผลิตปลาเค็มส่งขายไปยังเมืองต่างๆ รวมถึงมีพ่อค้าจากต่างแคว้นมารับไปขายต่อ ปลาเค็มจากร้านของหลิวซืออิน คุณภาพดีเอาไว้ได้นานไม่เน่าเสีย ช่วงแรกนางอยู่หน้าร้านค้าขายด้วยตัวเอง เมื่อกิจการใหญ่โตขึ้นจึงปล่อยให้ลูกจ้างมาทำหน้าที่แทน ตัวนางไปคอยดูแลบัญชีและคุมโรงผลิตให้ได้คุณภาพ วันคืนผันผ่านเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสอง เติบโตได้ห้าขวบ หน้าตาน่ารักน่าชังและยังฉลาดเฉลียวพูดจาเก่ง ซุนเซิงกลายเป็นท่านลุงของเด็กๆ เขายังไม่แต่งงาน แม้หลิวซืออินคิดแนะนำสตรีให้หลายคนเขาก็ไม่สนใจ จนนางต้องปล่อยให้วาสนานำพาคนที่ใช่มาหาเขาเอง "อี้หนิง ผิงอัน วันนี้แม่จะไปคุยธุระกับเถ้าแก่เฉิน เจ้าอยู่กับท่านยายฉีดีๆ นะ กลับมาแม่จะซื้อขนมมาฝาก" วันนี้หลิวซืออินมีนัดคุยการค้ากับเถ้าแก่เฉิน เขาบอกว่ามีคนสนใจจะซื้อปลาเค็มของนางจำนวนมาก ต้องการพบนางโดยตรงเพื่อตกลงราคา "ท่านแม่ ผิงอันจะอยู่กับท่านยายฉี" เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยวาจาออดอ้อน ดวงตากลมโตเปล่งประกายสดใสร่าเริง ปากสีชมพูสด รับกับจมูกเล็กๆ วันนี้นางเกล้ามวยก้อนกลมเหมือนซาลาเปาสองข้าง ประดับผมด้วยผ้าแถบสีชมพู ใบหน้าของเด็กน้อยละม้ายมารดาย่อส่วนลงมา น่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุด "ผิงอันเด็กดี เจ้าน่ารักที่สุด" หลิวซืออินลูบแก้มนุ่มของลูกสาว มองใบหน้ากลมเหมือนซาลาเปาอย่างเอ็นดู "อี้หนิง เจ้าเป็นพี่ต้องช่วยท่านยายดูแลน้องสาวด้วย เข้าใจหรือไม่" นางยื่นมือไปจับไหล่บุตรชาย พลางอบรมเขา "เข้าใจขอรับท่านแม่ ข้าจะดูแลผิงอันเอง" เด็กชายตัวสูงกว่าน้องสาวฝาแฝดเล็กน้อย แต่รูปร่างผอมกว่า ใบหน้าของเขาได้รูป คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ดวงตาคม ทำให้คนเป็นแม่ อดนึกถึงบิดาของเขาไม่ได้ บุตรชายของนางราวกับถอดแบบบิดามา นิสัยใจคอก็คล้ายเยี่ยเหวินจ้าวหลายส่วน ไม่ต่างจากลูกไม้หล่นใต้ต้น ยามนางมองหน้าลูกคนนี้ ก็เหมือนได้เห็นพ่อของเขา "อี้หนิงเด็กดี แม่เชื่อว่าเจ้าทำได้" หลิวซืออินยกมือมาลูบศีรษะบุตรชาย ก่อนจะก้มลงหอมแก้มของเขา เจ้าซาลาเปาน้อยทำท่าเขินอาย น่ารักจนคนเป็นแม่ต้องหอมแก้มเขาอีกข้าง ด้านผิงอันรีบยื่นหน้ามาให้มารดาหอมบ้าง "ท่านแม่หอมข้า หอมข้า" น้องสาวมักขี้อ้อนและขี้อิจฉากว่าพี่ชาย แม่หนูผิงอันมักจะพูดว่า ท่านแม่ต้องรักข้าให้มากๆ และชอบให้ท่านแม่หอมนางที่สุด "หอมแล้วๆ อย่าดื้ออย่าซน แล้วแม่จะรีบกลับ" หลิวซืออินหอมแก้มเจ้าตัวน้อยทั้งสองจนพอใจ แล้วก็ขึ้นรถม้าออกไป พอพ้นสายตามารดา ผิงอันก็เปลี่ยนแววตาจากลูกแกะแสนน่ารัก เป็นลูกแมวจอมดื้อทันที "พี่ชาย ข้าอยากกินน้ำตาลปั้น" "รอท่านลุงซุนกลับมาก่อน ค่อยขอให้ท่านลุงพาเจ้าไปซื้อ" อี้หนิงไม่ตามใจน้อง ท่านแม่บอกให้เขาดูแลผิงอัน ดังนั้นเขาจะต้องเข้มงวด ในบ้านทุกคนล้วนตามใจผิงอัน เพียงนางทำตาแป๋ว ออดอ้อนสองสามคำก็จะได้สิ่งที่ต้องการ นางจึงติดนิสัยชอบอ้อนเหมือนลูกแมว มีเพียงท่านแม่ที่กล้าตีนาง วันนี้ท่านแม่ให้เขาดูแลน้องสาว เขาจะทำหน้าที่แทนท่านแม่เอง "พี่ชาย... ท่านไม่รักผิงอันแล้วเหรอ" ดวงตากลมโตของนาง มีหยาดน้ำคลอ นางมองหน้าพี่ชายพร้อมกับทำท่าเหมือนจะร้องไห้ มือป้อมจับแขนของเขา เอาศีรษะที่มีมวยกลมสองลูกเอียงซบท่อนแขนของอี้หนิงไว้ คนเป็นพี่พยายามแข็งขืนไม่ตามใจ "พี่ชาย ท่านไม่รักข้าจริงๆ ฮือ... อุ๊บ!" ผิงอันอ้าปากจะกรีดร้อง มือน้อยของอี้หนิงรีบปิดปากน้องสาวไว้ทันที แต่ดวงตาของนางมีน้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาแล้ว "ก็ได้ๆ พี่จะไปซื้อให้ อย่าร้องนะเด็กดี" แม้พี่ชายจะพยายามเข้มงวดเพียงใด สุดท้ายก็แพ้น้ำตาของน้องสาวจนได้ ใครใช้ให้เขาใจอ่อนกันเล่า "ข้าไปด้วยนะ แป้บเดียวเอง ท่านยายฉีไม่ว่าหรอก นะท่านพี่ ข้าอยากดูท่านลุงทำน้ำตาลปั้น" อี้หนิงมองไปยังด้านใน ท่านยายฉีกำลังวุ่นวายกับการนับของที่เพิ่งมาลงใหม่ ท่านลุงซุนยังไม่กลับ คนงานในร้านวุ่นวายกับงานของตัวเอง พวกเขาสองคนแอบหลบไปซื้อน้ำตาลปั้นครู่เดียว คงไม่มีผู้ใดรู้ "พี่พาเจ้าไป แต่เจ้าจ่ายเงินเอง ตกลงไหม" ศีรษะเล็กประดับด้วยมวยกลมสองลูกพยักรับอย่างดีใจ จนแถบมัดผมส่ายไปมา "ได้ๆ ข้าจ่าย ข้ามีเงินเยอะ" มือน้อยตบถุงเงินใบเล็กข้างเอวตัวเองดังปุๆ ผิงอันหาเงินเก่ง นางมักได้เงินได้ของขวัญจากบรรดาท่านลุงท่านอา ที่พากันแวะเวียนมาหาท่านแม่ เมื่ออยากได้แม่ก็ต้องเอาใจลูกๆ อี้หนิงไม่ชอบให้ผู้ใดมาเกาะแกะมารดาตน จึงมักทำหน้าบึ้งตึงใส่คนเหล่านั้น ด้านผิงอันแม้จะไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับท่านแม่ แต่นางกลับพลิกแพลงความไม่ชอบ มาเป็นการหากำไรจากคนเหล่านั้น ด้วยการเป็นแม่สื่อรับจดหมายและของขวัญแทนท่านแม่ ในหีบสมบัติใบน้อยของนาง จึงเต็มล้นไปด้วยข้าวของสารพัด ที่แม้แต่มารดาก็ยังไม่เคยเห็น ไม่ต้องพูดถึงถุงเงินที่มีเงินก้อนใช้ซื้อขนมได้ โดยไม่ต้องขอผู้ใด ความลับนี้มีเพียงอี้หนิงรู้เพียงคนเดียว เขาไม่ได้ห้ามปราม แต่กลับร่วมมือกับน้องสาว กลั่นแกล้งผู้คนเหล่านั้น หาทางกำจัดไปทีละคนสองคน จนตอนนี้ชายหนุ่ม พ่อม่าย ในเมืองหนานไห่ ที่หมายปองเถ้าแก่เนี้ยร้านขายอาหารทะเลแห้ง เหลือเพียงไม่กี่คนแล้ว ร้านน้ำตาลปั้นอยู่ไม่ไกลจากร้านขายอาหารทะเลแห้ง อี้หนิงจูงมือน้องสาวเดินไปตามทาง ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่มาหาซื้อข้าวของ พวกเขาสองคนเติบโตมาก็เห็นสภาพแบบนี้จนชินตา ไม่รู้สึกหวาดกลัวอะไร คนแถวนี้ต่างรู้จักเจ้าแฝดทั้งสอง เอ็นดูเจ้าซาลาเปาน้อยกันทั้งสิ้น ร้านขายน้ำตาลปั้นของท่านลุงหม่า เป็นร้านขนมเจ้าประจำของผิงอัน ด้านอี้หนิงชอบถังหูลู่มากกว่า ร้านถังหูลู่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของร้านน้ำตาลปั้น ล้วนเป็นของชอบของเด็กๆ "ท่านลุงหม่า วันนี้ข้าอยากได้หงส์ เอาตัวโตๆ นะเจ้าคะ" แม่หนูผิงอันสั่งน้ำตาลปั้นของตนเสร็จก็หันไปถามพี่ชายว่า "พี่ชาย ท่านอยากได้รูปอะไร มังกร เสือ หรือเอารูปกระต่าย" "ข้าอยากกินถังหูลู่มากกว่า" อี้หนิงมองไปยังร้านถังหูลู่ฝั่งตรงข้าม เขาลังเลว่าจะเดินไปซื้อคนเดียวทิ้งน้องสาวไว้ที่นี่ หรือพาผิงอันไปด้วย สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่า ควรพาน้องสาวไปด้วย ท่านแม่บอกให้เขาดูแลผิงอัน เขาไม่ควรคลาดสายตาจากนาง มือน้อยจึงกุมมือน้องสาวจูงเดินข้ามไปอีกฝั่งถนน สองร่างเล็กๆ เดินถึงครึ่งทางไม่ทันข้ามฝั่ง ทันใดนั้นเอง ! รถม้าคันหนึ่งก็แล่นมาพอดี กรี๊ด ระวัง! ผู้คนที่เห็นเหตุการต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ "ผิงอัน มานี่" อี้หนิงหันไปเห็นรถม้ารีบดึงผิงอันมากอดไว้ เอาตัวปกป้องน้องสาวตามสัญชาตญาณของพี่ชาย เสียงฝีเท้าม้าดังก้องขึ้น เด็กชายหลับตาปี๋ กอดน้องสาวไว้แน่น ควั่บ ฮี้ ฮี้ ! เสียงแส้กระชากคอม้าไว้ จนมันยกขาลอยจากพื้น คนในรถม้ากระโดดออกมา ใช้วิชาตัวเบาดีดตัวข้ามม้า แล้วหิ้วคอเสื้อของเด็กทั้งสอง ดีดเท้าหลบพ้นจากล้อรถ ได้อย่างหวุดหวิด ความรู้สึกของอี้หนิงกับผิงอัน เหมือนตัวเองได้กลายเป็นนกบินอยู่บนฟ้า ลมเย็นๆ ปะทะใบหน้าเล็กๆ จนแสบตา เมื่อร่อนลงพื้นก็ถูกวางตัวลง พวกเขาจึงได้แหงนหน้ามองดูผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิต "ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านลุง... " ผิงอันน้อยกอดขาแหงนหน้ามอง บุรุษร่างสูงใหญ่ พร้อมกับเอ่ยขอบคุณ เจ้าซาลาเปาน้อยมองใบหน้าคนที่นางเรียกท่านลุงตาแป๋ว ด้านอี้หนิงเอง เมื่อถูกวางลงบนพื้นเขาก็เข่าอ่อน ล้มลงไปกองกับพื้น หันไปมองผิงอันพบว่าน้องสาว ถูกวางลงอย่างเบามือกว่า จึงไม่หกล้มน่าอายแบบเขา "ขอบคุณ ขอรับ" อี้หนิงรีบขยับลุกขึ้น ปัดเสื้อผ้าเปื้อนฝุ่นของตัวเอง แล้วประสานมือโค้งคำนับ ตามที่เคยได้รับการสอนจากท่านลุงซุน "พวกเจ้าทั้งสองไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว" ชายผู้นั้นวางมือบนไหล่เล็กๆ ของอี้หนิง มืออีกข้างลูบศีรษะของผิงอัน ใบหน้าของเขามีหน้ากากสีเงินอันหนึ่งปิดไว้ครึ่งบน เห็นเพียงริมฝีปากเท่านั้น รูปร่างสูงใหญ่สวมชุดสีดำดูน่าเกรงขาม รถม้าคันที่เขานั่งมา มีเครื่องหมายของจวนแม่ทัพติดอยู่ ทำให้ผู้คนไม่กล้าเอาเรื่อง อีกทั้งเด็กๆ ไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงได้แต่ยืนมุงดู ///
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD