บทที่ 20 ตอน เพียงพบเจอก็รู้สึกถูกชะตา

2054 Words
บทที่ 20 ตอน เพียงพบเจอก็รู้สึกถูกชะตา "อี้หนิง ผิงอัน พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" นางฉีฮุ่ยแหวกฝูงชน วิ่งไปหาเด็กแฝดทั้งสอง สีหน้าของนางตื่นตกใจมาก เมื่อครู่นางไม่ทันสังเกตว่า อี้หนิงกับผิงอันออกมาจากร้าน ได้ยินเสียงคนกรีดร้องว่ามีรถม้าจะชนเด็ก ก็ใจหายวาบมองหาเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสองก็ไม่เห็นตัว จึงรีบวิ่งออกจากร้านมาดู พบว่าเป็นหนิงอี้กับผิงอันจริงๆ "ท่านยาย ข้าไม่เป็นอะไร ท่านลุงช่วยข้า" ผิงอันรีบบอกท่านยายฉี แม่หนูจับมือของท่านลุงอย่างสนิทสนม รู้สึกประทับใจที่ท่านลุงผู้นี้ช่วยตนไว้ "ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเด็กๆ ไว้" นางฉีฮุ่ยกล่าวขอบคุณพร้อมกับคารวะ ด้วยความซาบซึ้งใจ วันนี้นางมัวแต่นั่งนับของที่เอามาส่งจึงไม่ทันสังเกตว่า อี้หนิงและผิงอันแอบออกมาจากร้าน หากทั้งสองเป็นอะไรไป นางคงไม่อาจสู้หน้าหลิวซืออินได้ โชคดีที่ท่านผู้นี้ได้ช่วยเหลือเด็กทั้งสองเอาไว้ได้ นางจึงอยากจะตอบแทนคุณของเขา "เป็นความผิดของคนของข้าเอง ที่ไม่ทันระวังจนเกือบขี่รถทับเด็ก ข้าสมควรแล้วที่จะต้องช่วยเหลือเด็กๆ เอาไว้ ข้าขออภัยด้วย" คนผู้นั้นเอ่ยขอโทษออกมา คนขี่รถม้าของเขาเกือบขี่รถทับเด็กไปแล้ว โชคดีที่ได้ยินเสียงกรีดร้องเขาจึงออกมาช่วยเด็กๆได้ทัน "ท่านแม่ทัพ โปรดลงโทษข้าเถิด เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ทันระวัง" คนขี่รถม้าคุกเข่าลงคำนับกับพื้นยินยอมรับโทษ เขารีบเร่งไปส่งเจ้านาย จนไม่ได้ทันระวังเกือบคร่าชีวิตเด็กทั้งสอง "กลับจวนไป ก็ไปรับโทษโบยยี่สิบไม้ ข้าจะหักเบี้ยหวัดของเจ้าเดือนนี้ครึ่งเดือน มาเป็นค่าปลอบขวัญให้เด็กๆ ทั้งสองคน" "ขอรับท่านแม่ทัพ" คนขี่รถม้าน้อมรับคำลงโทษโดยไม่โต้แย้ง ถูกโบยยี่สิบไม้นับว่าปราณีแล้ว หากเขาทำให้เด็กตายอาจต้องชดใช้ด้วยชีวิต ท่านแม่ทัพผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเข้มงวด และโหดเหี้ยมมาก ทหารทุกคนที่อยู่ภายใต้อานัติ จึงรู้สึกเกรงกลัวแม่ทัพผู้นี้มาก "ที่แท้ท่านคือท่านแม่ทัพ ข้าขอเชิญท่านดื่มน้ำชา จะได้ให้เด็กทั้งสองคารวะขอบคุณท่าน" นางฉีฮุ่ยได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นถึงแม่ทัพ ก็คิดจะเชิญเขาไปดื่มน้ำชา และหาของขวัญตอบแทน "ท่านลุง เดี๋ยวข้าจะเลี้ยงน้ำตาลปั้นท่านเอง" ผิงอันคิดเลี้ยงขนมตอบแทนคุณท่านลุง มือน้อยๆ จับมือใหญ่กว่าจูงให้เดินตามนาง "ท่านลุง ท่านรับน้ำใจผิงอันไว้เถอะ" อี้หนิงเอ่ยขึ้น เขารู้ว่าหากอีกฝ่ายคิดขัดความปรารถนาดีของนาง ผิงอันก็คงจะเสียใจแน่ "ก็ได้ ร้านขายน้ำตาลปั้นอยู่ตรงไหน เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปเอง" ท่านลุงผู้ใจดียกร่างเล็กของผิงอันมาอุ้มไว้ แม่หนูโอบคอเขาไว้แน่น เอนศีรษะซบอกท่าทางดูสนิทสนม จนนางฉีฮุ่ยรู้สึกแปลกใจ ปกติผิงอันจะไม่ยอมให้ใครอุ้มนอกจากคนในครอบครัว และยิ่งแปลกใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นเขายื่นมืออีกข้างมาจูงมืออี้หนิง เด็กชายยอมยื่นมือให้เขาจับโดยไม่รังเกียจ ปกติอี้หนิงไม่ยอมสนิทสนมกับผู้ใดง่ายๆ คงเป็นเพราะคนผู้นี้ช่วยเหลือทั้งสองเอาไว้ จึงสร้างความประทับใจให้พวกเขากระมัง นางฉีฮุ่ยจึงเดินตามไปเงียบๆ "ท่านลุง ท่านเอาน้ำตาลปั้นรูปอะไรเจ้าคะ รูปเสือดีหรือไม่" ผิงอันน้อยชี้ให้ดูน้ำตาลปั้นที่ท่านลุงหม่าตั้งเรียงไว้เป็นตัวอย่าง ก่อนหน้าแม่หนูสั่งทำรูปหงส์ไว้ ท่านลุงหม่ายังทำไม่ทันเสร็จก็เกิดเหตุเสียก่อน "เจ้าว่าอะไรดี ก็ตามใจเจ้า" คนผู้นั้นตามใจผิงอัน แม่หนูฉีกยิ้มกว้างจนดวงตาโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว แก้มกลมป่องเห็นรอยบุ๋มทั้งสองข้างน่าเอ็นดูยิ่งนัก หัวใจของคนมองพลันอ่อนยวบลง คิดว่าการอยู่กับเด็กๆ ก็รู้สึกดีไม่น้อย เขาก้มลงไปมองเจ้าหนูที่จูงไว้ เด็กชายรู้ความไม่งอแงเลยสักนิด ใบหน้าเล็กๆ แลดูคุ้นตา แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน "อี้หนิง เจ้าอยากได้ตัวอะไร" เขาเอ่ยถามเด็กชาย เจ้าหนูไม่ทันจะตอบเสียงเล็กของเด็กหญิงก็ดังขึ้นว่า "พี่ชายข้า เขาไม่ชอบน้ำตาลปั้น เขาชอบถังหูลู่ เมื่อกี้เขากำลังจะข้ามถนนไปซื้อแต่ เห้อ..." เสียงถอนหายใจฟังดูแก่กว่าอายุ จนคนฟังเผยรอยยิ้มเอ็นดู "เช่นนั้นรอให้น้ำตาลปั้นเสร็จ เดี๋ยวท่านลุงจะไปซื้อถังหูลู่ให้เจ้าเอง" "ข้าไม่อยากกินถังหูลู่แล้ว เพราะข้าอยากกินจึงเกือบทำให้น้องสาวเกือบตาย" เรื่องนี้กลายเป็นปมในใจของเด็กน้อยไปแล้ว หากเขาไม่ข้ามถนนไปซื้อถังหูลู่ เขากับน้องสาวคงไม่ถูกรถม้าชน คิดแล้วอี้หนิงรู้สึกผิดมากจนอยากหลั่งน้ำตา ทว่าท่านลุงซุนเคยสอนว่า ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งห้ามหลั่งน้ำตาให้ใครเห็น จำต้องฝืนกลั้นเอาไว้ "เจ้าอย่าโทษตัวเอง มิใช่ความผิดของเจ้า เป็นเพราะคนขี่รถม้าของข้าไม่ระวังเอง วันหลังเจ้าแค่ระวังมองซ้ายขวาให้ดีก่อนข้ามถนน" คำปลอบใจนั้นทำให้อี้หนิงรู้สึกดีขึ้น เขารีบพยักหน้ารับ ยิ้มกว้างแววตากลัยมาสดใสดังเดิม "ขอรับท่านลุง คราวหน้าข้าจะระวังให้มาก" "ดีแล้ว เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปซื้อถังหูลู่เอง" ชายผู้นั้นรอจนน้ำตาลปั้นเสร็จ ก็อุ้มอี้หนิง ด้วยแขนอีกข้างพาไปซื้อถังหูลู่ เขาใจดีซื้อให้เด็กชายสองไม้และยังให้เด็กหญิงอีกหนึ่งไม้ "ท่านแม่ทัพเจ้าคะ ลข้าสั่งคนเตรียมสุราอาหารไว้แล้ว" นางฉีฮุ่ยอาศัยช่วงที่เด็กๆ รอน้ำตาลปั้นรีบวิ่งไปสั่งคนงานให้ไปซื้อสุราอาหารมาเตรียมต้อนรับ เมื่อนางวิ่งกลับมา ชายผู้นั้นก็อุ้มเด็กๆ เดินมาถึงหน้าร้านแล้ว "ไม่เป็นไร ข้ามีธุระต้องไปทำ ไว้วันหลังข้าจะแวะมา" เขาวางเด็กชายลงยื่นมือไปวางบนไหล่ตบเบาๆ อี้หนิงแหงนหน้ามองแล้วยิ้มให้เขา ดวงหน้าเล็กๆ นั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อหันมามองหน้าแม่หนูผิงอัน หัวใจของเขาเหมือนกลายเป็นของเหลว แม่หนูยิ้มแป้นใบหน้ากลมน่ารักน่าเอ็นดูจนไม่อยากจะปล่อยจากอ้อมแขน ความรู้สึกอยากทะนุถนอมบังเกิดขึ้นในใจ กว่าจะตัดใจยอมผละออกจากเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสอง ก็ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง "ท่านลุง ท่านสัญญาแล้วนะ ว่าจะมากินข้าวกับข้า ห้ามลืมสัญญานะเจ้าคะ" เสียงเล็กของผิงอันตะโกนตามหลังมา คนผู้นั้นหันกลับไปมอง ริมฝีปากแย้มกว้างอย่างห้ามไม่อยู่ เหตุใดเขาถึงถูกชะตากับแม่หนูน้อยผิงอันนัก "ท่านลุงไม่ลืมแน่นอน" เขาโบกมือให้แม่หนูน้อย แล้วขึ้นไปบนรถม้า คนขี่รถม้าฟาดแส้ พารถเคลื่อนออกไป ภายในรถ ท่านแม่ทัพหนุ่มนั่งนิ่งเงียบในหัวของเขามีภาพของเด็กน้อยสองคน ริมฝีปากเอ่ยชื่อเด็กทั้งสองไปมา ราวกับเกรงว่าตัวเองจะหลงลืมชื่อของพวกเขา "อี้หนิง ผิงอัน" หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ในอกเหมือนมีสายใยเล็กๆ เส้นหนึ่งผูกเชื่อมเขาไว้กับเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสอง หรือเพราะเขาไม่เคยได้ใกล้ชิดเด็กเล็กแบบนี้มาก่อน จึงเกิดความรู้สึกแปลกๆ นี้ขึ้นมา เจ้าตัวพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา สลัดความฟุ้งซ่านออกจากใจ ครั้งนี้เขาเดินทางมาหนานไห่ เพื่อตรวจสอบการค้าเกลือผิดกฎหมาย สายสืบรายงานว่าจะมีการนัดหมายเจรจาซื้อขายของพ่อค้าเกลือเถื่อน กับพ่อค้าต่างแคว้น หากเกลือจำนวนนี้ถูกลอบส่งขายสำเร็จ อาจจะทำให้เกิดผลกระทบกับความมั่นคง ด้วยเกลือเป็นสินค้าต้องห้าม ค้าขายได้เฉพาะพ่อค้าของราชสำนัก มีการเก็บภาษีเข้มงวด และจำกัดปริมาณการขาย เพื่อไม่ให้แคว้นของพวกเขาขาดแคลนเกลือ และไม่ให้แคว้นอื่นฉวยโอกาสสะสมเป็นเสบียง "ถึงที่หมายแล้วขอรับ คนของเราซุ่มรออยู่ในโรงเตี๊ยมแล้ว ตอนนี้พ่อค้าเกลือกำลังเจรจาอยู่ในห้องรับรองพิเศษที่ชั้นสอง" ลูกน้องที่ซุ่มอยู่ได้มารายงานกับผู้เป็นนาย พวกเขารอเวลาจับกุม เพียงท่านแม่ทัพออกคำสั่งก็สามารถจัดการได้ทันที "จัดการให้เรียบร้อย เดี๋ยวข้าจะเข้าไป" เขาสั่งการ ขณะลงจากรถม้าเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมด้วยท่าทางน่าเกรงขาม เพียงย่างเท้าเข้าไปพ้นประตู เสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้นจากชั้นสอง ความวุ่นวายเกิดขึ้นทันที เมื่อผู้คนต่างตกใจวิ่งหนีตายกันออกมา "พวกเจ้าหลีกทาง ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่านางคนนี้ซะ เปิดทาง ได้ยินไหม ! " เสียงตะโกนดังขึ้น พร้อมกับร่างของชายผู้หนึ่งกำลังลากตัวหญิงสาวคนหนึ่ง พาลงมาจากชั้นสอง ในมือของเขาถือมีดสั้นจ่อคอนางเอาไว้ มีดบาดโดนผิวขาวของนางจนเลือดไหลออกมา บ่งบอกว่าเขาคิดทำร้ายนางจริง หากไม่ยอมปล่อยเขาไป "เถ้าแก่เฉิน ท่านปล่อยข้าไปเถอะ" หลิวซืออินอ้อนวอนเสียงสั่น นางมาที่นี่ตามคำเชิญของเถ้าแก่เฉิน เมื่อมาถึงก็พบว่าเขารอนางอยู่พร้อมกับชายอีกคน ซึ่งเป็นคู่ค้าของเขา พอชายคนนั้นเอ่ยถึงจุดประสงค์เรื่องการค้าปลาเค็มกับอาหารทะเลแห้งกับนาง โดยมีข้อเสนอเพิ่มเติมให้นางยัดไส้เกลือทะเลลงไป ในท้องปลาหมึกแห้งและปลาเค็ม หลิวซืออินจึงรู้ในทันทีว่า คนผู้นั้นกำลังคิดใช้สินค้าของร้านนาง อำพรางการค้าเกลือเถื่อน นางจึงปฏิเสธและคิดจะเดินออกไป แต่ยังไม่ได้ทำอะไร คนกลุ่มหนึ่งก็บุกเข้ามาเสียก่อน เกิดการต่อสู้กัน เถ้าแก่เฉินฉวยโอกาสนั้นจับนางเป็นตัวประกัน ลากพานางหนีออกมา "หุบปาก เจ้ามันตัวซวย หาเรื่องให้ข้าเดือดร้อน" เถ้าแก่เฉินไม่คิดโทษตัวเอง กลับโยนโทษให้หลิวซืออิน หากเขาไม่นัดหมายกับนางและพาพ่อค้าเกลือเถื่อนมาด้วย คงไม่ถูกทางการล้อมจับเช่นนี้ "ไอ้สารเลว เป็นท่านที่ทำผิดเอง ปล่อยข้านะ" หลิวซืออินแม้จะหวาดกลัว แต่เมื่อถูกกล่าวหาอย่างไร้ความผิดก็รู้สึกโมโหขึ้นมา ยามนี้นางลืมตัวไม่กลัวตาย เพียงอยากหนีไอ้คนเลวนี้ให้พ้น จึงกำหมัดทุบเป้าของมันเต็มแรง ส่งผลให้อีกฝ่ายจุกมือไม้อ่อนทันที เปิดโอกาสให้คนที่จ้องอยู่ดีดเท้ากระโดดขึ้นมา ฟาดฝ่ามือเข้าใส่จนคนร้ายกระเด็นไปกระแทกประตู ล้มคว่ำลงไป ทว่า อารามตกใจทำให้หลิวซืออินที่กำลังจะวิ่งหนี สะดุดขาตัวเองพลัดตกบันได กรี๊ด ! นางหลับตาแน่นคิดว่าร่างคงหล่นร่วงลงไปยังพื้นเบื้องล่างแน่ แต่กลับถูกใครคนหนึ่งรั้งตัวเอาไว้ในอ้อมแขนได้ทันเวลา ตัวนางถูกวงแขนแข็งแรงโอบกอดแล้วพาลงมาสู่พื้นอย่างไร้รอยขีดข่วน เมื่อหลิวซืออินลืมตาขึ้น ก็มองเห็นใบหน้าของคนผู้นั้น "ท่าน..." ///
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD