"ทำตัวให้ดีๆแค่เทเหล้าคงไม่มีอะไรยากเกินไปหรอก"
ฉันเหลือบมองคนที่ได้ชื่อว่าแม่ของตัวเองที่ผ่านกระจกขณะที่เธอกำลังยืนจัดผมให้ฉันอยู่ เธอมองฉันด้วยความพอใจพร้อมกับลูบหัวฉันเบาๆ
"พูดหวานๆเอาใจพวกมันเดี๋ยวก็ได้เงินมาให้ฉันแล้ว ไปทำหน้าที่ของลูกซะ"
ลูก...ใช่สินะ ฉันยกยิ้มมุมปากพร้อมกับมองใบหน้าที่ถูกแต่งเติมไปด้วยเครื่องสำอางจนใบหน้าฉันออกมาสวยราวกับดอกไม้ แต่มันก็มีแค่ความสวยมันไม่ได้หอมหวานอะไรเลยสักนิด
"ไปนะคะ"
ฉันหันบอกแม่ที่กำลังยืนดูอยู่ เธอเดินออกมาส่งที่หน้าบ้านและกอดอกมองฉันที่กำลังเดินออกจากบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ฉันเดินขึ้นบนรถที่จอดรอรับอยู่ก่อนมันจะพาฉันตรงมาที่ร้านอาหารขนาดใหญ่สุดหรูคนขับรถเดินนำฉันมาส่งที่ห้องรับรองชั้นบนของร้านก่อนเขาจะเคาะประตูก่อนจะเปิดออก..พร้อมกับงานของฉันที่เริ่มขึ้น
แกร็ง
"มาแล้วคนสวยของเรา"
ฉันเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเหยียดยิ้มให้ชายที่อายุมากกว่าหลายสิบปีที่เดินมาโอบเอวฉันเข้าหาอย่างตัว เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอย่างน่ารังเกียจแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยกมือไหว้เขาและเดินเคียงข้างมานั่งที่เก้าอี้ตัวข้างๆ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนเขาที่อายุรุ่นพ่อที่กำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตาโลมเลียแบบไม่ปิดบัง ด้วยชุดเดรสสีแดงรัดติ้วที่ใส่ และหน้าอกที่เกินตัวก็คงจะไม่แปลกที่จะได้รับสายตาแบบนี้จากพวกมัน
"พี่จำหนูได้นะที่แสดงต้อนรับนักท่องเที่ยวครั้งนั้นใช่ไหม?" ชายแก่อีกคนที่มีเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับฉันนั่งขนาบข้างหันมาถามฉันจึงยิ้มและพยักหน้า "หนูสวยและเก่งจริงๆพี่ชอบ!"
"อย่าๆ วันนี้น้องเบลล์มานั่งกับผมนะครับผมกว่าจะติดต่อได้นี่ยากเชียว"
คนแก่ร่างอวบข้างๆว่าพร้อมยิ้มตาพราวทำเอาฉันอยากจะลุกตะบันหน้าแรงๆสักครั้ง แต่ความจริงกลับทำได้แค่หัวเราะและเทเครื่องดื่มให้เขา
"พอดีว่าหนูคุยกับใครไม่ค่อยเก่งน่ะค่ะ"
"งั้นหนูต้องคุยกับเสี่ยให้มากๆแล้วล่ะ" เขาว่าพร้อมขยับเข้ามาใกล้ "แล้วเสี่ยจะให้ค่าขนมเยอะๆเลยดีไหม?"
ฉันกำมือแน่นและกัดฟันยิ้มแม้ในใจโคตรจะอาย น่าอับอายจนอยากตายไปจริงๆ
"แล้วใครนะที่จะมาแทนคุณทศพลน่ะ"
"เห็นว่าจะให้ลูกชายมาแทนน่ะ"
"จะให้เราคุยกับเด็กเนี่ยนะ?" คนที่นั่งข้างๆฉันหันไปถามเพื่อนอีกสองด้วยท่าทีไม่พอใจนัก "กล้ามากนะคุณทศพล"
"ลูกชายเขาเก่งใครๆก็พูดกัน"
"งั้นวันนี้เราจะมาดูกันว่าจะเก่งขนาดไหน" เขาพูดกับเพื่อนพร้อมยกแก้วขึ้นให้ฉันรินเหล้าให้ก่อนเขาจะยกแก้วชนแก้วกับฉันฉันจึงต้องยกชนและดื่มด้วย "ตอนนี้หนูอยู่ปีไหนนะ?"
"ปีหนึ่งค่ะ"
"แล้วค่าเทอมพอไหม? ขาดเหลืออะไรบอกเสี่ยได้เลยนะ" ฉันยิ้มพร้อมวางแก้วลงบนโต๊ะขณะที่มือหยาบก็เอื้อมมาลูบไล้ที่แขนฉันเบาๆ
"ไม่เป็นไรค่ะแค่วันนี้ก็มากพอแล้ว"
"หนูนี่..หวังน้อยเสียจริงๆ"
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูที่ขัดจังหวะช่วยฉันได้เยอะ ฉันลอบถอนหายใจก่อนประตูจะเปิดออกพร้อมกับร่างสูงสองคนเดินเข้ามาในห้องคนนึงดูอายุมากแล้วส่วนอีกคน...มือของฉันกำเข้าหากันแน่นจนรู้สึกเจ็บเพื่อทวงถามตัวเองว่านี่มันไม่ใช่ความฝันใช่ไหม การที่ฉันได้เจอ 'เขา' อีกครั้งมันไม่ใช่ความฝันจริงๆใช่ไหม!?
ฉันไม่ได้ฝันไปร่างสูงในชุดสูทแต่งตัวเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าทำเอาฉันทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าคมจมูกโด่งเป็นสันและดวงตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจแต่ไม่มีความถือตัวฉายออกมาอย่างมาดมั่นและฉันจำมันได้ทันทีที่เห็นสายตานั้นของเขา...ของพี่ยักษ์
"ขอโทษที่ผมมาช้านะครับ" เขาเอ่ยพร้อมกับก้มหัวให้คนอายุมากอีกสามที่นั่งอยู่
"ไม่เป็นไรพวกผมก็นัดแบบเร่งรีบน่ะเชิญนั่งเถอะ"
ฉันหันหน้าหนีทันทีทั้งความอับอายและความกลัวประดังเข้ามาไม่หยุดฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วในตอนนี้ เพราะฉันไม่คิดมาก่อนว่าเราจะได้มาเจอกันอีก ขอร้องอย่าจำฉันได้เลย...ขอร้องล่ะ
"โทษทีพวกเราน่าจะถามคุณยักษ์ด้วยว่าต้องการสาวๆไหม"
คนที่นั่งหัวโต๊ะถามขึ้นในตอนที่พี่ยักษ์นั่งตรงหน้าฉันแต่เยื้องๆไปทางขวา เขายิ้มให้คนที่ถามอย่างสุภาพ
"ขอบคุณครับแต่ให้คุณดุสิตได้พักผ่อนดีกว่า"
"แหม คุณยักษ์ก็ยังหนุ่มยังแน่นนี่เนาะแถมหล่อด้วยไม่เหมือนพวกเรา"
คนข้างๆที่ฉันนั่งรินเหล้าให้กระแนะกระแหนทันทีที่พี่ยักษ์ตอบ ทำให้เขาเหลือบมองมาจนฉันต้องรีบหันหน้าหนีด้วยความตกใจ หัวใจฉันเต้นแรงไม่หยุดและมันยิ่งเต้นแรงมากขึ้นเพราะฉันต้องมาคอยหลบหน้าหลบตาเขาแบบนี้
"ผมจะถือว่าเป็นคำชมนะครับ ท่านประธานให้ผมมาดูเอกสารผมขอดูเลยได้ไหม?"
"ได้สิ เอามา"
คนหัวโต๊ะว่าพร้อมกับลูกน้องที่เอาแฟ้มมาวาง พี่ยักษ์รับไปเปิดอ่านด้วยใบหน้านิ่งเรียบหากแต่ดวงตาคมกริบกลับตวัดมองทุกตัวอักษรอย่างรวดเร็วและจริงจังด้วยท่าทีเคร่งขรึมที่ดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพียงแค่ตอนนี้เขาดูโตขึ้นและภูมิฐานขึ้นจนแทบจะละสายตาจากใบหน้าของเขาไม่ได้
"ฉันให้เธอมาปรนนิบัติฉันนะไม่ใช่ให้มามองผู้ชายอื่น" ฉันสะดุ้งหลุดจากภวังค์ก่อนจะหันมองสบตาคนแก่กว่า เขามองมาอย่างไม่พอใจฉันจึงยิ้มและหยิบเหล้ามาเทให้
"หนูก็แค่มองไปเรื่อยน่ะค่ะ หนูขอโทษนะคะ"
"อย่าให้รู้ว่าสนใจมัน" เขากระซิบเสียงแข็งและใช้แขนตวัดโอบฉันเข้าหาจนฉันได้กลิ่นเหล้าอ่อนๆจากเขา
"สินค้าชนิดนี้ทางบริษัทเรารับเข้ามากแล้วไม่ใช่เหรอครับ?" พี่ยักษ์พูดขึ้นหลังจากก้มอ่านไปไม่กี่นาที เขาขมวดคิ้วและมองคนตรงหน้าตัวเอง "แถมบริษัทนี้เพิ่งทำเราขาดทุน เพราะสินค้าไม่มีคุณภาพไปเมื่อปีก่อน"
"แหมคุณยักษ์ใครๆเขาก็อยากค้าขายกับบริษัทใหญ่อย่างเรา แถมครั้งนี้เขายังลดราคาลงมากเพื่อซื้อความไว้ใจจากเราอีกนะผมว่ามันคุ้มที่จะลงทุน"
"ผมว่าไม่ครับ ถ้าทางเขาอยากจะซื้อความมั่นใจจากบริษัทเราเขาไม่ติดต่อผ่านฝ่ายบริหารในบริษัทหรอกในเมื่อบริษัทเรามีฝ่ายจัดซื้อ"
เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาและถอนหายใจเลื่อนแฟ้มมาตรงหน้าคนที่เสนอไป
"ผมปฏิเสธรับสินค้าครับ"
"บ๊ะ!"
คนข้างๆที่กำลังโอบฉันอยู่ตวาดเสียงดังทำให้พี่ยักษ์และคนในห้องหันมองและฉันหันหน้าหนีไม่ทัน! ดวงตานิ่งเรียบในทีแรกไม่ได้มองหน้าคนที่ตวาดด้วยซ้ำหากแต่กำลังเบิกตามองฉันอย่างประหลาดใจ และในตอนนี้ฉันรู้ได้ทันทีว่าคำขอฉันไม่เป็นผล ฉันมั่นใจว่พี่ยักษ์จำฉันได้แน่นอน!
"โง่ปฏิเสธได้ไงไอ้เด็กนี่!"
"ยุทธ!" คนข้างๆปรามคุณยุทธที่กำลังโมโหไว้แต่คงจะไม่ได้ช่วยอะไรนัก
"อย่ามาทำเป็นเก่งกล้าตัดสินใจแทนในเมื่อยังอยู่ใต้ร่มเงาท่านประธานอยู่!"
"ผมมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจถ้าหากมันเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ของบริษัท แต่ถ้าให้ผมพูดตรงๆผมก็อยากจะถามคุณกลับเหมือนกันนะคุณยุทธ..เงินแค่ห้าหกล้านก็ซื้อพวกคุณให้เป็นนกสองหัวได้แล้วเหรอ?"
"นี่มึง!"
"อย่าอ้างว่าทำงานกับพ่อผมมานานเพราะถึงอยู่มานานแต่พวกคุณไม่ได้ทำอะไรให้มันดีขึ้นเลย และวันนี้ผมมีอีกเหตุผลที่มา"
พี่ยักษ์พยักหน้าให้คนที่ยืนอยู่เอาซองสีขาวมาวางตรงหน้าตัวเองสามใบ เขาเลื่อนมาข้างหน้าตัวเองช้าๆ
"พ่อผมเป็นพวกใจอ่อนง่ายผมเลยอาสามาทำแทน นี่สำหรับพวกคุณส่วนของที่บริษัทผมจะจัดส่งไปให้อีกทีที่บ้าน"
"คะคุณยักษ์ มะไม่ได้นะครับจะทำกับเราแบบนี้!"
"ใช่เราทำงานมานาน!"
"นี่เป็นการตัดสินใจจากผู้บริหารระดับสูงทั้งหมด เหตุผลที่พวกคุณโดนปลดก็เพราะการฉ้อโกงทางบริษัทไม่ฟ้องก็ดีแค่ไหนแล้ว เพราะงั้นผมอยากให้พวกคุณพักผ่อนให้มากๆนะครับ"
พี่ยักษ์ยืนขึ้นเต็มความสูงดวงตาไม่มีความใจดีเหมือนตอนแรกหากแต่มันดูไร้ความปรานีและจริงจังจนน่ากลัว เขาเหลือบมองฉันที่ยังนั่งนิ่งและทันทีที่เห็นว่าเขามองฉันก็หลบสายตาทันที
"เทเหล้า!" ฉันหันมองคนข้างๆที่ตวาดใส่ก่อนจะหยิบขวดแต่ดูเหมือนจะไม่ทันใจเขา "แม่งเอ๊ยกูซื้อมึงเพื่อมาทำตัวน่ารำคาญใส่หรอวะนังนี่!!"
หมับ!
ดวงตาฉันเบิกกว้างมองมือใหญ่คว้ามือหยาบกร้านที่กำลังจะตวัดมือตบฉันไว้ได้ทัน ฉันเงยหน้ามองพี่ยักษ์ขณะที่เขาก็มองลงมาที่ฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
"เธอยังเด็กนะครับทำอะไรคิดนิดนึง"
"อย่ามาเสือกเด็กนี่ฉันซื้อมันมา!"
"จริงเหรอ?" พี่ยักษ์ถามฉันซึ่งฉันรีบส่ายหน้าทันที "แต่เธอบอกว่าไม่นะครับ"
"ฉันเพิ่งโอนเงินให้แม่มัน!"
"คุณจ้างให้ฉันมานั่งเทเหล้าเฉยๆ นอกนั้นไม่ได้อยู่ในสัญญา!"
"แก.."
"อย่าให้เรื่องมันใหญ่ไปกว่านี้เลยครับ"
หมับ..
มือใหญ่รวบข้อมือฉันและดึงให้ลุกขึ้นยืน เขาสบตากับคุณยุทธอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะเดินนำฉันออกมาจากห้องจนเราออกมาถึงด้านนอกร้าน ฉันกัดปากตัวเองจนรู้สึกเจ็บก่อนพี่ยักษ์จะปล่อยมือและหันมองฉัน
"พี่ไม่คิดว่าจะได้เจอเราที่นี่"
"เบลล์ก็ไม่คิดเหมือนกันค่ะ"
ฉันตอบเสียงเบาและเบือนหน้าหนี พี่ยักษ์นิ่งไปก่อนจะถอดเสื้อนอกตัวเองมาคลุมที่ไหล่ให้ฉัน..ฉันมองเสื้อตัวนอกที่ปกคลุมไปถึงโคนขาแถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเขาจนมันทำให้ฉันทำอะไรไม่ถูก ได้มาเจอกับคนที่ไม่คิดว่าจะไม่ได้เจออีกไม่พอยังมาเจอในสถานการณ์แบบนี้อีก
"พี่มีเรื่องจะถามเราเยอะเลย..พี่เป็นห่วงเรามากรู้ไหม" หัวใจฉันเต้นแรงอย่างดีใจจนเผลอยิ้ม "..หลังจากวันนั้นเบลล์ก็หายไปเลย"
สุดท้ายเขาก็ไม่ได้คิดถึงฉันจริงๆสินะ พี่ยักษ์สบตากับฉันพร้อมกับยิ้มอย่างใจดีแต่ถึงอย่างนั้นเวลาเขามองหน้าฉันแววตากลับดูเศร้าลงจนฉันรู้สึกเจ็บไปถึงขั้วหัวใจ อีกครั้งที่ฉันทำให้เขานึกถึงเรื่องเก่าๆสินะ ฉันรู้ดีแม้ว่าเขาจะยิ้มแต่มันกลับดูฝืนอย่างเห็นได้ชัด
รอยยิ้มที่ควรสดใสแต่กลับดูฝืนทนและมันเป็นแบบนี้ตลอดเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน
เวลาต่อมา
"สองปีที่ผ่านมาเป็นไงบ้าง?"
ฉันที่กำลังนั่งจ้องแก้วน้ำอยู่เงยหน้ามองพี่ยักษ์ก่อนจะยิ้มและยักไหล่เหมือนไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้น
"เรื่อยๆค่ะพี่"
"แล้วแม่ล่ะเธอไม่ได้ติดต่อพี่มาเลย" ริมฝีปากฉันเม้มเข้าหากันนิดๆก่อนจะเบนหน้าหนีสายตาอ่อนโยนที่กำลังมองมา
"สบายดีค่ะ ทุกคนยังเหมือนเดิม"
ฉันตอบก่อนจะหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นมาจิบ พี่ยักษ์พยักหน้าและยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มเช่นกันเราเงียบกันไปสักพักจนฉันเริ่มทนกับบรรยากาศน่าอึดอัดนี่ไม่ไหว...คิดผิดหรือคิดถูกที่ยอมมานั่งคาเฟ่กับเขาในตอนนี้
"ตอนนี้เราเรียนอยู่ไหน?" พี่ยักษ์ถามอีกครั้ง
"YUI ค่ะ" มันเป็นอีกมหาลัยที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเท่ากับมหาลัยที่พี่ยักษ์อยู่ เขาเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มนิดๆ
"นึกว่าจะเข้าที่เดียวกับพี่ซะอีกเห็นเราเคยบอกว่าอยากเรียนที่เดียวกับหนิ"
"เบลล์หลายใจพี่ก็รู้เดี๋ยวก็เปลี่ยนไปนั้นนี่มั่วไปหมดแหละ" ฉันตอบยิ้มๆก่อนจะยกแขนขึ้นดูนาฬิกาที่บอกเวลาว่าเกือบจะสามทุ่ม "เบลล์ขอตัวกลับก่อนนะพี่ยักษ์พอดีมีนัดต่อน่ะ"
"งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง ยังอยู่บ้านเดิมใช่ไหม"
"เบลล์ไม่ได้อยู่บ้านแล้วล่ะค่ะ ย้ายออกมาแล้ว" พี่ยักษ์ชะงักทันทีก่อนเขาจะมองฉันอย่างไม่เข้าใจ ฉันยิ้มบางๆและโบกมือไปมาเพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง "เบลล์เซ็งๆน่ะอารมณ์ติสพี่อย่าใส่ใจเลย เดี๋ยวเบลล์กลับรถเมล์ได้ไม่รบกวนพี่หรอก"
"เดี๋ยวพี่จะไปส่งพี่เต็มใจ"
ใจดีจนน่าหงุดหงิด
ฉันลอบถอนหายใจ แต่ก็ยอมพยักหน้าและลุกขึ้นยืนพี่ยักษ์จึงลุกตามโดยไม่ลืมหยิบเสื้อนอกตัวเองติดมือออกจากร้านด้วย เลขาเขาออกมาเปิดประตูรถรอทันทีฉันจึงขยับเข้าไปนั่งโดยมีพี่ยักษ์ตามเข้ามา เขาพาดเสื้อตัวเองไปกับขาของฉันพร้อมยิ้มบางๆอย่างใจดี
"เดี๋ยวไปส่งเบลล์ก่อนนะครับ"
"ครับ แล้วคุณผู้หญิงอยู่ไหนครับ?"
"แถวถนนโลกีย์น่ะค่ะ รู้จักไหมคะ?"
คนขับรถหันมามองนิดๆก่อนเขาจะพยักหน้าและขับรถออกไป ทำไมต้องแปลกใจ...แถวนั้นที่พักถูกนะแต่มันไม่ค่อยน่าอยู่เท่าไหร่ที่เที่ยวมันเยอะเหมาะกับคำว่าโลกีย์แหละ เรานั่งเงียบกันมาตลอดทางและตลอดทางฉันก็แชทคุยเรื่องงานตัวเองไปเรื่อย..ดีหน่อยที่วันนี้ว่างส่วนที่บอกว่าติดธุระฉันโกหกน่ะ
"ถึงซอยแล้วครับ จะให้เข้า.."
"จอดตรงหน้านี้ก็ได้ค่ะเดี๋ยวเดินเข้าไปเอง"
"แต่พี่ไปส่งได้นะ"
"รถเยอะโคตรอ่ะพี่เบลล์บอกเลย กว่าจะเลี้ยวกลับมีหวังพี่ได้หลับคารถแน่ๆ" ฉันว่าติดตลกก่อนจะเปิดประตูเตรียมลงแต่ก็ไม่ลืมคืนเสื้อให้เขา "ขอบคุณนะคะที่มาส่ง"
ฉันยิ้มให้พี่ยักษ์ก่อนจะก้าวลงจากรถพร้อมหันหลังเดินไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังเดินสวนไปมาทันที
"เดี๋ยวเบลล์!" เสียงพี่ยักษ์เรียกฉันอีกครั้ง ฉันถอนหายใจและหันกลับทางเดิมพร้อมยิ้มให้ร่างสูงที่กำลังวิ่งมาหา "เกือบลืม"
"คะ?"
ฟึ้บ..
ฉันมองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกส่งมาตรงหน้า หน้าจอมันค้างที่แป้นตัวเลข
"เอาเบอร์เรามาหน่อย" พี่ยักษ์ว่าพร้อมขยับสมาร์ทโฟนมาอีกนิด ฉันชั่งใจก่อนจะยอมรับมากดเบอร์ตัวเองและส่งคืนให้เขา พี่ยักษ์ยิ้มและกดโทรออกไม่นานโทรศัพท์ฉันก็ดัง "นั้นเบอร์พี่นะถ้ามีอะไรโทรหาได้ตลอด"
"ค่าๆ"
ฉันว่าขณะที่คนตรงหน้าก็หัวเราะพร้อมยกมือลูบผมฉันเบาๆหากแต่มันกลับทำเอาหัวใจฉันเต้นแรงอีกครั้ง...มือของเขามันยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมเลยสินะ
"โตขึ้นเยอะนะแต่นิสัยนี่ไม่เปลี่ยนจริงๆ"
"ก็คนเดิมหนิคะจะให้เปลี่ยนเป็นใครได้ที่ไหน" ฉันตอบพร้อมขยับหัวออกจากมือพี่ยักษ์อย่างดูเป็นธรรมชาติแม้จะยังไม่หายคิดถึงสัมผัสนี้ "ไปนะคะ"
"ครับ ไว้เจอกันนะ"
ไม่ได้เจอหรอก ฉันยิ้มพร้อมโบกมือลาและเดินหันหลังกลับมาทางเดิมอีกครั้งพร้อมความรู้สึกที่ยังหน่วงในใจริมฝีปากฉันเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อยังคิดถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความใจดีและอบอุ่นของคนที่เพิ่งเจออยู่...ฉันนึกว่าฉันจะลืมได้แต่ไม่ใช่เลย
ฉันยังรักเขาหมดหัวใจเหมือนเดิม
แกร็ง..
ฉันปิดประตูห้องตัวเองพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นด้วยความว่างเปล่า มันคิดอะไรไม่ออก...จะว่าดีใจก็ดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้งและได้รู้ว่าชีวิตเขาดีขนาดไหน แต่มันรู้สึกแย่มากกว่า ฉันหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาและมันแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับเป็นชื่อของพี่ยักษ์..
"ไม่เปลี่ยนเบอร์เลยจริงๆสินะ"
เขามักพูดกับฉันเสมอว่าโทรหาได้ตลอดเพราะเขาไม่มีทางเปลี่ยนเบอร์และใช่..แม้จะผ่านมาสองปีเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรจริงๆ ฉันหัวเราะก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนอนที่เตียงตัวเองแทน ดวงตาฉันจ้องมองเพดานห้องตัวเองก่อนจะลากสายตามองที่กรอบรูปข้างๆเตียง..มันเป็นรูปฉันที่ถ่ายคู่กับพี่ยักษ์ เราอยู่ในชุดนักเรียนเขาคล้องคอฉันและยิ้มให้กล้องขณะที่ฉันก็ทำหน้าเซ็งหากแต่สายตากลับจ้องมองที่เขาไม่ละไปไหน
"พี่ยังคงดูดี..เหมือนเดิมจริงๆ"