บ้านศุภอนันต์เป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ บนพื้นที่ขนาดเกือบร้อยตารางวาเท่านั้น ตัวบ้านที่สร้างมาหลายสิบปีดูใหม่เพราะเพิ่งได้รับการซ่อมแซมไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง ฌอนเลือกที่จะอยู่ที่บ้านหลังนี้เพราะมันคือบ้านของแม่...หากแต่วันไหนเขาเหนื่อยจากการเดินทางและทำงานมากเกินไป ฌอนถึงจะยอมอยู่ที่คอนโดหรูกลางเมืองที่เขาซื้อหา เป็นสมบัติส่วนตัวแต่เป็นสถานที่ที่บรรดาแฟนคลับคิดว่าเขาอยู่ที่นั่น บ้านศุภอนันต์อันแสนเงียบสงบด้วยอยู่ภายในซอยลึกแถบย่านบางเขนจึงเปรียบเสมือนแหล่งกบดานชั้นดีในยามต้องการความสงบในชีวิตของนายแบบหนุ่มคนดังเช่นเขา เพราะบ้านศุภอนันต์ของมารดาเต็มไปด้วยความอบอุ่นของพ่อกับแม่ที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ และแม้ปัจจุบันก็ยังไปๆ มาๆ ที่เมืองไทยและอยู่ที่บ้านนี้เสมอ
ฌอนเพิ่งก้าวเท้าเข้าไปในบ้านศุภอนันต์เพียงก้าวเดียวหลังจากที่เพิ่งออกมาจากคอนโดหรูเพราะเพิ่งเจรจากับรวีวิทย์เรื่องข่าวบ้าๆ จบ เสียงโทรศัพท์มือถือของของเขาก็ดังขึ้น ฌอนหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วทำหน้านิ่ว ไอ้ครั้นจะไม่รับก็ไม่ได้ เพราะคนที่โทรมาคือรวีวิทย์...ผู้จัดการส่วนตัวของเขาเอง
หากยังไม่ทันได้เอ่ยทักทาย เพียงแค่กดรับเท่านั้น ปลายสายก็พูดเสียงดังกึ่งตะโกนลั่น
“แกมาที่บ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยฌอน!”
เสียงรวีวิทย์ลั่นๆ มาตามสาย ทำเอาฌอนต้องรีบดึงหูโทรศัพท์ออกห่างโดยไว จนเมื่อเสียงลั่นๆ นั้นเงียบลงแล้วนั่นแหละนายแบบหนุ่มจึงดึงมันกลับมาแนบหูตนเองดังเดิมแล้วเอ่ยถามผู้จัดการของตนกลับไปด้วยน้ำเสียงกึ่งโมโหว่า
“มีอะไรพี่วิทย์”
“ก็มีเรื่องสิวะ!” ปลายสายสวนทันควัน ทำเอาฌอนแปลกใจนิดหน่อย เพราะนานๆ ที พี่วิทย์ถึงจะขึ้นวะขึ้นโว้ยสักที แสดงว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น หากยังไม่ทันได้คาดเดาต่อไป รวีวิทย์ก็พูดต่อไปอย่างรวดเร็วว่า “แกรีบๆ มาเลยนะ อย่าให้ฉันรอนาน”
“พี่วิทย์...” ฌอนถอนใจยาว หยุดยืนอยู่หน้าบ้านนั่นแหละ เพราะเริ่มรู้ชะตากรรมตนเองว่าอาจต้องฝ่าการจราจรไปหารวีวิทย์ที่บ้านอยู่กันคนละฝั่งเมือง ชายหนุ่มจึงต่อรองไปว่า “ถ้าพี่ไม่ยอมบอกผมไม่ไปนะ”
ฌอนได้ยินเสียงถอนใจยาวดังมาตามสาย นึกภาพรวีวิทย์ถามทำหน้าอย่างพยายามระงับสติอารมณ์เต็มที่ออกทันที
“ก็ไอ้ข่าวคาวๆ ของแกนั่นแหละ” รวีวิทย์บอกก่อนจะสำทับเสียงเข้ม “รีบมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”
“โอเคๆ ไปก็ไป ผมว่าที่จริงเราน่าจะตกลงกันได้แล้วนะว่าจะเอายังไงต่อไป แต่ผมว่าที่จริงพี่น่าจะใจเย็นๆ ดีกว่านะ”
ได้ยินอย่างนั้นฌอนจึงยอมตกลงแต่โดยดี หากใจอดคิดไม่ได้ว่าหรือข่าวมันจะรุนแรงขึ้นจนทำให้รวีวิทย์มีอาการเช่นนี้ เฮ้อ...ผละจาก รวีวิทย์ไม่กี่ชั่วโมงเรื่องมันร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือวะ?!
“ไม่ต้องพูดมาก บอกให้มา!” รวีวิทย์พูดเสียงดังทำให้ฌอนได้แต่รับคำอุบอิบ
“ก็ได้...”
พูดจบเจ้าตัวก็เดินตรงไปยังรถจากัวร์คันหรูของตนเองแล้วขับออกไปตรงไปยังบ้านรวีวิทย์ที่อยู่คนละฟากมุมเมืองกับบ้านของเขาด้วยอาการเซ็งอย่างรุนแรง หากเพียงแค่ถอยรถสุดที่รักพ้นรั้วบ้านออกมา ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนขวางทางก็ทำให้เขาต้องจอดรถด้วยความหงุดหงิดที่เพิ่มพูนขึ้นทบทวี แล้วยิ่งเป็นผู้หญิงคนนี้ด้วยแล้วฌอนยิ่งไม่คิดจะเก็บอาการหงุดหงิดไว้กับตัวเลย
นายแบบหนุ่มลดกระจกรถลงเมื่อร่างของพัชยามายืนข้างๆ ประตูรถด้านคนขับ หญิงสาวยืนส่งยิ้มให้ ‘อดีตแฟนหนุ่ม’ ด้วยรอยยิ้มหวาน หากสำหรับคนได้รับรู้ดีว่ามันเคลือบไปด้วยยาพิษมากมายเพียงไร
“จะออกไปออฟเด็กเหรอคะฌอน” เจ้าหล่อนถามเสียงหวาน ดวงตาคู่เฉี่ยวมองเขาราวกับจะเยาะหยัน ฌอนกระตุกยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่ง แต่ดวงตาหลังแว่นกันแดดยี่ห้อหรูกลับฉายประกายกร้าวเมื่ออดีต ‘กิ๊ก’ สาวตามมาราวีกันถึงที่บ้านพักส่วนตัว
“อ้อ คุณ...แพท” ฌอนลากเสียงยาวเหมือนนึกชื่อหญิงสาวแทบไม่ออก เห็นคิ้วเรียวของอีกฝ่ายกระตุกเข้าหากันและริมฝีปากอิ่มที่เขาเคยสัมผัสมาจนเบื่อเม้มเข้าหากันแน่นด้วยไม่ชอบใจ “ว่าไงครับ”
“รีบร้อนออกจากบ้านจะออกไปเที่ยวเหรอคะ”
“ผมว่ามันก็ไม่เกี่ยวกับพวกปาปารัซซีไร้ศีลธรรมอย่างคุณนะ” ฌอนโต้อย่างเผ็ดร้อน ไม่สนใจดวงหน้าบูดบึ้งของอดีตคู่ขาที่พอหมดรักก็หันมาทำร้ายเขาทุกๆ วิถีทาง และเพียงแต่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ฌอนจึงไม่อยากจะทำอะไรรุนแรงนัก เลยได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ใจไปเท่านั้น “อ้อ...แล้วไอ้ข่าวห่วยๆ ของคุณอย่าคิดว่าจะทำอะไรผมได้”
ถึงแม้จะคิดเช่นนั้น แต่ฌอนก็อดจะว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ พัชยาเป็นเจ้าของข่าวที่สร้างความฉาวโฉ่ของชื่อเสียงคาสโนวาตัวพ่อของเขาให้มันยิ่งขจรขจายกับข่าวออฟเด็กสุดฉาว และคงจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ เพราะนักข่าวที่เขามีปัญหาด้วยก็มีเพียงพัชยาคนเดียว
หญิงสาวเคยเป็นคู่ควงของเขาเมื่อปีที่แล้ว แต่เพราะนิสัยเจ้ากี้ เจ้าการทุกอย่าง เป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ตามหึงหวงและ ‘ตามจิก’ เขาสารพัดของเธอทำให้เขาทนไม่ได้ สุดท้ายฌอนจึงโบกมืออำลาแต่ทว่าพัชยาไม่ยอม จนทำให้เลิกกันด้วยไม่ดี แล้วหญิงสาวคงเปลี่ยนจากรักมาเป็นแค้น เพราะนับตั้งแต่นั้นมา เธอก็ตามติดชีวิตเขาแทบทุกก้าว และนำเสนอข่าวที่พร้อมจะทำลายชื่อเสียงเขาทุกด้าน และฉายาคาสโนวาตัวพ่อก็เป็นเธอเองนั่นแหละที่นำเสนอข่าวชีวิตรักลับๆ และการเปลี่ยนคู่ควงคู่นอนไม่ซ้ำหน้าของเขาจนได้ฉายานี้มา
“ได้ไม่ได้คุณก็กำลังจะชวดงานใหญ่แล้วละค่ะ” พัชยาว่า ยิ้มเย้ยหยันทั้งที่ใจเจ็บแปลบที่ฌอนพูดแบบนั้นกับเธอ แม้ตอนนี้เขาจะกลายเป็นผู้ชายร้ายกาจที่ไม่เหลือเค้าคนเดิมที่เธอเคยหลงรัก แต่หัวใจของเธอก็ยังรักเขาอยู่ดี
“งั้นเหรอ” ฌอนยิ้มเสียดสีอีกฝ่ายจนใจเธอร้อนรุ่มไปหมด “ผมไม่เดือดร้อนนะ”
ฌอนว่าพลางยิ้ม ไอ้งานนายแบบนี่ก็เป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น แม้จะชวดงานพรีเซนเตอร์ของโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังนั่นเขาก็ไม่สน เขาคือใคร...ทินกฤต ศุภอนันต์ พาร์กเกอร์เชียวนะ!
แค่ลูกชายของมิสเตอร์ไรอัน พาร์กเกอร์ลดตัวมาเป็นนายแบบต๊อกต๋อยนี่มันก็เกินไปแล้ว!
“ฌอน!”
คนไม่รู้เบื้องหลังทั้งที่ตามติดชีวิตผู้ชายตรงหน้าชนิดปลิงยังอายวี้ดลั่นหน้าแดงก่ำ แทบกระทืบเท้าใส่อีกฝ่ายด้วยความขัดใจ ทำไมนะ...ทั้งที่ทำขนาดนี้ผู้ชายตรงหน้าถึงไม่กลับมาอ้อนวอนเธอแล้วขอให้เธอหยุดทำร้ายเขาเสียที!
หากฌอนกลับยิ้มกว้าง ใบหน้าคมคายมีเสน่ห์อย่างลงตัวของตะวันออกและตะวันตกแลดูดีราวกับประติมากรรมชั้นเลิศที่พระเจ้าสรรค์สร้างแทบจะทำให้พัชยาลืมหายใจ แม้เขาจะทำให้เธอเจ็บที่ใจจี๊ดๆ ก็ตาม
“ว่าแต่คุณนั่นแหละ มาหาผมถึงที่นี่อยากมาทวนความหลังเหรอ แต่ขอโทษนะ ผมไม่เคยหวนกลับไปเก็บของเก่ามากินหรอก ยิ่งพวกของเก่ามีพิษนี่ ผมยิ่งถือว่าตัวเองโชคดีที่คายทิ้งทัน”
ฌอนยิ้มหยัน ทำเอาคนแอบเคลิ้มไปกับเสี้ยวหน้าคมคายตวัดตาถลึงมองเขาอย่างโมโห สิ่งที่ทำได้จึงมีเพียงเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดและกระทืบเท้าทั้งสองข้างของตนลงกับพื้นแรงๆ ไม่กลัวว่าเท้าที่อยู่ในรองเท้าส้นสูงกว่าสามนิ้วจะเจ็บจากแรงกระแทกนั้น
“ฌอน!”
หากฌอนกลับเลื่อนกระจกปิดพร้อมกับส่งเสียงกวนประสาททิ้งท้ายว่า
“ลาแล้วนะครับ คุณ...นักข่าว”