เสียงเพลงดังอึกทึกภายในผับหรูชื่อดังทำเอาหญิงสาวร่างเล็กถึงกับเบ้หน้าด้วยความไม่ชอบใจ ‘ให้ตายสิ...เพื่อนของเธอนี่ก็เหลือเกิน สถานที่มากมายมีให้ไปฉลองงานวันเกิดดันไม่ไป ดันอยากจะมาฉลองที่ผับ แล้วก็มาบังคับขู่เข็ญให้เธอออกมาด้วยนี่นะ!’ รุจรวีส่ายหน้าด้วยความไม่ชอบใจในบรรยากาศเหล่านี้เอาเสียเลย
“นี่ยัยแพม ฉันกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
หญิงสาวสะกิดเรียกเพื่อนสาวเจ้าของงานวันเกิดแล้วเอ่ยตะโกนบอกอีกฝ่าย ซึ่งเจ้าตัวดูเหมือนว่ากำลังจะเมามันในบทเพลงที่ดีเจของผับเปิดกระแทกใจจึงได้แต่พยักหน้าหงึกหงักรับคำของรุจรวีด้วยอาการไม่ ใส่ใจมากนัก รุจรวีจึงตีความว่าเพื่อนของเธอรับทราบแล้วจึงเดินเบียดผู้คนออกมาจากผับนั้นในทันที
หญิงสาวออกมายืนข้างนอกผับได้ในที่สุด มือเล็กควานหาโทรศัพท์มือถือเพื่อโทร.หาพี่ชายที่ป่านนี้คงนั่งรอนอนรอด้วยความกระสับกระส่ายอยู่ที่บ้าน ในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลใสของเธอก็จ้องมองถนนพลางชะเง้อคอมองรถแท็กซี่ไปด้วย
“ฮัลโหลพี่วิทย์” หญิงสาวทักพี่ชายทันทีที่ปลายสายกดรับ
“ว่าไงยัยรวี” รวีวิทย์เอ่ยตอบ ดวงตาคมของเขาจ้องมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องแล้วเอ่ยต่อไปว่า “นี่งานวันเกิดเพื่อนเลิกแล้วเหรอ”
“ยังเลยค่ะ แต่รวีออกมาก่อน อยู่นานๆ ชักไม่ไหวไม่ค่อยชินกับบรรยากาศแบบนี้เท่าไร” หญิงสาวตอบ
“งั้นให้พี่ไปรับไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวรวีกลับเองได้ แต่โทรมาบอกพี่วิทย์ก่อนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
หญิงสาวเอ่ยปฏิเสธซึ่งรวีวิทย์ได้แต่ถอนหายใจ น้องสาวของเขายิ่งเป็นประเภทพวกเอ๋อๆ อยู่ด้วย นี่ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะให้เจ้าหล่อนได้ลองออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง ไม่ใช่วันๆ เอาแต่หมกตัวอยู่กับบ้านแล้วก็เขียนนิยายแล้วละก็ เขาคงไม่ยอมปล่อยให้รุจรวีออกมาหรอก
“แล้วนี่รวีรอรถแท็กซี่อยู่ใช่ไหม ดูดีๆ นะว่าคนขับน่าไว้ใจหรือเปล่า แล้วก็ถ้าขึ้นรถเมื่อไรโทรหาพี่ทันที ไม่เอาดีกว่า ถือสายรออย่างนี้แหละจนกว่าจะถึงบ้าน”
“พี่วิทย์!” รุจรวีเรียกชื่อพี่ชายเสียงเข้ม หญิงสาวถอนหายใจกับอาการห่วงจนเข้าขั้นเรียกได้ว่าหวงของพี่ชาย “รวีโตแล้วนะ ดูแลตัวเองได้แล้ว และที่รวีต้องมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่เพราะพี่ใจอ่อนกับคำขอของยัยแพมไม่ใช่เหรอ เอางี้แล้วกัน ถ้าขึ้นรถแท็กซี่เมื่อไรรวีจะโทรหาพี่นะ แค่นี้นะคะ”
พูดจบหญิงสาวก็กดตัดสายทันที ไม่ฟังคำทัดทานของรวีวิทย์ รุจรวียืนมองรถแท็กซี่ที่ขับผ่านมาแล้วหลายคัน แต่ก็ไม่มีคันไหนว่างเลยด้วยอาการตาปรอยนิดๆ เพราะความง่วง ยกข้อมือของตนเองขึ้นมาดูนาฬิกาก็เห็นว่ามันเลยเวลานอนของเธอมาเกือบชั่วโมงแล้ว หญิงสาวเอามือปิดปากเมื่อกลั้นหาวไม่ไหว
‘โอ๊ย...เมื่อไรจะมีรถว่างผ่านมาสักทีนะ หรือเปลี่ยนใจโทรเรียกพี่วิทย์มารับดี’
ปี๊น!
คิดกับตัวเองเพลินๆ หญิงสาวก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อเสียงดังแตรรถดัง ยาวดังขึ้นตรงหน้าเธอ รุจรวีมองเจ้ารถสีดำมันปลาบยี่ห้อหรูด้วยสายตาแปลกใจ ลองหันซ้ายขวามองดูเผื่อว่าเจ้าของรถคันนี้จะบีบแตรเรียกเพื่อนตัวเอง แล้วก็พบว่าบริเวณนี้มีเธอยืนอยู่คนเดียว ถึงถัดไปไม่ไกลนักจะมีคนยืนอีกสองสามคนแต่ก็ไม่มีใครมีทีท่าจะสนใจรถคันนี้เลยสักนิดเดียว
หญิงสาวมองรถคันนี้อย่างงุนงงว่าเขาเรียกใครอยู่ไม่กี่วินาที ไม่ต้องเสียเวลาหาคำตอบนาน กระจกรถฝั่งข้างที่นั่งคนขับก็เลื่อนลง แล้วหญิงสาวก็ได้เห็นใบหน้าของคนที่บีบแตรใส่เธอแล้วเสียที
ภายใบหน้าที่มองเห็นได้ไม่ชัดนักด้วยสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีแสงสว่างมากมายนักแต่ก็ทำให้เธอรู้ว่าเขาเป็นผู้ชาย และโครงหน้าในเงาสลัวนั้นก็ทำให้หญิงสาวพอจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาดี
หากรุจรวียังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป เจ้าของรถยนต์คันหรูก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน เป็นถ้อยคำที่หญิงสาวถึงกับเบิกตากว้างแล้วสัญญากับตนเองว่า เธอจะไม่มาในสถานที่แบบนี้อีกเด็ดขาด!
“น้อง! ถ้าคืนนี้ไปกับพี่คิดค่าตัวเท่าไร?”
๐๐๐
ฌอน พาร์กเกอร์นั่งอยู่มุมผับหรูแห่งนี้มาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจนแลดูเผินๆ นั้นดูเป็นสีดำของเจ้าตัวกวาดมองไปทั่วบริเวณผับที่ตอนนี้เริ่มมีบรรดานักท่องราตรีมาใช้บริการอย่างคับคั่ง
นายแบบหนุ่มลูกครึ่งไทย อเมริกันคนดังกำลังยิ้มโปรยเสน่ห์ไปให้แม่สาวโต๊ะข้างๆ ซึ่งเจ้าหล่อนก็ดูมีทีท่าตอบสนองไมตรีอย่างเต็มอกเต็มใจ ก็จะไม่ทำไมละ...ในเมื่อเขาคือ ฌอน พาร์กเกอร์เชียวนะ!
ชายหนุ่มนึกกระหยิ่มยิ้มกับตนเอง มือเรียวกวักเรียกบาร์เทนเดอร์พลางสั่งให้ส่งเครื่องดื่มไปให้หญิงสาวโต๊ะนั้นที่เขาเมียงมองอยู่ ซึ่งไม่กี่นาทีต่อมาเจ้าหล่อนก็เดินมาขอบคุณเขาถึงโต๊ะอย่างถึงอกถึงใจ
นายแบบหนุ่มเหยียดยิ้มกว้างยามเมื่อถอนริมฝีปากออกจากซอกคอที่มันหอมจนเข้าขั้นฉุนของผีเสื้อสาวแสนสวยที่ประเคนพรมใส่ร่างกาย ร่างสูงก้มศีรษะลงหมายจะลิ้มชิมรสริมฝีปากของหญิงสาวในอ้อมแขนอีกครั้งก็มีอันสะดุดเมื่อแผ่นหลังของเขาถูกชนอย่างแรง
“ขอโทษค่ะ! ขอโทษ!”
เสียงหวานตะโกนบอกเขา แต่นายแบบหนุ่มคนดังไม่ได้ตอบกลับอะไร ใบหน้าเรียวหันไปตามเสียงนั้นก็ทันเห็นเพียงแผ่นหลังของร่างเล็กที่เดินมุ่งตรงไปยังโต๊ะที่อยู่ไม่ห่างจากโต๊ะของเขานัก
ท่ามกลางแสงสลัวของผับ สิ่งที่เขาเห็นนั้นมีเพียงร่างเล็กกะทัดรัดและเสี้ยวหน้าหวานของเธอเท่านั้น ดูท่าทางแม่สาวที่เดินชนเขาคงจะไม่เคยมาเที่ยวผับมาก่อนเพราะดูจากท่าทางเงอะๆ งะๆ นั่นแล้วเจ้าหล่อนคงเป็นเด็กอนามัยน่าดู
“มองอะไรคะ”
เสียงของผู้หญิงอีกคนที่แทบจะนั่งเกยตักเขาทำให้ฌอนหันกลับมาสนใจเธอเหมือนเดิม
ฌอนส่ายหน้าพลางซุกใบหน้าลงกับซอกคอของเธออีกครั้ง ริมฝีปากหนาแตะลงบนลำคอเธอพลางพึมพำตอบ
“อย่าไปสนใจเลย...”
ก็แค่เด็กที่ไม่เข้ากับสถานที่คนหนึ่งแค่นั้น
๐๐๐
เป็นเวลาเกือบตีสองแล้วที่ฌอนโผเผออกจากผับหรูชื่อดังแห่งนี้ หลังจากที่ใช้เวลานั่งมองสาวคนโน้น คุยกับสาวคนนี้ไปทั่ว ถือเป็นการพักผ่อนหลังจากที่กรำงานหนักแทบจะไม่ได้พักผ่อนตลอดสองเดือนที่ผ่านมา
ฌอนเดินผ่านหน้าร้านหมายจะเดินตรงไปยังลานจอดรถ หากสายตากลับเหลือบไปเห็นร่างเล็กของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนชะเง้อคอมองไปยังถนนเหมือนกำลังรอคอยอะไรสักอย่าง
ภาพแผ่นหลังคุ้นตาในความทรงจำอันเลือนรางทำให้ชายหนุ่มเพ่งมองเธอ จนในที่สุดก็นึกออกว่าทำไมจึงคุ้นตาด้วยไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเธอเพิ่งขัดจังหวะความสำราญของเขาโดยไม่รู้ตัวนี่เอง
ริมฝีปากหยักสวยเหยียดยิ้มด้วยอาการนึกสนุก ความยับยั้งชั่งใจหดหายไปมากกว่าปกติด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปมากพอสมควร บวกกับความคึกคะนองทำให้ฌอนรีบก้าวเท้าขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
ดวงตาคมสีน้ำเงินเข้มทอประกายระยับ ริมฝีปากยังเหยียดยิ้มไม่ยอมหุบยามเมื่อสายตาจับจ้องมองร่างเล็กของเธอ กริยากระวนกระวายนั้นทำให้เขานึกสนุก
เจ้าหล่อนคงจะไม่รู้ตัวเลยสินะว่ากำลังยืนอยู่ที่ไหน...ตรงนั้นเป็นที่ที่คนเที่ยวแถบนี้เขารู้กันดีว่า ‘เด็กหิ้ว’ จะมายืนรอแขกที่นี่!
เขาสตาร์ตรถคันหรูของตนเองก่อนจะพามันเคลื่อนที่ช้าๆ จนรถสีดำคันหรูของตนเองไปชะลอหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาว มือใหญ่กดบีบแตรรถเสียงดังเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเธอ
ปี๊น!
ใบหน้าเรียวนั้นหันกลับมามองด้วยอาการเหลอหลา เธอมองตรงมายังรถของเขาด้วยท่าทางฉงนนั่นทำให้ฌอนรู้สึกขบขันมากยิ่งขึ้น และยิ่งหญิงสาวหันซ้ายแลขวาราวกับว่าจะมองว่าข้างกายเธอคงมีใครสักคนที่เขาบีบแตรเรียก
ฌอนตัดสินใจลดกระจกด้านคนขับลง ปรับสีหน้าตนเองให้นิ่งเฉยเข้าไว้แล้วยื่นหน้าออกไปถามหญิงสาวว่า
“น้อง! ถ้าคืนนี้ไปกับพี่คิดค่าตัวเท่าไร”
เขามองภาพใบหน้าหวานที่เห็นได้ชัดเจนด้วยแสงไฟด้านหน้าผับที่ทำท่าอ้าปากค้าง มองดวงตากลมโตคู่นั้นเบิกกว้างและมีแววตกใจอย่างแท้จริงด้วยอาการขบขัน
“หือ...ว่าไงคิดเท่าไร?”
เขาถามย้ำลงไปอีกครั้งด้วยความคึกและนึกสนุกกับท่าทางเอ๋อๆ ของหญิงสาว แม่คุณเอ๊ย! พ่อแม่คิดยังไงถึงยอมปล่อยให้มาเที่ยวกลางคืนในสถานที่แบบนี้
ดูเหมือนคำถามนี้ของเขาจะเรียกสติของเธอได้ เจ้าของร่างเล็กกะทัดรัดหุบปากลงฉับ มองเขาด้วยแววตาขุ่นขวางแล้วเดินหนีไปทันที
นั่นทำให้ฌอนขับรถตามไปช้าๆ ตามตอแยเธอด้วยความนึกสนุกจริงๆ ไม่คิดจะชวนเธอ ‘ไปต่อ’ อย่างที่ปากพูดสักนิด
“เฮ้น้อง! จะเอายังไงกันแน่ ตกลงไปหรือไม่ไป”
เขาส่งเสียงตอแยเธออีก ทำให้หญิงสาวที่กำลังจ้ำพรวดๆ หนีเขาหยุดชะงัก เธอหันซ้ายแลขวาด้วยอาการที่ดูออกว่าโมโห เขาดูท่าทางนั้นของเธอด้วยอาการเพลินตาโดยไม่ทันรู้ตัวหญิงสาวก็ก้มลงไปหยิบอะไรบางอย่างที่อยู่แถวนั้นขึ้นมาแล้วปาเข้ามาใส่เขาเต็มๆ แรง ผ่านกระจกด้านข้างคนขับที่เปิดกว้างอยู่
“โอ๊ย!”
ฌอนร้องพลางสบถออกมาดังลั่น ยัยบ้า! เขานึกบริภาษเธอในใจ หากตัวต้นเหตุน่ะหรือ...โน่น! เธอวิ่งหนีไปขึ้นรถแท็กซี่ที่ขับผ่านมาพอดีแล้วน่ะสิ!
ฌอนกวาดตามองวัตถุที่ฟาดเข้าเต็มหน้าเขาแล้วก็ได้แต่เจ็บใจ...ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับคนอย่างเขามาก่อน...
เขาคือฌอน พาร์กเกอร์ นายแบบหนุ่มคนดังเชียวนะ!
ยัยขาสั้นนั่นเป็นใครถึงได้กล้าเอาขวดพลาสติกมาฟาดหน้าเขาแบบนี้!