“นี่ครับ ประวัติเด็กของปกป้อง” ริวจิวางไอแพดที่มีประวัติของญาณินลงให้เจ้านายหนุ่ม แม้จะรู้สึกแปลกใจที่เจ้านายมีความสนใจญาณิน ทว่าก็ไม่กล้าเอ่ยถามอีกครั้งให้เจ้านายรู้สึกรำคาญ
ปกติเจ้านายของเขาไม่เคยให้ความสนใจกับผู้หญิงที่นอนด้วยเพียงชั่วข้ามคืน หากพอใจจะเก็บไว้เป็นของเล่นบนเตียงต่อ แต่ไม่เคยถึงขั้นให้ตามสืบประวัติแบบญาณิน
แม็กซ์ควินนั่งอ่านประวัติของญาณินเงียบๆ ฐานะผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ดีมากแถมยังเป็นหนี้สิน ไม่แปลกใจทำไมถึงบอกว่าต้องการเงิน
“ญาณินมีพ่อเลี้ยงชื่อชรัน ตอนนี้เป็นผีพนันอยู่ที่บ่อนของคุณวิโรจน์ ได้ข่าวว่าเป็นหนี้ก้อนใหญ่พอสมควรเลยครับ”
“งั้นเหรอ…” เขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆ เป็นหนี้ของ ‘วิโรจน์’ ไม่มีใครรอดตายสักคน เหตุผลที่วิโรจน์ยังคงไว้ชีวิตชรันอยู่อาจจะเล่นเกมบางอย่างอยู่ก็ได้ ยิ่งชรันมีลูกเลี้ยงสวยๆ แบบญาณิน วิโรจน์ยิ่งหมายหัวเอาไว้เป็นพิเศษ
“กูมีงานให้มึงทำ”
“งานอะไรครับ?”
“ทำยังไงก็ได้ให้เด็กนี่มาเป็นสมบัติของกู”
“ครับ?” ริวจิเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ร้อยวันพันปีเจ้านายไม่เคยออกคำสั่งแบบนี้ ปกติผู้หญิงทุกคนจะยอมศิโรราบให้เจ้านายของเขาเองทั้งนั้น แต่กับญาณินกลับออกคำสั่งให้เขาทำยังไงก็ได้เพื่อให้ได้มาเป็น ‘สมบัติ’
สงสัยญาณินคงปฏิเสธเจ้านายของเขาไป คงทำให้เจ้านายที่มีนิสัยชอบเอาชนะอยู่แล้ว อยากเอาชนะญาณิน
“ทำตามที่กูสั่ง จะด้วยวิธีไหนก็ได้ กูให้เวลาไม่เกินพรุ่งนี้”
“ครับนาย”
แม็กซ์ควินเลื่อนสายตากลับมองรูปของญาณินบนไอแพดอีกครั้ง ไม่ว่าเขาต้องการอะไรก็ต้องได้เท่านั้น ยิ่งอะไรที่ได้มายากๆ ยิ่งทำให้เขาอยากได้…
•••
‘อยากได้เงินเหรอ…มาเป็นของสมบัติฉันสิ’
‘ถ้าเธอแค่ทำงานเพื่อเงิน งั้นฉันจะให้เงินเธอมากกว่าที่เธอจะหาได้จากใคร’
‘ฉันให้เวลาเธอคิดสองวัน ถ้าเปลี่ยนใจก็มาหาฉันที่มาร์แอลคลับ’
คำพูดพวกนั้นของแม็กซ์ควินยังคงดังก้องอยู่ในหัวจนไม่เป็นอันทำอะไรแม้กระทั่งเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน วันนี้เธอมาทำงานตามปกติ ต่อให้จะยังรู้สึกปวดระบมตรงนั้นแต่แต่เธอก็ไม่อยากลางานได้
“ญาณินๆ คุณปกป้องเรียกให้ไปพบ”
“เดี๋ยวไปนะ” เธอหันไปบอกเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะเดินไปหาปกป้องที่ห้องทำงาน
พอญาณินเดินออกไป พนักงานคนนั้นก็เดินเข้าไปหาเพื่อนร่วมงานอีกคนที่สนิทกันในที่ทำงาน
“ช่วงนี้คุณปกป้องเรียกหาญาณินบ่อยนะแกว่าไหม”
“นั่นนะสิ เริ่มสงสัยแล้วนะว่าเรียกไปทำไมบ่อยขนาดนั้น”
“หรือญาณินจะเป็นเด็กของคุณปกป้อง?”
“แกจะบอกว่าญาณินโดนเรียกไป…เหรอ?” พนักงานสาวพูดพร้อมกับทำตาโตเป็นไข่ห่าน
“ก็น่าคิดนะ โดนเรียกบ่อยทั้งที่เป็นเวลางาน แถมเวลาญาณินอู้ก็ไม่เคยเห็นคุณปกป้องตำหนิอะไร”
“เห็นหงิมๆ แบบนั้นร้ายไม่เบานะยัยญาณินเนี่ย”
“ฉันเจอมาเยอะแล้ว ผู้หญิงที่ดูใสๆ ตามคนไม่ทันแบบยัยญาณิน นี่แหละคือร้าย”
สองพนักงานสาวยืนนินทาญาณินลับหลังกันอย่างสนุกปาก
ทางด้านของญาณินที่มาถึงห้องทำงานของปกป้องจึงเปิดประตูเข้าไป คนตัวเล็กในชุดทำงานเดินไปหยุดหน้าโต๊ะทำงานของเจ้านาย
“คุณปกป้องเรียกญาณินมาพบ มีอะไรเหรอคะ”
“นี่เป็นเงินจากงานเมื่อคืนของเธอ” ปกป้องวางซองเงินสดจำนวนหนึ่งลงบนโต๊ะทำงานให้ญาณิน
“ขอบคุณค่ะ” เธอรับเงินก้อนนั้นมาอย่างไม่รู้สึกดีใจ พอเปิดดูก็พบว่าเงินที่ได้มาไม่ใช่จำนวนที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก
“ทำไมถึงได้แค่นี้คะ ไหนบอกว่าญาณินเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เลยไง” แต่เท่าที่ดูในซองนี้น่าจะไม่ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ
“ฉันลืมบอกเธอ ถ้างานแรกจะได้เงินแค่นั้น”
แบบนี้โกงกันชัดๆ หรือเปล่า เธอรู้สึกไม่พอใจที่ได้เงินแค่นี้ ตั้งใจเอาเงินก้อนนี้ไปต่อรองเรื่องหนี้สินกับพวกที่บ่อน แต่เงินเท่านี้พวกนั้นคงไม่ยอมแน่ๆ ไม่คิดว่าจะถูกปกป้องทำแบบนี้ด้วย เธอคำนวณทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ทั้งค่าส่วนต่างที่แม็กซ์ควินให้กับค่าตัว รวมๆ แล้วคงพอต่อรองได้ แต่ดูเหมือนทุกอย่างที่วางแผนเอาไว้จะไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไป
เธอยืนกำซองเงินเอาไว้แน่น ใบหน้าแสดงความผิดหวังอย่างชัดเจน เธอรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ความตั้งใจที่จะใช้เงินก้อนนี้ในการจัดการเรื่องหนี้สินกับพวกเจ้าหนี้ที่บ่อนเป็นอันต้องพังทลายลงเพราะปกป้องไม่ให้เงินครบตามที่ตกลงไว้
“คุณปกป้อง แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลยนะคะ”
ปกป้องยิ้ม พลางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยอย่างใจเย็น ก่อนจะขยับริมฝีปาก
“นี่เป็นกฎของงาน ถ้าเธอไม่พอใจ เธอเลือกที่จะไม่ทำต่อก็ได้”
ญาณินรู้สึกเหมือนถูกผลักให้ตกลงสู่สถานการณ์ที่ไม่มีทางออก ปกป้องรู้ว่าเธอต้องการเงินจึงจะทำอะไรก็ย่อมได้
“ญาณินต้องการเงินจริงๆ ค่ะ คุณปกป้องได้โปรดเห็นใจญาณินได้ไหมคะ รอบหน้าญาณินทำงานให้ฟรีก็ได้ ขอแค่ตอนนี้คุณปกป้องให้เงินตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกกับญาณินก่อนได้ไหม”
“ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้ กฎก็คือกฎ” ปกป้องพูดอย่างเด็ดขาด
“แต่ว่า…”
“กลับไปทำงานของเธอต่อได้แล้ว”
เธอโดนปกป้องตัดบทสนทนา เขาไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรแม้แต่น้อย สุดท้ายเธอต้องยอมหันหลังเดินคอตกออกไปจากห้องทำงานของเจ้านายอย่างหมดหวัง
ปกป้องมองญาณินที่ออกไป ก่อนจะหันไปคว้าโทรศัพท์มาต่อสายหาริวจิ
“ผมทำตามที่คุณริวจิบอกแล้วครับ”
(ดี กูจะบอกนายตบรางวัลให้)
“ครับ” ปกป้องวางสายลงจากริวจิ แอบถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างเห็นใจญาณิน แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้คนซวยก็คือตัวเอง เพราะฉะนั้นขอเอาตัวเองรอดไว้ก่อน
ญาณินเดินคอตกออกมาอย่างหมดหวัง มองซองเงินในมือผ่านม่านน้ำตา ความหวังที่บ้านจะไม่ถูกพวกจากบ่อนพนันยึดไกลริบหรี่ เงินแค่นี้ไม่สามารถต่อรองกับพวกนั้นได้อย่างแน่นอน
“ฮึก…” จู่ๆ น้ำตาก็ไหลลงมาเอง เธอมาแอบยืนร้องไห้เงียบๆ คนเดียวอยู่มุมหนึ่งของผับ ยกมือปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้ดังเล็ดลอดออกมา
จะทำยังไงดี…
หมดหนทางแล้ว มืดแปดด้านไปหมดแล้ว เธอจะหาเงินจากที่ไหนไปจ่ายพวกที่บ่อน ถ้าไม่มีไปจ่ายบ้านของเธอก็ต้องถูกยึด
‘อยากได้เงินเหรอ…มาเป็นของสมบัติฉันสิ’
‘ฉันให้เวลาเธอคิดสองวัน ถ้าเปลี่ยนใจก็มาหาฉันที่มาร์แอลคลับ’
กึกกก
เธอนิ่งชะงักลงไป เมื่อคำพูดของแม็กซ์ควินฉายเข้ามาในหัวอีกครั้ง หรือเธอควรตกลงรับข้อเสนอของเขา? ถ้าแบบนั้นจะดูเป็นการกลืนน้ำลายตัวเองไปไหมเพราะปฏิเสธเขาไปอย่างหนักแน่นแล้ว
ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกมากนัก หากไม่ตัดสินใจเป็นสมบัติของแม็กซ์ควิน บ้านของเธอก็ต้องถูกพวกที่บ่อนยึดไป ชีวิตที่เคยสงบสุขตอนนี้บัดซบเพราะคนๆ เดียว ถ้าไม่มีพ่อเลี้ยงสักคน เธอกับแม่คงมีความสุขมากกว่านี้