เช้าวันต่อมา
แสงแดดสาดส่องผ่านม่านกั้นสีขาวริมระเบียง
บนเตียงฟูกหนาไซซ์คิงส์มีสองร่างเปลือยเปล่านอนอยู่เคียงข้างกัน ทันใดสาวน้อยวัยใสก็ลืมตาตื่น ทุกอย่างย้อนกลับไปหลังจากดื่มเหล้าในโซน VIP สติของเธอก็เลือนหายจำได้คลับคล้ายคลับคลาเพียงเท่านั้น
หมับ
ตัวเล็กลุกขึ้นอย่างช้าๆ ย่องหยิบเสื้อผ้าเปลี่ยนในห้องน้ำ ก่อนจะรีบออกไปเรียกแท็กซี่กลับบ้าน
บ้าน พลอยใส
"แกแอบหนีเที่ยวอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย!" มาถึงก็เจอผู้เป็นแม่ตะคอกเสียงดัง "ฉันทำงานเหนื่อยส่งให้แกเรียนไม่ได้ให้แกทำตัวเสเพลสำมะเลเทเมาแบบนี้"
"หนูก็ไม่ได้ทำให้การเรียนเสียนี่คะ"
"ไม่ต้องมาเถียง! แกนี่มัน..ภายนอกดูเรียบร้อย แต่ที่จริงแล้วเป็นผู้หญิงที่แรดไปทั่ว"
"แม่! หนูเป็นลูกสาวของแม่นะ พูดดีๆ ไม่ได้หรือไง"
"เพราะแกมันเป็นลูกที่ไม่เอาไหน แค่เรียนเก่งอย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะ แกต้องทำให้ฉันภูมิใจด้วย"
"อย่างเช่นจับผัวรวยอย่างที่แม่ต้องการสินะ"
ตึก ตึก
พลอยใสย่ำเท้าก่อนจะเดินขึ้นห้องนอนตัวเองที่อยู่ชั้นสอง ส่วนแม่ยังคงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย
ความสัมพันธ์ของครอบครัวขาดสะบั้น หลังจากที่สามีเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ ผู้เป็นแม่จึงคาดหวังให้ลูกสาวหาผู้ชายที่มีฐานะดีมาช่วยจุนเจือครอบครัว
ทว่า..พลอยใสเป็นเด็กผู้หญิงดื้อรั้นเธอไม่ยอมฟังคำสั่งใครทั้งนั้น ทุกอย่างที่เธอกระทำย่อมมาจากความรู้สึกตัวเอง
แกร๊ก
"บ้าที่สุดเลย! โอ๊ยยย" พลอยใสเหวี่ยงกระเป๋าซัดลงบนเตียง แต่อยู่ดีๆ ก็จุกเสียดหน้าท้องขึ้นมา เมื่อย้อนนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา ยิ่งทำให้สาวน้อยใจเต้นสั่น เธอเพียงอยากลิ้มลองรสชาติของการมีเพศสัมพันธ์แต่ราวกับว่าสวรรค์ไม่เมตตา
แม้จะสติไม่สมบูรณ์นักแต่ก็รู้ตัวว่าโดนกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งจนตอนนี้เชิงกรานปวดหนึบ
ทุกอย่างผ่านพ้นไป หลายสัปดาห์
บริษัทใหญ่
"สรุปว่าแกจะเอาไงกับชีวิต ให้มาบริหารงานร่วมก็ไม่สนใจไม่ชอบ เปิดร้านให้ก็ไม่เอา สรุปว่าชีวิตของแกจะกินเที่ยวแล้วมั่วผู้หญิงไปแบบนี้จนตายเลยหรือไง" น้ำเสียงของประธานซึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อตวาดด่าลูกชาย
"ผมบอกแล้วไงว่ายังไม่พร้อมที่จะมีชีวิตยุ่งยาก"
"แกก็เลยใช้เงินของฉันอย่างสบายๆ"
"ถ้าพ่อจะมาทวงบุญคุณเดี๋ยวผมหางานทำเองก็ได้"
"ทั้งที่ฉันมีทุกอย่างรองรับให้แก แต่แกยังจะไปสรรหาทำงานที่ไหน"
"ทำงานกับพ่อสมองคงจะระเบิดตายเข้าสักวัน! เพราะพ่อบ้างานไง แม่ถึงหนีไป"
น้ำเสียงจริงจังของฟิคตอบโต้กลับ ยิ่งทำให้ผู้เป็นพ่อสะอึก ทั้งคู่ไม่ลงรอยกัน มักจะถกเถียงไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน
สถาบันศึกษา
"เฮ้ยยย ไม่คิดว่ามึงจะมาจริงๆ" ค็อป ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้อำนวยการแต่ก็ยังมีเพื่อนกลุ่มเดิมลงทุนเป็นหุ้นส่วนบริหาร "สภาพแบบนี้ไปทะเลาะกับใครมาอีกล่ะสิ"
"จะใครได้ถ้าไม่ใช่พ่อกู! เออ..ว่าแต่วันนี้กูมาสัมภาษณ์งาน"
"มึงมีเงินที่จะเปิดสถาบันแบบนี้เองด้วยซ้ำ แต่กลับมาสมัครงาน สอนวาดรูปในคลาสพิเศษ มึงคิดดีแล้วเหรอเนี่ยไอ้ฟิค"
"กูคิดดีแล้วขี้เกียจแบมือขอเงินพ่อ แต่เดี๋ยวแม่งก็ส่งมาให้ทุกเดือน ส่งมาแล้วก็บ่น บ่นแล้วก็ส่ง"
ค็อป ส่ายหน้า เมื่อเห็นเพื่อนสนิทอย่างฟิคอารมณ์เสีย เนื่องจากเขาเป็นคนอารมณ์ร้อนโดยส่วนตัว ทั้งคู่รู้จักเพราะครอบครัวเคยทำธุรกิจร่วมกัน แม้จะเรียนคนละที่ แต่ก็ยังพบปะกันบ่อยครั้ง
"มึงทำไมชอบทำอะไรยุ่งยาก กูรับมึงเป็นอาจารย์เลยก็ได้ ไม่เห็นต้องไปสอบสัมภาษณ์กับฝ่ายบุคคล" ค็อปพูดสงสัย
"กูไม่อยากถูกเรียกว่าเป็นเด็กเส้นไง ก็แค่ไปสอบสัมภาษณ์ทำขั้นตอนทุกอย่างให้มันถูกต้องก็ไม่น่ายากอะไร"
"ตามใจมึงก็แล้วกันอีกครึ่งชั่วโมงไปรอได้เลยชั้นสอง"
"ไว้เจอกัน"
สองหนุ่มแยกย้ายตรงริมทางเดิน ฟิค เดินขึ้นชั้นสองรออยู่หน้าห้องเพื่อพูดคุยกับฝ่ายบุคคลที่จะรับเข้ามาทำงาน
สักพักก็ถึงคิวเรียกรีบเปิดประตูเข้าไป
"สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่สถาบันสอนศึกษา"
ใช้เวลาไม่นานก็เดินกลับออกมาลงยังชั้นล่างเตรียมตัวเดินทางแต่ค็อปนั่งอ่านรายงานจึงได้พบเจอกันอีกครั้ง
"เรียบร้อยแล้วนะกูกลับก่อน" ฟิคโบกมือ
"เดี๋ยวววว! มึงแน่ใจนะว่าไปสอบสัมภาษณ์กับฝ่ายบุคคล ไม่ได้ไปทำอะไรมา"
"กูจะทำอะไรมามึงบ้าปะเนี่ย"
"มึงนั่นแหละบ้าปะเนี่ย เข้าไปครึ่งชั่วโมง..ไม่ได้สอบสัมภาษณ์หรอกกูว่า รอยลิปสติกแม่งติดที่คอ!"
"เชี่ยยยย"
"ไอ้สัดมาเหยียบโรงเรียนกูวันแรกมึงก็ล่อฝ่ายบุคคลกูเลยนะ ฮ่าๆ"
"กูไม่ได้เป็นฝ่ายเสนอแต่แค่เป็นฝ่ายสนอง มุกแกล้งทำปากกาหล่นแล้วนั่งอ้าขาให้เห็นกางเกงใน เป็นมุกที่โคตรเชยเลยว่ะ แต่ก็ช่วยไม่ได้อยากโดนก็จัดให้"
สายตาของเขาดูร้ายกาจแฝงด้วยหลายอย่างอารมณ์ ฟิคเป็นเด็กผู้ชายที่ถูกครอบครัวหล่อหลอมให้อยู่ในกรอบแต่เขาก็ใช้คติที่ว่ากฎมีไว้แหก