1 เลี้ยง
“นายครับ มันสองคนตายแล้วครับ” ร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามยืนหันหลังให้คนที่นำข่าวมาบอกด้วยอาการสงบ สิงขร เจ้านายหนุ่มวัยสามสิบสี่ปีพยักหน้าน้อยๆเป็นการรับรู้ในเรื่องที่สั่งให้ลูกน้องไปจัดการ
“เอ่อ...นายครับ” ลูกน้องผู้ซื่อสัตย์เรียกเจ้านายอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกริ่งเกรง เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังคงยืนนิ่ง เขาจึงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนบอกกล่าวเรื่องสำคัญให้เจ้านายได้ทราบ
“พวกมันมีลูกด้วยครับ” สิ้นคำของลูกน้อง ไหล่บึกบึนไหวเล็กน้อย
“เด็กหญิงมาลีญาอายุ7ขวบ ตอนนี้เด็กอยู่โรงพยาบาลครับ”
“เด็กถูกทำร้ายเหรอ” สิงขรเบี่ยงหน้ากลับมาถาม
“ปะ...เปล่าครับ ตอนแรกผมไม่รู้ว่ามีเด็กอยู่ในรถ ตะ...ตอนนี้เด็กปลอดภัยดีครับ” สิงขรโบกมือเป็นเชิงไล่ ลูกน้องผู้รู้ใจนายรีบออกจากห้องทำงานกว้างขวางโอ่อ่าของผู้เป็นนายทันที
“หึ! ขนาดสวรรค์ยังเข้าข้างฉันเลย” ใบหน้าเคร่งขรึมมีรอยยิ้มประดับตรงมุมปากอยู่ครู่เดียว ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“พ่อกับแม่เธอตายแล้ว ต่อไปนี้ฉันคือผู้ปกครองของเธอนะเด็กน้อย” เป็นประโยคทักทายแรกจากผู้ปกครองคนใหม่ของเด็กหญิงมาลีญา หลังจากที่เด็กหญิงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของจังหวัดหนึ่งสัปดาห์เต็ม เธอก็ถูกพาตัวมายังคฤหาสน์หลังใหญ่กลางป่า เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับ นาย นายผู้เป็นทั้งผู้ปกครองและเจ้าชีวิตของเธอ
“ไม่! หนูจะกลับบ้าน!” ดวงตาคมกริบวาววับมองเด็กหญิงที่ยืนกำมือแน่นและจ้องเขาตาไม่กะพริบอยู่ตรงหน้า สิงขรนั่งไขว่ห้างกอดอกอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ เบื้องหลังชายหนุ่มมีคนของเขายืนขนาบข้างอยู่ และมีอีกหลายคนที่ยืนกระจายตัวอยู่รอบห้องและรอบคฤหาสน์หลังใหญ่
“ป้าเฟื่องพามาลีญาไปที่ห้องพัก” ป้าเฟื่องเป็นหัวหน้าแม่บ้านวัยห้าสิบปีที่อยู่กับสิงขรมานาน เป็นคนงานเพียงคนเดียวที่สิงขรให้ความเคารพและเกรงใจ
“ไปเถอะค่ะคุณหนู” ผู้สูงวัยรีบเดินมาโอบบ่ามาลีญาเพื่อจะพาเดินขึ้นไปยังห้องที่สิงขรให้จัดเตรียมไว้สำหรับเด็กหญิง หากแต่มาลีญาดื้อดึงสะบัดตัวหนี แล้ววิ่งออกปร๋อออกจากประตูบานใหญ่ทันที
ป้าเฟื่องหันไปสบสายตาดุของเจ้านายแล้วถอนหายใจแรง สิงขรยังคงนั่งนิ่งมองตามเด็กหญิงด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพียงชั่วอึดใจร่างเล็กของมาลีญาก็ถูกชายฉกรรจ์ร่างใหญ่อุ้มพาดบ่าเข้ามา แล้ววางเธอลงบนพื้นใกล้กับปลายเท้าของสิงขร
“อย่าเตะต้องของของฉันอีก ทีหลังให้กัลยาเป็นคนจัดการเด็กคนนี้ เข้าใจไหม!!!”
“ครับนาย” ร่างสูงใหญ่รับคำพร้อมกับค้อมศีรษะจนแทบจรดพื้น ด้วยเพราะรู้ดีว่าหากทำให้นายไม่พอใจ นั่นหมายถึงเขาอาจจะไม่มีลมหายใจอีกต่อไป
“หนูจะกลับบ้าน!” มาลีญาเงยหน้าตะโกนบอกคนที่หลุบตามองเธอด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราฉายแววสวยน่ารักเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
“ป้าเฟื่อง” สิงขรเมินเด็กหญิงแล้วมองไปทางผู้สูงวัย จึงทำให้ป้าเฟื่องรีบลนลานมาโอบร่างเด็กหญิงลุกขึ้น
“ไม่! หนูจะกลับบ้าน ฮึกๆ ฮือๆ” มาลีญาสะบัดตัวหลีกหนีจากการโอบกอดของป้าเฟื่อง ผู้สูงวัยจึงลุกขึ้นถอยมายืนอยู่ห่างๆ ครู่เดียวหญิงสาววัยยี่สิบปลายๆซึ่งมีร่างกายสูงใหญ่กว่าผู้หญิงทั่วไปก็ปราดเข้ามาอุ้มเด็กหญิงขึ้นพาดบ่า แล้วพาเดินขึ้นไปบนบ้าน โดยมีป้าเฟื่องรีบวิ่งตามไปดูแล
“ฮึกๆ หนูจะกลับบ้าน ป้าเฟื่องขาพาหนูกลับบ้านหน่อยสิคะ” สองเดือนผ่านไปแล้วเด็กหญิงมาลีญาก็ยังขอร้องผู้สูงวัยเหมือนเดิม
“เมื่อไรจะเลิกดื้อเสียทีคะคุณหนู อยู่กับนายสบายทุกอย่าง ได้เรียนหนังสือโรงเรียนดังๆ มีทุกสิ่งอย่างเพียบพร้อม ใครๆต่างก็อิจฉาคุณหนูกันทั้งนั้นนะคะ”
“แต่หนูไม่อยากอยู่ที่นี่ หนูคิดถึงคุณพ่อคุณแม่” เด็กหญิงปาดน้ำตาป้อยๆ เอนศีรษะพิงกับบ่าของผู้สูงวัยซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังของรถยุโรปคันหรูด้วยกัน
ป้าเฟื่องจะติดรถมารับส่งเธอที่โรงเรียนในเมืองทุกวัน โดยมีกัลยาซึ่งถูกมอบหมายให้เป็นคนควบคุมและดูแลความปลอดภัยของเด็กหญิงนั่งคู่มากับคนขับด้านหน้า
“คุณกัลยาขา ปล่อยหนูไปเถอะนะคะ” เมื่ออ้อนผู้สูงวัยไม่ได้ เด็กหญิงก็หันไปอ้อนอีกคน หากแต่กัลยาก็เงียบเหมือนเดิม ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาสองเดือน มาลีญาแทบจะนับคำที่เธอพูดด้วยได้
“ฮึกๆ มีแต่คนใจร้าย ป้าเฟื่องใจร้าย คุณกัลยาก็ใจร้าย แต่นายใจร้ายที่สุด” เด็กหญิงซบหน้าลงกับอกป้าเฟื่องร้องไห้โฮออกมาเสียงดัง ทุกคนในรถต่างก็นั่งนิ่ง ไม่มีใครปลอบโยนเธอ ซึ่งมาลีญาเริ่มชาชินกับความรู้สึกเดียวดายไม่มีใครแล้ว
ถึงแม้จะไม่อยากอยู่ที่นี่ แต่เด็กหญิงก็รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่เรียน มาลีญาจึงไม่อิดออดที่จะไปโรงเรียน เธอตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
มาลีญาอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ในฐานะเด็กในปกครองของนาย ทุกคนเรียกเธอว่า “คุณหนู” เธอมีสิ่งของทุกอย่างที่อยากมี ได้สิ่งของทุกอย่างที่อยากได้ ยกเว้นอิสรภาพ เด็กหญิงเรียนรู้ว่าผู้ปกครองของเธอเป็นคนพูดน้อยและดุมาก ตอนเช้าในบางวันเธอต้องรับประทานอาหารเช้าพร้อมเขาตอนเจ็ดโมง โดยต่างคนต่างทาน นายไม่เคยมองหน้าเธอเลย นายถามคำเธอก็ตอบคำ ตอนกลางวันเธอไปเรียนหนังสือ ส่วนตอนเย็นเธอต้องรับประทานอาหารคนเดียว วันหยุดเด็กหญิงก็ขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่เคยออกไปพบปะกับใคร แม้กระทั่งเพื่อนที่โรงเรียน เธอก็ไม่มีเพื่อนสนิท ไม่มีใครกล้าคุยกับคนของสิงขรอย่างเธอ เธอไม่รู้ว่านายทำอะไรบ้างในแต่ละวัน และป้าเฟื่องก็บอกว่าหากอยากอยู่อย่างมีความสุข อย่าอยากรู้เรื่องของนายและทำให้นายไม่พอใจ