มาลีญา 1

1090 Words
1 เลี้ยง “นายครับ มันสองคนตายแล้วครับ” ร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามยืนหันหลังให้คนที่นำข่าวมาบอกด้วยอาการสงบ สิงขร เจ้านายหนุ่มวัยสามสิบสี่ปีพยักหน้าน้อยๆเป็นการรับรู้ในเรื่องที่สั่งให้ลูกน้องไปจัดการ “เอ่อ...นายครับ” ลูกน้องผู้ซื่อสัตย์เรียกเจ้านายอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกริ่งเกรง เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังคงยืนนิ่ง เขาจึงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนบอกกล่าวเรื่องสำคัญให้เจ้านายได้ทราบ “พวกมันมีลูกด้วยครับ” สิ้นคำของลูกน้อง ไหล่บึกบึนไหวเล็กน้อย “เด็กหญิงมาลีญาอายุ7ขวบ ตอนนี้เด็กอยู่โรงพยาบาลครับ” “เด็กถูกทำร้ายเหรอ” สิงขรเบี่ยงหน้ากลับมาถาม “ปะ...เปล่าครับ ตอนแรกผมไม่รู้ว่ามีเด็กอยู่ในรถ ตะ...ตอนนี้เด็กปลอดภัยดีครับ” สิงขรโบกมือเป็นเชิงไล่ ลูกน้องผู้รู้ใจนายรีบออกจากห้องทำงานกว้างขวางโอ่อ่าของผู้เป็นนายทันที “หึ! ขนาดสวรรค์ยังเข้าข้างฉันเลย” ใบหน้าเคร่งขรึมมีรอยยิ้มประดับตรงมุมปากอยู่ครู่เดียว ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว “พ่อกับแม่เธอตายแล้ว ต่อไปนี้ฉันคือผู้ปกครองของเธอนะเด็กน้อย” เป็นประโยคทักทายแรกจากผู้ปกครองคนใหม่ของเด็กหญิงมาลีญา หลังจากที่เด็กหญิงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของจังหวัดหนึ่งสัปดาห์เต็ม เธอก็ถูกพาตัวมายังคฤหาสน์หลังใหญ่กลางป่า เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับ นาย นายผู้เป็นทั้งผู้ปกครองและเจ้าชีวิตของเธอ “ไม่! หนูจะกลับบ้าน!” ดวงตาคมกริบวาววับมองเด็กหญิงที่ยืนกำมือแน่นและจ้องเขาตาไม่กะพริบอยู่ตรงหน้า สิงขรนั่งไขว่ห้างกอดอกอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ เบื้องหลังชายหนุ่มมีคนของเขายืนขนาบข้างอยู่ และมีอีกหลายคนที่ยืนกระจายตัวอยู่รอบห้องและรอบคฤหาสน์หลังใหญ่ “ป้าเฟื่องพามาลีญาไปที่ห้องพัก” ป้าเฟื่องเป็นหัวหน้าแม่บ้านวัยห้าสิบปีที่อยู่กับสิงขรมานาน เป็นคนงานเพียงคนเดียวที่สิงขรให้ความเคารพและเกรงใจ “ไปเถอะค่ะคุณหนู” ผู้สูงวัยรีบเดินมาโอบบ่ามาลีญาเพื่อจะพาเดินขึ้นไปยังห้องที่สิงขรให้จัดเตรียมไว้สำหรับเด็กหญิง หากแต่มาลีญาดื้อดึงสะบัดตัวหนี แล้ววิ่งออกปร๋อออกจากประตูบานใหญ่ทันที ป้าเฟื่องหันไปสบสายตาดุของเจ้านายแล้วถอนหายใจแรง สิงขรยังคงนั่งนิ่งมองตามเด็กหญิงด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพียงชั่วอึดใจร่างเล็กของมาลีญาก็ถูกชายฉกรรจ์ร่างใหญ่อุ้มพาดบ่าเข้ามา แล้ววางเธอลงบนพื้นใกล้กับปลายเท้าของสิงขร “อย่าเตะต้องของของฉันอีก ทีหลังให้กัลยาเป็นคนจัดการเด็กคนนี้ เข้าใจไหม!!!” “ครับนาย” ร่างสูงใหญ่รับคำพร้อมกับค้อมศีรษะจนแทบจรดพื้น ด้วยเพราะรู้ดีว่าหากทำให้นายไม่พอใจ นั่นหมายถึงเขาอาจจะไม่มีลมหายใจอีกต่อไป “หนูจะกลับบ้าน!” มาลีญาเงยหน้าตะโกนบอกคนที่หลุบตามองเธอด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราฉายแววสวยน่ารักเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา “ป้าเฟื่อง” สิงขรเมินเด็กหญิงแล้วมองไปทางผู้สูงวัย จึงทำให้ป้าเฟื่องรีบลนลานมาโอบร่างเด็กหญิงลุกขึ้น “ไม่! หนูจะกลับบ้าน ฮึกๆ ฮือๆ” มาลีญาสะบัดตัวหลีกหนีจากการโอบกอดของป้าเฟื่อง ผู้สูงวัยจึงลุกขึ้นถอยมายืนอยู่ห่างๆ ครู่เดียวหญิงสาววัยยี่สิบปลายๆซึ่งมีร่างกายสูงใหญ่กว่าผู้หญิงทั่วไปก็ปราดเข้ามาอุ้มเด็กหญิงขึ้นพาดบ่า แล้วพาเดินขึ้นไปบนบ้าน โดยมีป้าเฟื่องรีบวิ่งตามไปดูแล “ฮึกๆ หนูจะกลับบ้าน ป้าเฟื่องขาพาหนูกลับบ้านหน่อยสิคะ” สองเดือนผ่านไปแล้วเด็กหญิงมาลีญาก็ยังขอร้องผู้สูงวัยเหมือนเดิม “เมื่อไรจะเลิกดื้อเสียทีคะคุณหนู อยู่กับนายสบายทุกอย่าง ได้เรียนหนังสือโรงเรียนดังๆ มีทุกสิ่งอย่างเพียบพร้อม ใครๆต่างก็อิจฉาคุณหนูกันทั้งนั้นนะคะ” “แต่หนูไม่อยากอยู่ที่นี่ หนูคิดถึงคุณพ่อคุณแม่” เด็กหญิงปาดน้ำตาป้อยๆ เอนศีรษะพิงกับบ่าของผู้สูงวัยซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังของรถยุโรปคันหรูด้วยกัน ป้าเฟื่องจะติดรถมารับส่งเธอที่โรงเรียนในเมืองทุกวัน โดยมีกัลยาซึ่งถูกมอบหมายให้เป็นคนควบคุมและดูแลความปลอดภัยของเด็กหญิงนั่งคู่มากับคนขับด้านหน้า “คุณกัลยาขา ปล่อยหนูไปเถอะนะคะ” เมื่ออ้อนผู้สูงวัยไม่ได้ เด็กหญิงก็หันไปอ้อนอีกคน หากแต่กัลยาก็เงียบเหมือนเดิม ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาสองเดือน มาลีญาแทบจะนับคำที่เธอพูดด้วยได้ “ฮึกๆ มีแต่คนใจร้าย ป้าเฟื่องใจร้าย คุณกัลยาก็ใจร้าย แต่นายใจร้ายที่สุด” เด็กหญิงซบหน้าลงกับอกป้าเฟื่องร้องไห้โฮออกมาเสียงดัง ทุกคนในรถต่างก็นั่งนิ่ง ไม่มีใครปลอบโยนเธอ ซึ่งมาลีญาเริ่มชาชินกับความรู้สึกเดียวดายไม่มีใครแล้ว ถึงแม้จะไม่อยากอยู่ที่นี่ แต่เด็กหญิงก็รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่เรียน มาลีญาจึงไม่อิดออดที่จะไปโรงเรียน เธอตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด มาลีญาอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ในฐานะเด็กในปกครองของนาย ทุกคนเรียกเธอว่า “คุณหนู” เธอมีสิ่งของทุกอย่างที่อยากมี ได้สิ่งของทุกอย่างที่อยากได้ ยกเว้นอิสรภาพ เด็กหญิงเรียนรู้ว่าผู้ปกครองของเธอเป็นคนพูดน้อยและดุมาก ตอนเช้าในบางวันเธอต้องรับประทานอาหารเช้าพร้อมเขาตอนเจ็ดโมง โดยต่างคนต่างทาน นายไม่เคยมองหน้าเธอเลย นายถามคำเธอก็ตอบคำ ตอนกลางวันเธอไปเรียนหนังสือ ส่วนตอนเย็นเธอต้องรับประทานอาหารคนเดียว วันหยุดเด็กหญิงก็ขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่เคยออกไปพบปะกับใคร แม้กระทั่งเพื่อนที่โรงเรียน เธอก็ไม่มีเพื่อนสนิท ไม่มีใครกล้าคุยกับคนของสิงขรอย่างเธอ เธอไม่รู้ว่านายทำอะไรบ้างในแต่ละวัน และป้าเฟื่องก็บอกว่าหากอยากอยู่อย่างมีความสุข อย่าอยากรู้เรื่องของนายและทำให้นายไม่พอใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD