ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงทักที่คุ้นเคย
“พี่สาว… ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ” ภูภู เพื่อนรุ่นน้องของเว่ยหลงเดินเข้ามาหา ด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจเล็กน้อย
“พี่เว่ยเขาเข้าไปด้านในแล้วนะครับ”
น้ำหอมปาดผมที่ปรกข้างแก้มออกอย่างลวก ๆ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“อืม… ขอถามอะไรหน่อยสิ ภูภู”
“ครับพี่สาว ว่ามาเลย”
หญิงสาวหันมามองตรง ๆ แววตาคมพราวไปด้วยแอลกอฮอล์ผสมกับความอยากรู้
“คุณเว่ยน่ะ… เขามีแฟนแล้วเหรอ”
ภูภูเกาหัว ยิ้มเจื่อน ๆ “เอ่อ…ไม่เชิงครับพี่สาว อาจจะมี…ก็ได้”
น้ำหอมยกคิ้วเล็กน้อย “อ๋อ…” เสียงที่เปล่งออกมาแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความคิดวนในหัว
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือแตะริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ที่ยังคงรู้สึกร้อนผ่าวจากจูบเมื่อครู่ ดวงตาไหววูบชั่ววินาที แต่ริมฝีปากกลับแต้มรอยยิ้มจาง ๆ
ภูภูรีบถามต่อ
“แล้วพี่สาวจะเข้าไปไหมครับ…ด้านใน”
“ไม่ล่ะ” น้ำหอมส่ายหัวเบา ๆ พลางหมุนตัวหันหลังให้
“ฉันไม่ยุ่งกับคนมีแฟนแล้ว…ฉันไปล่ะ”
พูดจบ เสียงเดินก็ค่อย ๆ ห่างออกไป ขณะที่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความว้าวุ่น
“ถ้าเขามีแฟนอยู่แล้ว… งั้นก็แปลว่าเขาไม่ได้แต่งกับพราวรุ้ง”
“ถ้าเขาไม่ใช่ว่าที่คู่หมั้นของพราวรุ้ง… เขาก็ไม่ใช่เป้าหมายของฉันอีกต่อไป”
หญิงสาวกำหมัดแน่นขณะเดินออกจากมองฟลัว ใบหน้าสวยสงบนิ่ง แต่ในแววตากลับส่องประกายราวกับมีไฟอีกกองกำลังสุมอยู่
จู่ ๆ
ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนจากมือถือดังขึ้นในมือสั่นเทา
น้ำหอมกดเข้าไปดู… และหัวใจแทบหยุดเต้น
ภาพถ่ายราเชนกับคู่หมั้นสาว กำลังเดินเคียงข้างกันในห้างหรู มือเกี่ยวกอดอย่างสนิทสนม
ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอบอุ่น รอยยิ้มที่ครั้งหนึ่งเคยมีไว้ให้เธอเพียงคนเดียว
“อึก…”
น้ำหอมเผลอหลุดเสียงสะอื้นออกมา น้ำตาคลอเอ่อจนพร่าเลือนหน้าจอ
ความจุกแล่นขึ้นมากลางอกจนแทบหายใจไม่ออก
“เขาลืมฉันไปแล้วจริง ๆ …”
“คำสัญญาทั้งหมด มันก็แค่ลมปากสินะพี่ราเชน”
เธอก้าวออกไปจากคลับราวกับคนไร้สติ ขาเรียวสั่นเทา ร่างบางเดินเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัวว่ามาถึงถนนตั้งแต่เมื่อไหร่ น้ำตาไหลรินไม่หยุด
ทันใดนั้น
บรืนนนนนนน!
เสียงเครื่องยนต์รถดังพุ่งตรงมา แสงไฟหน้าสาดเข้าตา
“อ๊ะ!” น้ำหอมสะดุ้ง หันไปช้าเกินไป
โคร้ม!
แรงปะทะกระแทกร่างบางกระเด็นล้มลงกับพื้นถนน เสียงส้นสูงแตกกระจาย เลือดซึมออกจากขาและแขนทันที
“เฮ้ย! พี่สาว!”
เสียงตะโกนดังลั่น ภูภูที่วิ่งตามมาตั้งแต่ในคลับถึงกับตาเบิกโพลง รีบพุ่งเข้ามาคุกเข่าข้างร่างเธอ มือสั่นขณะพยายามประคองศีรษะที่มีเลือดไหลซึมออกมา
“โธ่เว้ย! เรียกรถพยาบาลเร็ว! ใครก็ได้!!” เขาตะโกนสุดเสียง มืออีกข้างรีบกดโทรศัพท์หาคนช่วย
น้ำหอมลืมตาได้เพียงเล็กน้อย เสียงรอบกายเริ่มเลือนราง ดวงตาเบลอพร่ามองเพดานฟ้ามืดสนิท ก่อนริมฝีปากจะขยับพึมพำเบา ๆ
“พี่รา…เชน…”
แล้วทุกสิ่งก็มืดสนิท
สองชั่วโมงต่อมา ที่ห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล
ติ้ด ติ้ด!
เสียงเครื่องมือการแพทย์เต้นเป็นจังหวะ เบา ๆ น้ำหอมปรือตาขึ้นมาด้วยอาการที่เจ็บแปลบไปทั้งร่าง
“พี่สาว…เป็นไงบ้าง เจ็บมากไหมครับ?”
ภูภูถามด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจเมื่อเห็นเธอลืมตาขึ้น
คนตัวเล็กพยักหน้าเบา ๆ พยายามยันตัวขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนหน้าซีด
“ไม่เป็นไรหรอก… ฉันเองก็ไม่ค่อยระวังตัวเท่าไหร่”
แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ภูภูยืนกังวลอยู่ข้างเตียง เห็นสีหน้าท่าทางเธอยังไม่ปกติ จึงถามต่อ
“ให้ผมไปตามพี่เว่ยไหมครับ? ”
น้ำหอมส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทั้งที่มือยังสั่นเล็กน้อย
“ไม่ต้อง… ฉันไม่อยากยุ่งกับเขาแล้ว”
เธอหันหน้าหนีเหมือนปกป้องความอ่อนแอในใจตัวเอง
“นายกลับเถอะ เดี๋ยวฉันกลับคอนโดเองได้”
ภูภูเริ่มลังเล… “ให้ผมไปส่งไหมพี่ อย่างน้อยก็สบายใจกว่า”
น้ำหอมหัวเราะเบา ๆ เสียงแผ่ว “ไม่เป็นไร ฉันมีคนขับรถแล้ว”
ภูภูพยักหน้า รับคำสั้น ๆ “ครับ”
ก่อนภูภูจะเดินออกไป น้ำหอมก็เรียกเขาไว้เสียงแผ่ว ๆ
“อ้อ… แล้วก็อย่าห่วงว่าฉันจะตามตอแยพี่ของนายอีกนะ”
เธอพยายามย้ำด้วยน้ำเสียงแข็ง ๆ แต่แฝงเศร้าไปด้วย
“ถ้าเขาถาม ก็บอกไปว่า…ฉันไม่อยากเจอเขาอีก ไปเถอะภูภู”
ภูภูก้มศีรษะเล็กน้อย รับคำแล้วค่อย ๆ เดินออกจากห้อง ทิ้งให้ความเงียบกลับคืนมา
น้ำหอมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พิงหลังลงบนหมอน แววตาหลับตาลงชั่วครู่ แต่ความคิดยังไม่สงบ
ฉันจะหา ‘หมาก’ อะไรมาแก้แค้นครั้งนี้ดีนะ…และถ้าเว่ยหลงมีแฟน ฉันก็ขอถอยก็แล้วกัน
อีกด้านของเว่ยหลง
ณ ห้องลับในคาสิโน
เวลาเกือบเที่ยงคืน
ที่มองฟลัวคลับด้านนอกปิดไฟเงียบสนิทแล้ว แต่ในห้องลับชั้นใต้ดินของคาสิโนยังคงสว่างไสว เสียงเครื่องนับชิปและเสียงดีลเลอร์ดังแผ่วคลออยู่ด้านนอก ขณะที่เว่ยหลงยังนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ใหญ่ กำลังเช็กบัญชีรายวันด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ไม่นานก็มีเสียงประตูถูกผลักเปิด แกร๊ก!
ภูภูเดินเข้ามาอย่างร้อนรน “พี่เว่ยครับ… มีเรื่องครับ”
เว่ยหลงเงยหน้าขึ้น ดวงตาคมวาวแวบ “อะไร”
“พี่สาวคนสวย… เธอถูกรถชนครับ”
มือที่ถือปากกาหยุดชะงักทันที เว่ยหลงเลิกคิ้ว ดวงตาแข็งกร้าว “ว่าไงนะ… น้ำหอมน่ะเหรอ”
“ครับ” ภูภูพยักหน้ารัว “ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล แต่ไม่เป็นอะไรมาก”
เว่ยหลงเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะลุกขึ้นยืน พลางเอ่ยเสียงทุ้มต่ำเอ่ยชัด
“งั้นเดี๋ยวฉันไปดูหน่อย”
“เอ่อ…” ภูภูอ้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนยอมพูดต่อ “พี่น้ำหอมบอกไว้ว่า…ไม่อยากเห็นหน้าพี่เว่ยครับ แล้วก็บอกว่าไม่สนใจพี่เว่ยแล้วด้วย”
ห้องทั้งห้องเงียบกริบ เว่ยหลงเลิกคิ้วช้า ๆ ความเย็นชาปนหงุดหงิดแผ่กระจายรอบตัว
“…ว่าไงนะ”
เขาหันสายตาคมกริบไปทาง วิน เลขาคนสนิทที่ยืนกอดอกอยู่มุมห้อง
“แบบนี้ผู้หญิงเขาหมายความว่าไงวะ”
วินสบตาเจ้านายอย่างนิ่งเรียบ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“ก็หมายความว่า…คุณไม่ใช่เป้าหมายของเธออีกแล้วครับ”
เว่ยหลงหัวเราะหึ เสียงนั้นทั้งเย็นชาและหงุดหงิด “ไม่ใช่เป้าหมาย? …หึ”
วินพูดต่อ “ดีไม่ใช่เหรอครับ คุณเว่ยเองก็บอกว่าอยากให้เธอออกไปจากชีวิตไม่ใช่เหรอ”
เว่ยหลงเงียบไปครู่หนึ่ง แววตาคมลึกวาววับราวกับคลื่นไฟที่กำลังสุมอยู่ในอก แม้ใบหน้าจะยังเรียบเฉย แต่ใจเขากลับไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิด ว่าทำไมคำว่า “ไม่อยากเจอ” ถึงแทงเข้าอกแรงขนาดนี้…