พูดจบน้ำหอมปาดน้ำตาที่เปื้อนแก้มออกแรง ๆ ราวกับจะกวาดทิ้งไปพร้อมความอ่อนแอทั้งหมด หญิงสาวสูดหายใจลึก รวบรวมแรงใจอีกครั้ง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากที่เต็มไปด้วยความดื้อรั้น
“ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์… ฉันต้องชนะ”
เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แล้วเดินต่อเข้าไปด้านใน
ร่างเพรียวในชุดเดรสสีแดงเพลิงก้าวกลับเข้าไปใน มองฟลัว ด้วยท่าทีเชิดหน้ามั่นใจ แม้ข้างในหัวใจจะบอบช้ำแทบจะตาย
เท้าเล็กเดินตรงไปที่บาร์อย่างไม่ลังเล
“วอดก้าช็อต… สามแก้ว”
เสียงหวานสั่งชัดถ้อย ริมฝีปากแดงฉ่ำยกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่บาร์เทนเดอร์
ชายหนุ่มหลังบาร์เลิกคิ้วแปลกใจ
“คุณแน่ใจเหรอครับ”
“เร็วสิคะ”
น้ำหอมขัดขึ้นทันที แววตาเปล่งประกายราวกับนักพนันที่วางเงินก้อนสุดท้ายลงบนโต๊ะ
ไม่กี่นาทีต่อมา แก้วช็อตใสเรียงรายตรงหน้า หญิงสาวยกขึ้นดื่มรวดเดียวทีละแก้ว เสียงกระแทกแก้วกับเคาน์เตอร์ดัง ปึก! ตามจังหวะการหายใจถี่รัว
ตอนนี้รสแอลกอฮอล์แผดเผาลำคอจนร้อนวาบ น้ำหอมหลับตาแน่นหนึ่งครั้ง ก่อนจะแค่นยิ้มออกมาให้ตัวเอง ให้โลก และให้โชคชะตาที่เคยเหยียบย่ำ
ไม่นาน… ฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็เริ่มทำงาน ใบหน้าสวยแดงระเรื่อขึ้น ดวงตาเยิ้มพร่าด้วยฤทธิ์สุรา เธอหัวเราะเบา ๆ พลางเอนตัวพิงบาร์อย่างจงใจ แสร้งทำเป็น “เมาหนัก” ให้ใครต่อใครมองเห็น
และแน่นอน… สายตาคมคู่นั้นก็จับตามองอยู่จริง ๆ
เว่ยหลงเดินกลับเข้ามาจากทางด้านนอก ร่างสูงสง่าก้าวผ่านฝูงชนที่เบี่ยงทางให้โดยอัตโนมัติ เขายกแก้วขึ้นจิบอย่างใจเย็น แต่ดวงตาคมลึกก็เหลือบไปเห็นร่างบางในชุดแดงที่กำลังโอนเอนอยู่ริมบาร์
เธอกำลังหัวเราะทั้งที่น้ำตายังไม่แห้งดีด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย สูดควันบุหรี่เข้าปอด ก่อนจะพ่นออกมาอย่างเบื่อหน่าย แต่ไม่เข้าใจเลยว่า…ทำไมสายตาของเขาถึงยังไม่ยอมละไปจากผู้หญิงคนนั้น
2 ชั่วโมงต่อมา
เสียงเพลงในคลับดังระรัวเร้าใจ ผู้คนต่างเต้นรำและหัวเราะเฮฮา แต่ตรงบาร์หรู น้ำหอมกำลังเอนตัวพิงเคาน์เตอร์อย่างหมดแรง ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตพร่ามัวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“อีก…อีกแก้วค่ะ”
เธอเอ่ยเสียงอ้อแอ้ หัวเราะเบา ๆ ก่อนยกแก้วสุดท้ายขึ้นดื่ม ร่างเพรียวโงนเงนเหมือนจะไม่ไหว
และแล้ว
“อ๊ะ!”
ขาขาวในส้นสูงสี่นิ้วสะดุดพื้น ร่างเล็กเซถลาไปข้างหน้าแทบจะล้มลงกับพื้นแข็ง
หากแต่… แขนแกร่งกลับยื่นเข้ามารับร่างเธอไว้ทันก่อนจะกระแทกลง ดึงเธอเข้ามาปะทะกับอกกว้างที่อบอุ่นแต่เย็นชาพร้อมกัน
กลิ่นน้ำหอมผสมแอลกอฮอล์แตะจมูกของเว่ยหลงอย่างจัง ดวงตาคมดุดันกดมองหญิงสาวที่ซบอยู่ในอ้อมแขน
“เธอนี่มัน…” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยช้า ๆ แฝงแววหงุดหงิด
“อยากตายหรือไง ถึงกล้าเมาเละขนาดนี้”
น้ำหอมเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาที่คลอด้วยน้ำตาและฤทธิ์สุราสบกับแววตาคมดุ ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ดูทั้งน่าสงสารและน่าท้าทายไปพร้อมกัน
“หึ… ถ้าตายแล้วมีคนแบบคุณคอยพยุง…”
เสียงหวานแผ่วเบาแต่แฝงเสน่ห์ร้ายกาจ
“ก็น่าตายนะคะ”
เว่ยหลงชะงักไปเสี้ยววินาที ก่อนจะกระชากแขนเธอให้ยืนขึ้นตรง ๆ ร่างสูงใหญ่บดบังเธอราวเงามืด
“อย่ามาเล่นเกมใส่ฉัน ผู้หญิงอย่างคุณ…”
เขาก้มหน้าลงใกล้พอให้ลมหายใจร้อนผ่าวปะทะแก้มเธอ
“…ฉันไม่เคยเห็นค่านักหรอก”
น้ำหอมกลับหัวเราะเบา ๆ ริมฝีปากแดงฉ่ำกระซิบชิดหูเขา
“ก็เดี๋ยวฉันจะทำให้คุณเห็นเอง…ว่า ฉันมีค่าแค่ไหน”
ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวพลันตึงเครียดราวกับคลื่นไฟฟ้า ทั้งสองสบตากันราวกับกำลังวัดใจเกมระหว่าง “นักล่า” และ “เหยื่อ” ที่ไม่แน่ชัดว่าใครคือใคร…
ทว่าในตอนนั้นเอง
คนตัวสูงกลับปล่อยมือออกจากร่างบางโดยไม่เหลียวมอง
ตุ้บ!
ร่างเล็กแทบจะกระแทกพื้น ดีที่โซฟาหนังใกล้เคียงรองรับก้นสวย ๆ ของเธอเอาไว้พอดี
ชายหนุ่มปรายตามองเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะวีไอพี นั่งเอนพิงโซฟาอย่างไม่แยแส ร่างสูงสงบนิ่ง ดวงตาคมลึกไร้อารมณ์ใด ๆ
ส่วนรุ่นน้องที่นั่งข้าง ๆ รีบหันมาแซวทันที
“ไหนพี่เว่ย บอกไม่สนใจไง แล้วทำไมถึงไปรับตัวเธอเอาไว้ล่ะ?”
เว่ยหลงยกแก้วขึ้นจิบอย่างใจเย็น ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“ก็เสนอตัวขนาดนั้น…ไม่รับไว้ได้ยังไง ก็ลูกค้าของคลับไม่ใช่หรือไง”
“หึ…ใช่เหรอพี่เว่ย” รุ่นน้องยกคิ้ว ยิ้มมุมปาก “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พี่สนใจลูกค้าเป็นพิเศษ”
เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น แต่หยุดลงทันควันเมื่อเว่ยหลงหันสายตามองนิ่ง ๆ
“หุบปาก”
คำสั่งเสียงเรียบ แต่เย็นเฉียบจนบรรยากาศกดดันไปทั้งโต๊ะ รุ่นน้องรีบหุบปาก แต่ในใจกลับยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างห้ามไม่ได้
และแล้ว
ตึก ตึก ตึก!
เสียงส้นสูงดังใกล้เข้ามา
หญิงสาวในเดรสแดงเพลิงปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากแดงสดแต้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าชายหนุ่มราวกับไม่เกรงกลัวสายตาใครทั้งสิ้น
“สุดหล่อ…”
น้ำเสียงหวานเจือความเมาเล็กน้อยดังขึ้น
“ชื่ออะไรเหรอ? ฉันจ้างไปส่งที่คอนโดหน่อยสิ”
เธอเอนตัวเล็กน้อย ราวกับตั้งใจให้เรือนร่างแนบเข้าใกล้กว่าเดิม ริมฝีปากยกยิ้มกวนประสาท
“เมื่อกี้นายรู้จักชื่อฉันแล้ว… งั้นก็ควรบอกชื่อของตัวเองบ้างนะ ถูกไหม?”
เรียวปากหวานยังคงเจื้อยแจ้ว ทั้ง ๆ ที่ในใจรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใคร แต่ทั้งหมดนี้คือเกม วิธีการที่จะทำให้มาเฟียหนุ่มอย่างเว่ยหลง “ติดกับ”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากกระตุกขึ้นคล้ายรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม ดวงตาคมกริบกวาดมองเรือนร่างตรงหน้าอย่างกดดัน
“ผู้หญิงแบบเธอ…นี่คิดว่าเล่นอยู่หรือไง?”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นแผ่วช้า เย็นเยียบ แต่ในใจเขาเองก็รู้สึกถึงประกายบางอย่าง ที่ทำให้เขาเผลอมองเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
น้ำหอมยกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ดวงตาวาววับ
“ถ้าเป็นเกม…ก็หวังว่าคุณจะเล่นเก่งพอนะคะ”
“เกมกับผู้หญิงแบบเธอ… ไม่ควรค่าให้ฉันเล่นด้วย”
เสียงทุ้มเย็นเฉียบของเว่ยหลงดังขึ้นเรียบง่าย แต่หนักแน่นพอจะกดบรรยากาศรอบโต๊ะให้เย็นยะเยือก
หากเป็น น้ำหอมในอดีต คำพูดแรงขนาดนี้คงทำให้เธอหน้าชา น้ำตาคลอจนพูดไม่ออก แต่วันนี้… หญิงสาวที่นั่งตรงหน้าเขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป
ริมฝีปากแดงสดยกยิ้มบาง ๆ
“หึ…งั้นฉันเปลี่ยนคำก็ได้ค่ะ”
เธอเลื่อนเช็คใบสีขาวที่เตรียมมา วางลงบนโต๊ะหรูอย่างมั่นใจ
“ฉันไม่ได้ขอให้คุณเล่นเกม… ฉันแค่จ้างให้ไปส่งที่คอนโด”
น้ำเสียงหวานเจือเย้ยหยัน
“ไปไหมเอาเท่าไหร่… หนึ่งแสน?”
เว่ยหลงยังคงนั่งนิ่ง แววตาคมลึกไม่ไหวติง แต่บรรยากาศรอบ ๆ กลับเริ่มสั่นคลอน
“สองแสน… หรือจะเอาสามแสนดี?”
เธอถามต่อ ก่อนจะเลิกคิ้วให้เขาอย่างท้าทาย
รุ่นน้องที่นั่งร่วมโต๊ะถึงกับตาโต
“โห… พี่สาว! เงินขนาดนั้น เปลี่ยนเป็นผมไปส่งแทนได้ไหมครับ”
“ไม่ต้องยุ่ง!”
น้ำหอมตวัดเสียงใส่ทันที คำพูดคมกริบราวกับมีดเฉือนจนรุ่นน้องเงียบกริบไปถนัดตา
เธอหันกลับมาสบตากับเว่ยหลงอีกครั้ง คราวนี้ไม่รอคำอนุญาตด้วยซ้ำ หญิงสาวถือวิสาสะเลื่อนตัวลงนั่งร่วมโต๊ะ ร่างบางไขว้ขาขึ้นอย่างมั่นใจ ส้นสูงสี่นิ้วสะท้อนแสงไฟระยิบ
เธอคว้าแก้วค็อกเทลที่เว่ยหลงเพิ่งจิบไปเมื่อครู่ขึ้นมา ริมฝีปากแดงสดแตะขอบแก้วอย่างช้า ๆ ก่อนจะยกดื่มด้วยท่าทีราวกับกำลังประกาศสงคราม
เว่ยหลงเลิกคิ้วเล็กน้อย แววตาคมกริบหรี่ลงมองหญิงสาวตรงหน้า เขาไม่พูดอะไร ทว่าแรงกดดันที่แผ่ออกมากลับมากพอจะทำให้ใครก็ตามใจสั่นได้ทันที
แต่ไม่ใช่น้ำหอม
เธอเพียงยิ้มบาง ๆ ยกแก้วคืนลงโต๊ะ พลางกระซิบเสียงหวานที่ได้ยินชัดแค่เขา
“แก้วนี้… ฉันขอแล้วนะคะ”