มองฟลัวคลับ
สถานบันเทิงชื่อดังอันดับหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่
ที่มุมหนึ่งของบาร์มีหญิงสาวร่างบอบบางนั่งอยู่เพียงลำพัง
เธอ...น้ำหอม พิมพ์ชนก มณีรัตน์สกุล อายุ 23 ปีหญิงสาวใบหน้าสวย อยู่ในชุดเดรสผ้าซาตินสีแดงเพลิงที่โอบรัดเรือนร่างอย่างยั่วยวน
ส่วนเรียวปากสีหวานถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสด พร้อมกับสีผมสีดำขลับดัดเป็นลอน เข้ากับผิวขาวเนียนราวหยดน้ำนม
“คุณผู้หญิงคะ เครื่องดื่มที่สั่งได้แล้วค่ะ”
เสียงพนักงานเสิร์ฟสาวดังขึ้นพร้อมกับแก้วค็อกเทลสีเข้มจัดวางลงตรงหน้า
น้ำหอมพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะยกมันขึ้นกระดกจนหมดในรวดเดียว ความร้อนแรงจากแอลกอฮอล์แล่นผ่านลำคอไปจนถึงอก แต่แทนที่จะเบาลงกลับยิ่งกดทับหัวใจให้หนักหน่วงกว่าเดิม
“หึ…” เธอหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันตัวเอง มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“น้ำหอม… ชีวิตเธอถึงกับพังได้ขนาดนี้เชียวเหรอ”
คนตัวเล็กพึมพำ ก่อนที่ภาพความทรงจำเมื่อปีก่อนสิบกว่าปีก่อนผุดขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้
วันที่พ่อพาเมียน้อยเข้าบ้าน พร้อมกับหญิงสาวที่แสร้งทำตัวอ่อนหวานแต่แฝงเล่ห์ร้าย นั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะในชีวิตเธอ แม่แท้ ๆ ของเธอ… ผู้หญิงที่อ่อนโยนที่สุดในโลก ค่อย ๆ ตรอมใจตายท่ามกลางการเหยียบย่ำศักดิ์ศรี และเมื่อแม่จากไป น้ำหอมก็ไม่ต่างอะไรจากตัวตลกที่ถูกกลั่นแกล้งสารพัดในบ้านหลังนั้น
แต่สิ่งที่เจ็บลึกที่สุด…
คือความทรงจำในวัยมัธยมปลาย ช่วงเวลาที่เธอเคยมี “รักแรก” กับ ราเชน ชายหนุ่มที่เธอคิดว่าเป็นคนเดียวในโลกที่คอยปกป้องและโอบอุ้มหัวใจเธอเสมอมา
ทว่าชะตากลับเล่นตลก…
ราเชนไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ น้องชายแท้ ๆ ของแม่เลี้ยง ซึ่งมีสถานะทางกฎหมายเป็น “อาของเธอ” และที่เลวร้ายไปกว่านั้น เขายังมีคู่หมั้นที่ถูกวางตัวโดยครอบครัวไว้อยู่แล้ว
รักครั้งแรกจึงกลายเป็นรักต้องห้ามที่จบลงด้วยความทรมานยากจะลืม น้ำหอมถูกใส่ร้ายว่า “คิดวางยาเพื่อปีนขึ้นเตียงเขา” เรื่องอื้อฉาวนั้นแพร่สะพัดไปทั่ววงสังคมชั้นสูง และเพื่อปกป้องชื่อเสียงตระกูล พ่อจึงเลือกโยนเธอทิ้ง ส่งมาอยู่เชียงใหม่อย่างไร้ค่า
นั่นแหละ…
คือสาเหตุที่วันนี้ น้ำหอมต้องนั่งอยู่ในบาร์หรูแห่งนี้ ราวกับคนแปลกหน้าที่กำลังดื่มลืมความจริงอันโหดร้าย ความเป็นคุณหนูสูงศักดิ์หายไปหมดสิ้น เหลือเพียงหญิงสาวที่โลกทั้งใบพากันเหยียบย่ำ
“น้องคะ ฉันสั่งเพิ่มอีกหนึ่ง”
เสียงหวานที่แหบพร่าด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ดังขึ้น น้ำหอมยกมือเรียกพนักงานคนเดิมอย่างไม่แยแส พนักงานก้มหน้ารับคำก่อนหันไปจัดแก้วใหม่ให้ทันที
ทว่ารอบ ๆ ตัว กลับเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบกระซิบกระซาบที่ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาทอย่างเจ็บแสบ
“แก…นั่นใช่คุณหนูใหญ่ของตระกูลมณีรัตน์สกุลไหม”
“หืม ไหนอ่ะ?”
“นั่นไง…คนที่แต่งตัวแซ่บ ๆ นั่งคนเดียวตรงบาร์”
“อ๋อ… ฉันว่าใช่นะ ข่าวน่าจะจริงว่ะ”
“ก็ใช่น่ะสิ คนที่ว่าใจแตกจะปีนขึ้นเตียงไปเอากับอาของตัวเองอ่ะนะ… ดูการแต่งตัวแล้ว คงไม่ผิดหรอก”
เสียงหัวเราะหยันดังปะปนมากับจังหวะเพลง น้ำหอมได้ยินทุกคำชัดเจน แต่เธอกลับเลือกเพียง… นิ่ง
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย คล้ายเย้ยหยันตัวเองเสียมากกว่าตอบโต้
ใช่สิ…จะให้เธอแคร์อะไรอีก?
ชื่อเสียงที่เคยหวงแหนมันถูกเหยียบย่ำจนป่นปี้ไปหมดแล้ว เธอกลายเป็นตัวตลกในสายตาสังคมไปตั้งแต่วันนั้น วันที่ถูกตราหน้าว่า “ผู้หญิงใจง่าย” ที่คิดวางยาจะปีนขึ้นเตียงผู้ชายที่ควรจะเป็นญาติผู้ใหญ่ของตัวเอง
จะสู้ไปเพื่ออะไร ในเมื่อความจริงไม่มีใครอยากฟัง
และทุกคนก็พร้อมจะเชื่อเรื่องที่ทำร้ายเธอมากที่สุดอยู่แล้ว
อึก!
น้ำหอมยกแก้วใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง แสงไฟสีแดงสะท้อนกับของเหลวในแก้วราวกับเลือดสด ๆ เธอยิ้มบาง ๆ ก่อนจะกระดกลงไปอย่างไม่ลังเล
“หึ…ใช่แล้วล่ะ”
เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ ราวกับสารภาพบาป
“ฉันมันก็แค่ผู้หญิงเลว ๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง”