Episode 03 ปัญหา
01:30 น.
“ไปมะลิ” โต้งพี่ที่ทำงานที่เป็นคนอาสาไปส่งมะลิหลังเลิกงานทุกวันตะโกนเรียกหญิงสาวที่กำลังเดินออกมาทางหลังร้านให้รีบก้าวขาเรียวเดินไปยังรถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์ที่จอดอยู่
“ขอบคุณค่า” มะลิรับหมวกกันน็อกจากโต้งที่ยื่นมาให้สวมใส่
สำหรับเธอโต้งเป็นคนที่มีจิตใจดีคนหนึ่ง เพราะถ้าไม่มีเขาอาสาไปส่งเธอคงไม่สามารถทำงานที่นี่ได้เพราะเลิกดึกเกินไปทำให้ไม่มีรถกลับบ้าน ครั้นจะให้นั่งแท็กซี่กลับบ้านก็ได้ไม่คุ้มเสีย แต่เธอก็เต็มใจที่จะช่วยโต้งออกค่าน้ำมันตลอด แต่เขากลับปฏิเสธและยืนกรานที่จะไม่รับมัน
“วันนี้ลูกค้าเยอะเหนื่อยแย่เลย”
“นิดหน่อยค่ะ” มะลิตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เหนื่อยขนาดนี้ยังยิ้มได้อีกนะเรา”
“ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรนี่คะ แถมยังทำให้คนรอบข้างเป็นห่วงอีก สู้ยิ้มแบบนี้คอยให้กำลังใจตัวเองรวมถึงคนรอบข้างได้ไม่ดีเหรอคะ”
“ดีจ้า ยิ้มเยอะๆ ดีแล้วน่ารักดี” โต้งหันบอกคนตัวเล็กพร้อมกับวางมือลงบนหมวกกันน็อกเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เธอจะปีนขึ้นรถโดยใช้มือเรียวทั้งสองข้างโอบกอดเอวสอบเอาไว้เป็นที่ยึดก่อนที่รถจะออกด้วยความชำนาญ
ทางด้านราชสิงห์
ดวงตาคมที่เต็มไปด้วยความลึกลับ และยากที่จะคาดเดามองตามรถบิ๊กไบค์ที่เคลื่อนไหวออกไปโดยมีหญิงสาวตัวเล็กซ้อนท้ายอยู่
“ขับตามไปไหมครับเสี่ย”
“ไม่ต้อง กลับเลย” เพราะความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวตนของหญิงสาวที่มากขึ้น เขาจึงสั่งให้คนขับรถจอดรออยู่ข้างๆ บาร์ เพื่อรอดูเวลาเธอเลิกงานว่าเธอกลับอย่างไร แต่พอเห็นว่ามีคนมารับเธอกลับออกไปหนำซ้ำมือเธอยังโอบกอดเอวผู้ชายเอาไว้แน่น เขาจึงพยายามไม่ให้ความสนใจเธออีกต่อไป
ถึงแม้ว่าตอนนี้รอยยิ้มของเธอจะเข้ามารบกวนจิตใจเขาตลอดทั้งวันก็ตาม
หลายสัปดาห์ต่อมา
การดำเนินชีวิตในแต่ละวันของมะลิยังคงดำเนินต่อไปเหมือนในทุกๆ วันที่ผ่านมา ชีวิตที่แสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมายทำให้คนภายนอกที่มองเข้ามาต่างชื่นชมในตัวเธอ
“วันนี้ขายหมดเร็วเลยนะมะลิ”
“จ้าป้าสาย เหลือไม้สุดท้ายแล้วหนูแถมให้นะจ๊ะ”
“ขอบใจลูก ว่าแต่อาการปู่เป็นไงมั่ง”
“รักษาตามอาการจ้ะป้าตอนนี้รอผ่าตัดอยู่ ได้แล้วจ้ะ” มะลิตอบกลับป้าข้างบ้านที่มาอุดหนุนหมูปิ้งของเธอพร้อมกับยื่นถุงหมูปิ้งส่งให้
“สู้ๆ นะลูก”
“ขอบคุณจ้ะป้า ฝากดูย่าด้วยนะจ๊ะ”
“ได้ลูกไม่ต้องเป็นห่วง ไปเปลี่ยนชุดไปทำงานเถอะลูกเดี๋ยวป้าช่วยย่าเราเก็บเอง”
“ไม่เป็นไรจ้ะป้า หนูเกรงใจ”
“เกรงใจอะไรกันคนกันเอง ไปเถอะจะได้มีเวลาเหลือทำอะไร อุตส่าห์ขายหมดเร็ว ย่าจะได้รีบไปโรงพยาบาลด้วยไง”
“ขอบคุณจ๊ะป้า” มะลิกล่าวขอบคุณด้วยความเกรงใจ แต่เมื่อป้าสายยืนกรานที่จะช่วยเก็บร้านหมูปิ้งให้ได้เธอจึงแยกตัวออกมาเตรียมตัวไปทำงานต่อ
ทางด้านราชสิงห์
เพราะผู้หญิงคนเดียวที่เข้ามารบกวนจิตใจเขาตลอดหลายวันที่ผ่านมาทำให้เขาพลอยเบื่อเด็กที่เลี้ยงเอาไว้ข้างกายไปโดยปริยาย แต่เพราะชีวิตที่ไม่เคยขาดผู้หญิงปรนนิบัติทำให้เขาต้องให้แม่เล้าที่ทำหน้าที่หาเด็กมาให้จัดการหาเด็กใหม่มาให้ โดยระบุลักษณะให้คล้ายกับหน้าตาของหญิงสาวคนนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครที่ทำให้ความรู้สึกเบื่อของเขาหายไปได้เลย
“เจ๊แทบจะขนมาหมดแค็ตตาล็อกที่เจ๊มีแล้วนะ ทำไมรอบนี้เสี่ยควงแค่สองชั่วโมงสามชั่วโมงก็เบื่อแล้ว เมื่อก่อนอย่างน้อยก็เป็นเดือนอยู่นะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” โฉมศรีแม่เล้าบ่นอุบเมื่อได้รับสายจากคนของราชสิงห์ว่าต้องการให้เปลี่ยนเด็กใหม่มาให้เขา ทั้งๆ ที่เมื่อวานพึ่งจะส่งคนใหม่ไปให้
“สงสัยต้องไปมองหาเด็กใหม่ๆ มาแล้วมั้ง แล้วที่รีเควสต์มาว่ารอบนี้ขอหวานๆ นี่แบบไหนถึงเรียกว่าหวาน ที่ส่งไปให้หวานไม่พอรึไงคะเสี่ย” โฉมศรียังคงบ่นอย่างต่อเนื่องก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายราคาหลักล้านออกไปจากบ้านพักหรูของตัวเอง
บาร์หรู
โฉมศรีสะพายกระเป๋าใบหรูของตัวเองเข้ามาภายในบาร์หรูที่ตัวเองชอบมาเป็นประจำเพื่อผ่อนคลายที่หาเด็กให้ราชสิงห์ไม่ถูกใจเสียที
“เจ๊โฉมสวัสดีค่ะ”
“ไหว้แม่เถอะลูก” โฉมศรีตอบรับคำทักทายของมะลิด้วยความเอ็นดู ทุกครั้งที่มาที่นี่มะลิมักจะทักทายเธอด้วยความเคารพเสมอ ด้วยความน่ารัก และนอบน้อมทำให้เธอชอบให้เงินพิเศษอยู่บ่อยๆ
“วันนี้รับอะไรดีคะ”
“เอาเหมือนเดิม ว่าแต่ทำไมช่วงนี้หน้าตาหมองๆ เรา มีอะไรให้เจ๊ช่วยไหม”
“ไม่มีค่ะ” มะลิยืนคิดคำตอบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“มะลิมันโกหกเจ๊โฉม ปู่มันอาการทรุดเข้านอนที่โรงพยาบาลมาเป็นอาทิตย์แล้ว เห็นว่าต้องผ่าตัดเลยรอบนี้แต่เจ๊ก็รู้ว่ามะลิมันไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เดินสวนมาพอดีบอกด้วยท่าทางเห็นอกเห็นใจ
“จริงเหรอ ทำไมโชคร้ายจัง” โฉมศรีแอบบ่นให้กับปัญหาที่รุมเร้าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างมะลิด้วยความเป็นห่วง