Episode 04 ทางเลือก
มะลิเดินถือถาดเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้กับโฉมศรีด้วยใบหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“มะลิมีอะไรให้เจ๊ช่วยบอกได้นะ” โฉมศรีจับมือเรียวทั้งสองข้างมากุมประสานเอาไว้ด้วยความเห็นอกเห็นใจ
“เจ๊พอจะมีงานให้หนูทำไหมคะ”
“งาน? ทุกวันนี้เรายังเหลือเวลาไปทำงานอื่นอีกเหรอไง”
“หนูจะลองชั่งน้ำหนักดูค่ะว่าที่เดิมกับที่ใหม่อันไหนคุ้มกว่ากัน ตอนนี้หนูต้องการเงินจำนวนมากไปรักษาปู่”
“เรื่องนั้นเจ๊รู้แล้วแหละ เราต้องการเท่าไหร่ล่ะ เผื่อเจ๊พอช่วยได้”
“มันมากเกินไปเจ๊ หนูอยากหาเองมากกว่า”
“ก็ลองบอกมาก่อนสิเผื่อเจ๊ช่วยหาได้”
“ประมาณห้าแสนค่ะเจ๊ พอดีรอบนี้อาการปู่ทรุดหนัก จริงๆ ทรุดมานานแล้วแต่ปู่ไม่ยอมบอก รอบนี้เลยไม่สามารถเลื่อนการผ่าตัดได้แล้ว” มะลิก้มหน้าตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาในใจรู้สึกกังวลไม่น้อย ทั้งเรื่องค่ารักษา และเรื่องอาการทรุดของปู่
“ถ้าแสนสองแสนเจ๊ก็พอช่วยเราได้อยู่ แต่ห้าแสนเจ๊คงช่วยไม่ไหว แล้วปู่เราไม่มีเบิกสิทธิ์กับโรงพยาบาลรัฐบ้างเลยเหรอ”
“หนูเข้าใจค่ะ คิวผ่าตัดจากโรงพยาบาลรัฐต้องรอคิวนานค่ะ ดูเหมือนปู่จะไม่ไหวแล้ว”
“จริงๆ เจ๊มีอยู่วิธีหนึ่งถ้าเราสนใจ” โฉมศรีที่ตัดสินใจอยู่นานว่าจะเสนอทางออกนี้ให้หญิงสาวดีหรือไม่เธอบอกคนตัวเล็กอย่างไม่เต็มเสียงมากนัก
“อะไรเหรอเจ๊ หนูทำได้ไหม”
“ทำน่ะทำได้ แต่เราจะโอเครึเปล่า”
“ทำอะไรเหรอคะ”
“เป็นเด็กเสี่ยน่ะ”
“เจ๊หมายถึง…เอาตัวเข้าแลกอย่างนั้นใช่ไหม” มะลิถามอย่างตรงไปตรงมา เพราะเธอเองก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าคำว่าเด็กเสี่ยหมายถึงอะไร
“อืม…เจ๊ไม่อยากเสนองานนี้ให้เราทำ แต่ถ้าจะหาเงินมากมายขนาดนั้นในเวลาสั้นๆ มันก็คงมีอยู่ไม่กี่วิธี”
“หนูต้องทำ…นานแค่ไหนคะ”
“มะลิ! นี่เธอสนใจเหรอ”
“หนูจนปัญญาแล้วเจ๊” ใบหน้าหวานก้มหน้าตอบเพื่อเก็บซ่อนหยดน้ำตาแห่งความอัปยศเอาไว้ ทุกอย่างบีบบังคับให้เธอสนใจตัวเลือกบ้าๆ นี้
ก่อนหน้านี้สิบนาที
ร่างบางเดินเลี่ยงออกมารับโทรศัพท์มือถือหลังจากส่งออร์เดอร์ให้กับพนักงานชงเครื่องดื่มแล้ว
“ฮัลโหลย่ามีอะไรรึเปล่าจ๊ะ”
(ฮือ มะลิลูก)
“ย่าใจเย็นๆ ก่อน ค่อยๆ พูด”
(ปู่อาการทรุดหมอบอกต้องรีบทำการผ่าตัดภายในวันพรุ่งนี้รอต่อไปไม่ได้แล้ว เราจะทำยังไงกันดีคิวของรัฐก็ไม่ว่างเลยอาจจะต้องหาส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอื่น)
“ถ้างั้นก็ทำตามคำแนะนำหมอเลยจ้ะย่า”
(แล้วเราจะเอาค่ารักษามาจากไหน ตั้งหลายบาทนะลูก ฮึก)
“หนูจะหามาให้ได้จ้ะ ย่าไม่ต้องเป็นห่วงนะ ดูแลปู่ให้ดีเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าหนูจะรีบไปหาที่โรงพยาบาล”
การที่ตัดสินใจตอบกลับไปแบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เพราะเธอเองก็ไม่มีทางเลือกครั้นจะบอกให้เลื่อนการรักษาออกไปเหมือนหลายวันที่ผ่านมาก็ทำต่อไปไม่ได้แล้ว ถึงแม้ตอนนี้เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะหาเงินค่ารักษามาจากไหนก็ตาม
“คิดให้ดีๆ นะมะลิ ถึงเจ๊จะไม่ใช่คนดีอะไร แต่เจ๊ก็รู้ว่าเราเป็นเด็กดีมากแค่ไหน อีกอย่างงานแบบนี้ก็อาจจะไม่ได้ห้าแสนเลยหรอก มันก็เหมือนงานที่ต้องกอบโกยน่ะรายได้มันไม่แน่นอน”
“ทุกวันนี้หนูก็ทำทุกอย่างเพื่อปู่กับย่าอยู่แล้วค่ะ ถ้ามันจำเป็นหนูก็คงต้องยอม”
“รักคนอื่นได้ แต่ต้องรักตัวเองด้วย ช่างเถอะเอาเป็นว่าเจ๊จะลองหาวิธีอื่นให้ก่อนแล้วกัน”
“ขอบคุณนะคะ แต่หนูต้องใช้เงินพรุ่งนี้แล้ว”
“ทำไมมันฉุกละหุกจังเลยล่ะ”
“เมื่อกี้ย่าพึ่งโทรมาบอกว่าหมอไม่ให้เลื่อนผ่าตัดแล้ว” หยดน้ำตาที่พยายามอดทนอดกลั้นไหลรินลงมา ตอนนี้เธอรู้สึกอ่อนแออยากมีใครสักคนที่พึ่งพาได้ แต่ในความเป็นจริงเธอต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นที่พึ่งให้ทุกคน
“ใจเย็นๆ ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวเจ๊จะหาทางช่วย นี่เบอร์เจ๊เก็บเอาไว้ก่อนถ้าฉุกเฉินอะไรก็โทรมาได้ตลอดเลยนะ”
“ขอบคุณนะคะ” มะลิรับนามบัตรจากโฉมศรีมา เป็นจังหวะเดียวกับที่โต้งเดินเข้ามาพอดี
“มะลิไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการต่อเอง” โต้งเดินมาตบไหล่มนเบาๆ เขาเองก็พอรู้ปัญหาของเธอบ้าง แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้มากนัก
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูทำไหว” หญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะเดินแยกไปทำงานต่อท่ามกลางสายตาเห็นอกเห็นใจของโฉมศรี และโต้งที่มองตามแผ่นหลังบางไปจนลับตา