บทที่1 ความลับแตก1/2

902 Words
นี่แหละไอ้เพื่อนตัวเหี้ยที่แม่งดันมารู้ความลับของฉัน เพราะคอนโดของพวกมันคือฉันเช่าอยู่ดันมีลายนิ้วมือของพวกมันและนั่นมันกะจะแอบมาเซอร์ไพรส์ แต่เซอร์ไพรส์กว่าที่มันเห็นฉันเล่นโทรศัพท์แล้วเป็นแอคลับ “เหี้ย...อะไรของมึง” ฉันรีบคว่ำหน้าจอแล้วกดปิดทันทีหันไปมองไอ้ตัวเหี้ยปัณณ์ที่มาไม่ให้สุ่มให้เสียง ไอ้แฝดน้องที่เหี้ยกับทุกคน หวังว่ามันคงไม่เหี้ยกับฉันด้วยการเอาความลับของฉันไปเปิดเผยหรอกนะ “กูเห็นไอ้สัด...รูปตอนหลับ รูปตอนเผลอ...มีรูปตอนมึงแอบหอมแก้มมันด้วย” เหี้ยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ชีวิตอีรินจบสิ้นแล้วจนชะโงกหน้าไปมองว่าคนอื่นมาไหม เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงโล่งอก “เฮ้อ...! มึงมาคนเดียวใช่ไหม” “มึงบอกมานะไอ้ริน มึงชอบไอ้ปั้นเหรอ...ไอ้สัดเจ้าชู้ขนาดนั้นชอบไปได้ไง” อยากจะแหมจากแต่กรุงเทพถึงเชียงใหม่ พวกมึงสามตัวใครบ้างไม่เจ้าชู้...ดีแต่มึงมั้งไอ้ปัณณ์ “มึงจะตะโกนหาพ่องมึงหรือไง...เงียบดิ๊...ปุณณ์ไม่ได้มาใช่ไหม” ฉันรีบเอามือปิดปากมัน เพราะว่าไอ้พวกนั้นเข้าห้องโดยไม่ต้องเปิดประตูให้ทุกคน เสือกเพิ่มลายนิ้วมือกันไว้จนฉันนี่ไม่มีพื้นที่ส่วนตัวเลย ตั้งแต่ขายบ้านตอนเรียนจบแล้วมาเช่าคอนโดพวกมันอยู่ ชีวิตฉันก็วนเวียนอยู่กับไอ้พวกตัวเหี้ยทั้งสามนี่แหละ “มึงบอกกูมา...ตั้งแต่เมื่อไหร่” แม่งเอ้ย...เหมือนกูโดนจับตอนทำผิดเลยแล้วอยู่ต่อหน้าศาลกำลังไต่สวนกูอยู่ จากนั้นแม่งไอ้ปัณณ์ก็ซักฟอกชั่วโมงกว่า ซึ่งจำนนด้วยหลักฐานเพราะแม่งขู่ว่าถ้าไม่พูดให้หมดจะบอกไอ้สองตัวนั่น “เรื่องก็เป็นงี้แหละ...แต่มึงห้ามบอกใครนะ...รู้แล้วเหยียบเอาไว้เลย” “ทำไมมึงไม่บอกมัน” ไอ้ปัณณ์ถาม “มึง...กูไม่พร้อมจะเสียพวกมึงไปสักคน มึงก็รู้ว่ากูไม่มีใครนอกจากพวกมึง” ฉันบอกไป พวกมันทุกคนยิ่งกว่าเพื่อน เพราะในช่วงที่ฉันอ่อนแอตอนนั้นก็ไอ้พวกมันช่วย ทั้งหาทนายจัดการเรื่องบ้านให้ ซึ่งพวกมันไม่ให้ฉันเสียเงินสักบาท แล้วบ้านหลังนั้นยังได้ราคาที่ดีมาก ๆ เรียกได้ว่าสูงจนฉันไม่ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเลยแหละ อีกอย่างคอนโดพวกมันที่พ่อแม่ซื้อไว้เกร็งกำไรก็เสือกให้เช่าเหมือนอยู่ฟรี จะโอนค่าเช่าให้ก็บ่ายเบี่ยง “มึงก็ข้ามเฟรนด์โซนไม่ได้อ่ะดิ” “ใครอยากข้ามล่ะ” ฉันว่า...อยู่ในมุมนี้ก็ดีอยู่ แม้ว่าจะเจ็บนิด ๆ ก็เหมือนมดกัดนั่นแหละ หน่วง ๆ บ้างเวลาเห็นมันจูบกับผู้หญิงในผับ หรือเวลามันพาคนอื่นไปกินข้าว แต่เดี๋ยวคงชินเองนั่นแหละ “วันนี้มันพาเด็กมานะ” พอได้ยินคำว่าพาเด็กมาสีหน้าฉันเริ่มเปลี่ยน จากกำลังมีความสุขอยู่เมื่อครู่ตอนนี้แม่งหน่วงเฉย ขึ้นสตอรีจอดำแม่ม “เหี้ย...มึง ขนาดนี้แล้วยังเก็บเอาไว้อีกเหรอวะ กูว่าหนักแล้วนะไอ้ริน” “เออ...เรื่องของกู...มึงเก็บความลับให้กูก็พอ...ให้มันตายไปกับมึงด้วย” ฉันว่าแล้วทิ้งตัวลงนอน โดยไม่รู้เลยกระโปรงทรงเอที่ใส่ไปสอบวันนี้มันสั้นมากจนไอ้เหี้ยปัณณ์เอาผ้าห่มที่อยู่บนเตียงอีกฝั่งมาปิด “มึงนี่...กูผู้ชายนะ” “เออ...กูรู้...แต่ถ้ามึงจะเป็นเกย์ก็บอกกูด้วย กูจะได้กอดได้หอมแก้มมึงถนัดหน่อย” ฉันว่าพลางประชดเพราะกำลังเศร้าที่คนในใจไปกับคนอื่นอีกแล้ว แต่คำพูดต่อมายิ่งขยี้อีกกะเอาให้ตาย “มันพาน้องแก้มหอมไปที่โต๊ะด้วยนะ” “ไอ่สัดปัณณ์ไม่ต้องย้ำเยอะ กูไม่ไปแล้วฝากบอกพวกมันด้วย แดกเหล้าที่ห้องเนี่ยแหละ เดี๋ยวกูก็เมาเหมือนหมาอีก” ฉันว่าเพราะวันนี้นอกจากความลับแตกแล้วน้ำตาของฉันอาจจะแตก “ถ้ามึงไม่ไปพิรุธนะ” นั่นไอ้เพื่อนตัวดี มึงกะให้กูช้ำใจตายใช่ไหม...ให้กูไปเห็นภาพบาดตาอีก “บอกกูปวดหัวก็ได้ ไม่ต้องห่วงกูแดกเหล้าที่ห้องได้ พวกมึงเอามาทิ้งไว้ห้องกูก็ไม่ใช่น้อย มึงรีบไปเถอะ” ฉันรีบไล่มันกลับเผื่อเกิดอยากโศกขึ้นมา ไอ้ปัณณ์หันไปพิมพ์อิลุ๊กจุ๊กจิ๊กแล้วก็หันกลับมาบอกว่า “ไม่ทันแล้วมึง มันพากันกลับมาที่ห้องมึง ตำรวจลงผับเลยปิดเที่ยงคืน” เชี่ย...วันห่าเหวอะไรวะเนี่ย ห้องพวกมันก็มีทำไมมาที่ห้องของฉันด้วย “มึงก็พาไปห้องพวกมึงดิ” “มันบอกน้องแก้มหอมเป็นผู้หญิงมีแต่ผู้ชายน่าเกลียด” แม่งเอ้ย...นี่ชีวิตคนแอบรักเพื่อนเหรอวะ...ให้ตายเถอะ ใจฉันเต้นตุบ ๆ ไม่เป็นจังหวะแล้ว หากวัดความดันมีหวังให้นอนโรงพยาบาล
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD