คอนโด...XX
คืนวันศุกร์เวลาล่วงเลยมาจนถึงสี่ทุ่มแล้ว ร่างของฉันก็ยังนอนแน่นิ่งไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียง ด้วยสภาพเหมือนซากศพ เพราะอะไรน่ะเหรอ...
วันนี้สอบวันสุดท้ายของปีสองเทอมหนึ่งไงล่ะ
ฉันที่มีความดันทุกรังค่อนข้างสูงพยายามยื่นคะแนนให้ได้เรียนคณะเดียวกับเพื่อนสนิทอย่างไอ้สาม ป. ปั้น ปุณณ์ และปัณณ์ เพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่เรียกได้ว่าร่วมเป็นร่วมตายกันมา
หากถามว่าพวกเรารู้จักกันได้ยังไงน่ะเหรอ...ต้องย้อนกลับไปเมื่อสองสามปีก่อนสมัยเรียนมัธยมปีที่ห้า แล้วฉันอยู่ห้องสอง ส่วนไอ้สามตัวตระกูลป. นั่นอยู่ห้องหนึ่ง
โรงเรียนของพวกเราเป็นโรงเรียนสหที่รวมทั้งชายหญิง ดังนั้นก็ย่อมมีการแบ่งห้องคิงห้องควีน ซึ่งเอาจริง ๆ ก็ไม่รู้นะโรงเรียนใช้เกณฑ์อะไร ฉันที่เรียนเรียกว่าไม่ได้เก่งมากมาอยู่ห้องควีน
ที่จริงพ่อฉันเพิ่งตายไม่นานฉันก็เริ่มเป็นเด็กมีปัญหา ไม่ใช่เพราะพ่อตายแล้วมีปัญหา แต่เพราะแม่ต่างหากที่จะแต่งงานใหม่หลังจากพ่อตายได้ไม่นาน นั่นทำให้เกิดการแตกหักระหว่างฉันกับที่บ้าน
แน่นอนฉันเกลียดแม่...และก็ค่อนข้างเป็นผู้หญิงห้าว ๆ หัวโจกนิดหน่อย แล้วฉันแอบไปเป็นเด็กเสิร์ฟร้านข้าวต้มที่เคยชอบกินกับพ่อตั้งแต่เด็ก พ่อมักจะมารับฉันที่โรงเรียนและแวะกินร้านนี้ประจำ
แต่เมื่อพ่อตายไปฉันกับแม่เริ่มมีปัญหา จึงตัดสินใจหาเงินเรียนเองด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟ และไม่เคยฟังแม่เท่าไหร่ เจอหน้ากันมีแต่ทะเลาะกัน สุดท้ายฉันก็ถูกทิ้งให้อยู่ที่บ้านลำพัง แม้เจ็บใจที่แม่เลือกทิ้งลูกไปอยู่กับผู้ชายอื่น
แต่ใครจะแคร์ล่ะ ปาดน้ำตาแล้วก็อยู่กับความจริงต่อไป ซึ่งแม่ก็ไม่ได้สนใจฉันอีก ส่วนฉันก็คิดว่าจากเงินประกันที่พ่อยกให้ตัวเอง กับบ้านของพ่อที่แม่อยากจะขายแต่ทว่าฉันไม่ให้ขาย เพราะพ่อยกให้ฉัน ดังนั้นฉันจึงอยู่ที่นั่นไปเรียนแล้วก็ทำงานเลี้ยงตัวเองตั้งแต่อายุสิบเจ็ด
แต่เหมือนทุกอย่างจะรันทด แต่ชีวิตต้องไปต่อเมื่อฉันขาดเรียนบ่อยขึ้นเพราะว่าทำงานเหนื่อยตื่นสายบ้าง ส่งงานช้าบ้าง แต่ก็คิดว่าเดี๋ยวเรียนอะไรก็ได้นั่นแหละมหาวิทยาลัย จนกระทั่งจุดพลิกผันเมื่อไอ้สาม ป. ที่ออกมาเที่ยวแต่กลับมาตีกันที่ร้านข้าวต้ม และเสือกโดนรุมกระทืบ
เดือดร้อนอีรินคนนี้ไปช่วยด้วยการหยิบเอาไอ้หน้าสามไปฟาดไอ้พวกแม่งหมาหมู่จนต้องร้องเอ๋ง ๆ กลับไป
เหตุการณ์วันนั้นจำได้ดีเชียวล่ะ ฉันนี่เป็นฮีโร่ในหมู่คนเมาสามคนที่เป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน..
“ไอ้เหี้ย...อยากตีกันทำไมไม่ไปตีที่บ้านแม่มึงล่ะ...เห็นไหมคนจะขายของไอ้เหี้ย!” แน่นอนว่าฉันก็เปรี้ยวตีน อยากหาที่ระบายพอดี เพราะแม่เพิ่งมากดดันให้ขายบ้านของพ่อ แต่ขายตอนนี้ต้องให้แม่ทำธุรกรรมดังนั้นไม่ขาย จนกว่าจะอายุครบสิบแปดปี และสามารถมีสิทธิ์ซื้อขายเองได้
“ไอ้เหี้ย...เด็กห้องสองนี่หว่า” นั่นไอ้ปุณณ์ แฝดพี่ของไอ้ปัณณ์ เคยเห็นหน้าอยู่บ้างเพราะเข้าแถวเคารพธงชาติยืนใกล้ ๆ กัน
“เออ...กูริน...ห้องสอง...พวกมึงนี่หาเรื่องให้กูตกงานแล้วไหมล่ะ ร้านเหี้ยนี่พังกูได้อดหัวโต” ฉันด่ามันไป โดยที่อีกคนมองฉันเงียบ ๆ มันชื่อไอ้ปั้น แล้วสามคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันที่หน้าตาจัดว่าโคตรหล่อ
ฉันก็ไม่ได้อะไรหรอก จนกระทั่งช่วยพวกมันไล่นักเลงเจ้าถิ่นไป เพราะคนแถวนี้รู้จักฉันดี ปากฉันมันปากปีจอ เพราะไม่ทำตัวให้ห้าวฉันก็อยู่ไม่ได้
“อาริน...ลื้อทำอะไร...เดี๋ยวมันดักทำร้ายลื้อทำยังไง ลื้อเป็นผู้หญิงนะ”
อ้อลืมแนะนำตัว ฉันชื่อภาริณ อิสรากุล เรียกสั้น ๆ ว่าริน ส่วนนั่นเฮียอ๋าเจ้าของร้านข้าวต้มตีสาม นอกจากชื่ออ๋ายังปากหมาด้วย แต่เอาเข้าจริงก็ขี้ขลาดเหมือนกันนั่นแหละ ดีแต่ปาก
“ไม่เป็นไรหรอกเฮีย...พวกนี้ดีแต่หมาหมู่ ลองเอาจริงขึ้นมาก็ไม่กล้า พวกมันคดีเยอะเรื่องทะเลาะวิวาท ลุงจ่าหมายหัวเอาไว้แล้ว” ลุงจ่าคือลุงเพื่อนสนิทของพ่อ ชอบแวะมาเยี่ยมฉันบ่อย ๆ เป็นตำรวจโรงพักใกล้ ๆ เพราะพ่อฝากให้ดูแลเอาไว้ก่อนที่พ่อจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ที่จริงโรคนี้พ่อรู้ตัวไม่นานก็ไปเลย ทำให้ฉันแทบไม่มีเวลาทำใจอะไรด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นพ่อก็สั่งให้ฉันเข้มแข็ง แล้วฉันที่รักพ่อมากก็เชื่อฟังเสียด้วย
ฉันไม่รู้ว่าพ่อรู้อะไร หลังจากตรวจพบว่าตนเองเป็นโรคร้ายก็เปลี่ยนพินัยกรรมเรื่องประกันชีวิตทันทีโดยที่แม่ไม่รู้ และในพินัยกรรมระบุว่าให้ฉันมีสิทธิ์ทำธุรกรรมต่าง ๆ แต่เพียงผู้เดียว แล้วฉันก็มารู้ว่าแม่มีรักใหม่และคิดจะแต่งงานทันทีด้วยซ้ำหลังจากงานศพพ่อ
กลับมาที่เรื่องไอ้เพื่อนสามป. ของฉันก่อนเดี๋ยวจะเล่ายาว คืนนั้นไอ้ปั้น ไอ้ผู้ชายธงแดงที่ฉันตั้งฉายาให้มันก็มานั่งที่ร้านเฮียอ๋า แล้วก็เรียงคิวให้ฉันทำแผลให้ พวกมันก็เมากันด้วย คิดว่าจะกินข้าวต้มให้ส่างเมา แต่กลับได้กินตีนเลย เป็นไงล่ะ ทีนี้ยิ่งกว่าส่างก็สะบักสะบอม
ไอ้ปั้นมันสาย Toxic ชอบด่าก่อนเสมอแม้จะเป็นห่วงก็ไม่พูดออกมา แล้วชอบจัดการใครก็ตามที่มายุ่งกับเพื่อนตัวเอง แล้วโดยเฉพาะกับ
ฉันที่ไม่รู้มันมาหวงอะไร กั๊กฉิบหายแต่บอกเพื่อนกัน ผู้ชายหน้าไหนมาจีบนะกระเจิง
ส่วนฉันที่มันตามเทียวรับเทียวส่งกลับบ้านทุกวันก็เริ่มคิดมากกว่าเพื่อน จากที่ไม่เคยคุยกันกลับกลายเป็นรอกินข้าวด้วยกันทุกวันตอนกลางวัน มันมานั่งรอเงียบ ๆ หน้าห้อง ให้ไอ้สองแฝดไปจองโต๊ะแล้วก็ได้มันเลี้ยงตลอดหลังจากรู้ว่าฉันอยู่คนเดียวหาเงินเรียนเอง แล้วก็ไปนั่งเล่นที่ร้านเฮียอ๋าจนร้านปิดแล้วก็กลับบ้าน
เป็นแบบนี้จนเฮียอ๋าแซวว่าฉันต้องเป็นแฟนกับไอ้สามตัวนี่สักคนหนึ่ง แต่ฉันก็ทำขรึมไปอย่างนั้นไม่กล้าเขินต่อหน้าเฮียอ๋า เดี๋ยวไอ้ปั้นจับได้
เล่าเรื่องไอ้แฝดบ้าง ไอ้แฝดปุณณ์...ไอ้นี่สายหื่น ฉันให้นิยามว่าไอ้พระเอกธงส้ม คบกับใครก็เน้นหื่นบางทีเรื่องบนเตียงของมันยังมาเล่า เอากันท่าไหนก็เล่าถึงพริกถึงขิงเอาซะฉันหน้าร้อนไปหมด
ส่วนไอ้แฝดน้อง ไอ้ปัณณ์ ไอ้นี่ต้องยกให้ธงดำแบบหลุมดำไร้แสงผ่าน ขี้หึง ขี้หวง แฟนมันคุยกับใครก็ไม่ได้ตามไปต่อยเขาหมด สุดท้ายเป็นไงหญิงไม่เอาโดนทิ้งเป็นหมา
แต่พวกมันไม่มีใครสนหรอก...หล่อเลือกได้...แต่รวยเลือกก่อน แต่ถ้าทั้งหล่อทั้งรวยแบบพวกมัน จะเลือกคนไหนก็ได้หมด
แล้วไอ้สามตัวนี่ก็คือตัวแสบของโรงเรียน ส่วนฉันคือหญิงเดียวในแก้งค์ตัวแสบ และพวกมันเข็นฉันให้สอบติดคณะวิศวกรรมเพราะว่าที่บ้านพวกมันขอให้เรียน ส่วนฉันที่ขาดเรียนบ่อย ๆ โดนจับมันติวเช้าค่ำ บางทีก็ไปนอนที่บ้านฉันอ่านหนังสือกันตาสว่าง แล้วในที่สุดฉันก็สอบได้คณะเดียวกับมันแต่เลือกคนละสาขา พวกมันเลือกเรียนเอไอ เพราะพ่อแม่พวกมันทำธุรกิจสายอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหัวฉันไม่ถึงขนาดนั้น เลยเลือกเรียนเคมีที่คะแนนของคณะนี้ในปีที่ฉันยื่นต่ำสุด ทำให้ฉันติดมาได้ในที่สุด
ใด ๆ คือเรียนตามเพื่อน...ซวยฉิบหายตอนสอบ
แล้วสภาพฉันหลังสอบเสร็จก็เป็นอย่างที่เห็นสมองไหลเป็นน้ำแล้ว สอบเสร็จก็คืนอาจารย์จนหมด แล้วพวกมันนัดกันฉลองแต่ทว่ามันยังไม่มาเรียกฉันก็ยังไม่แต่งตัวหรอก เสียเวลารอ
ไอ้ปั้นบอกว่าจะมารับฉันที่หน้าห้องสอบ พอสอบเสร็จแม่งก็หายหัว ส่วนไอ้สองแฝดไปหลีสาว ฉันเลยงอนพวกมันไม่โทรไปหา แต่อ่านไลน์กลุ่มอยู่หรอก กับอัปสตอรีไอจีในสภาพที่เหมือนศพ แต่ก็ยังสวยปิ้ง
แน่นอนว่าฉันเริ่มหันมาดูแลตัวเองเมื่อเรียนจบม.6 เปลี่ยนจากลุคสาวห้าวกลายเป็นสาวแซ่บ แต่ทว่าไอ้ปั้นมันก็ขยันหวงจริง ๆ ฉันรู้นั่นแหละว่ามันไม่คิดอะไร แต่ว่าฉันอ่ะคิดไปไกลไง
ฉันเปิดแอคลับที่เก็บโมเม้นต์ดี ๆ เอาไว้ระหว่างฉันกับไอ้ปั้นแล้วก็มานอนไถดูแล้วก็ยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้า การแอบรักใครสักคนนี่ก็ดีเหมือนกันเนอะ ไม่ต้องอึดอัดเวลารู้ว่าเขาไม่รักตอบ
ฉันเลือกเก็บมุมความสุขไว้ในมุมเล็ก ๆ คนเดียวจนกระทั่ง...
“ไอ้ริน ไอ้เหี้ย...มึงชอบไอ้ปั้นเหรอ”
ไอ้สัด...ปัณณ์!