EPISODE 05
ลูกสาวคนไข้
ในขณะที่อีกฝ่ายดูไม่ได้อาลัยอาวรณ์ที่ต้องจากลากับเธอเลย แต่เธอกลับยังคงคิดถึงสัมผัส และกลิ่นกายของเขาตลอดเวลาหลังจากกลับมาถึงบ้านเธอก็นั่งกอดเสื้อผ้าของเขาอยู่นานราวกับกลัวว่าตัวเองจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกต่อไป
สามวันต่อมา
หลังจากมีความสัมพันธ์เกินเลยกับคุณหมอเจ้าของไข้พ่อตัวเองไปนั้น วันนี้ก็เป็นวันแรกที่พริบพราวจะได้กลับมาเจอหน้าเขาอีกครั้ง เพราะคงเลี่ยงไม่ได้หากพ่อเธอต้องรักษาตัวอยู่ที่นี่ รวมถึงสภาพจิตใจของเธอเองก็โอเคขึ้นมากแล้ว
พริบพราวในจุดนักศึกษากระโปรงทรงเอเลยเข่าขึ้นมานิดหน่อยเดินเข้ามาภายในห้องพักผู้ป่วยรวมโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังพร้อมกับถุงกระดาษ และถุงผลไม้ที่ติดมือนำมาฝากพ่อของเธอเอาไว้ด้วย
ซึ่งจังหวะที่เธอเปิดประตูห้องเดินเข้ามาที่เตียงของพ่อเธอนั้นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่วาเลนลงเวณตรวจเช็คอาการพ่อของเธอพ่อดี
ดวงตากลมโตช้อนตามองเขาด้วยสายตาประหม่าอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พ่อของเธอจะเรียกสติเธอกลับคืนมา
“พราวสวัสดีคุณหมอสิลูก”
“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณหมอ” พริบพราวยกมือขึ้นไหว้ทักทายวาเลนอย่างอ่อนน้อมตามมารยาท
อีกฝ่ายก็เพรยงแค่พยักหน้ารับคำสั้นๆ สวมบทบาทหน้าที่คุณหมอผู้เป็นที่เคารพของทุกคนได้อย่างแนบเนียน ผิดกับอีกร่างที่เธอเคยเจอมาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งหากไม่เกิดเหตุการณ์คืนนั้นขึ้น เธอเองก็คงเห็นเขาแค่ในมุมจริงจังเวลาทำงานเหมือนคนอื่นๆ
“อย่าลืมทำตามที่หมอสั่งล่ะครับ อีกไม่นานก็จะถึงคิวผ่าตัดแล้ว”
“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ”
วาเลนไม่ได้ตอบกลับอะไรพิสัยพ่อของพริบพราว ซึ่งเป็นคนไข้ในอุปถัมภ์ของเขา
“เดี๋ยวพราวมานะจ๊ะพ่อ” พริบพราววางถุงผลไม้ที่ตั้งใจดตรียมมาให้พ่อเธอลงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะรีบถือถุงกระดาษกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังวาเลน และพยาบาลออกมา
“คุณหมอคะ!” น้ำเสียงแหลมถูกตะโกนออกไปหยุดร่างหนาให้หันกลับมามอง
เขามองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินนำชาร์จคนไข้ไปส่งให้เคาท์เตอร์พยาบาลที่อยู่ไม่ไกล
“ตามไปที่ห้องทำงานฉัน จะคุยเรื่องอาการพ่อเธอไม่ใช่เหรอ?” วาเลนหันกลับมาคุยกับพริบพราวที่เดินตามมาหยุดอยู่ข้างๆ
“ค่ะ” สายตาของวาเลนที่มองมาทำให้พริบพราวรับรู้ และเข้าใจในทันทีว่าเธอควรต่อบทละครที่เขาส่งมาจึงรับปากเออออตาทน้ำไป
เธอเดินตามเขาเข้ามาภายในห้องทำงาน เป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงพยาบาลเธอเองก็ไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ป้ายบนโต๊ะเขียนบอกตำแหน่งเอาไว้ว่ารองผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่จากยศของเขาก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มีห้องทำงานส่วนตัว
“รับแล้วไปซะ” วาเลนบอกหลังจากเซ็นเช็คเงินสดจำนวนห้าล้านส่งให้หญิงสาวที่ยืนมองการกระทำของเขาด้วยแววตาผิดหวัง
“พราวไม่ได้กลับมาเอาเงินค่ะ พราวแค่เอาเสื้อมาคืนคุณหมอ พราวซักทำความสะอาดมาให้แล้ว” เธอบอกพร้อมกับวางถุงกระดาษลงบนโต๊ะทำงานของเขา โดยไม่พูดคุยถึงเรื่องเก่าระหว่างเขากับเธอเลย ทำราวเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
สายตาเรียบเฉยที่จ้องมองมาทำให้พริบพราวรู้สึกอึดอัดจนต้องรีบกล่าวลา
“พราวขอตัวก่อนนะคะ” ใบหน้าหวานก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นมารยาทเตรียมหมุนตัวเดินกลับออกไป แต่กลับถูกอีกฝ่ายเรียกจนชะงักไป
“ตรงนั้นของเธอหายดีแล้วรึยัง” ตำถามน่าอายที่ถูกถามออกมาทำเอาพริบพราวถึงกับทำตัวไม่ถูกตอบกลับไปด้วยท่าทางไม่ประสีประสา
“ดะ…ดีขึ้นแล้วค่ะ” เธอหันกลับมาตอบก่อนจะเงียบเสียงไป เมื่อหันมาเจอวาเลนยืนอยู่ข้างหลังห่างจากเธอเพียงไม่กี่คืบเท่านั้น
“เป็นหมอเหรอ?”
“เปล่าค่ะ”
“แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าดีขึ้นแล้วจริงๆ” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกสายตาไล่มองเรือนร่างแบบบางในชุดนักศึกษาด้วยสายตาหื่นกระหายทำเอาคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาในทันที
“คะ…คุณหมอจะทำอะไรคะ” คนตัวเล็กเอ่ยถามเมื่อวาเลนตรงเข้ามาคว้าแขนเรียวเล็กของเธอเอาไว้
“ตรวจภายในให้เธอไง”
“คุณหมอ…” พริบพราวถูกดันให้มาติดกับประตูห้องทำงานตามด้วยเสียงกลอนล็อกประตูดังขึ้นตามหลัง
“ถ้าไม่กลัวคนอื่นจะมาได้ยินก็ร้องดังๆ ได้เลย” วาเลนในคราบคุณหมอก้มหน้าลงมาประซิบข้างใบหูขาวสะอาดเบาๆ ก่อนจะขบเม้มหยอกล้อ พรางสูดดมกลิ่นหอมของสาวน้อยวัยแรกแย้มด้วยความพึงพอใจ ไม่สนใจร่างกายที่สั่นสะท้านของคนตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย
“ที่นี่โรงพยาบาลนะคะคุณหมอ ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอคะ”
“ทำอะไรล่ะ ฉันก็แค่จะตรวจภายในให้เธอเองมีอะไรให้น่าตกใจจนตัวสั่นขนาดนี้?” เขาเอ่ยถามพร้อมกับออกแรงลากแขนคนตัวเล็กกลับมายังโต๊ะทำงานของเขากระโปรงนักศึกษาถูกเลื่อนขึ้นไปกองอยู่บริเวณเอวคอดบาง ก่อนจะถูกจับอุ้มขึ้นนั่งลงบนโต๊ะ
ใบหน้าหวานเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อมือเรียวเอื้อมมาปกปิดแพนตี้ตัวบางของตัวเองเอาไว้ด้วยความเขินอายที่ก่อตัวขึ้น
“อ้าขาออก” คำสั่งน้ำเสียงเข้มทำให้พริบพราวคนหัวอ่อนไม่กล้าต่อต้านต่อคำสั่งของอีกฝ่ายยอมอ้าขาออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ดวงตากลมโตจ้องมองอีกฝ่ายที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ด้วยแววตาสั่นระริกความรู้สึกมากมายก่อตัวขึ้นจนเธอสับสนในตัวเอง
“เธอดูกลัวนะ?” คำถามของอีกฝ่ายทำให้พริบพราวรีบก้มหน้าหลบสายตาในทันที
“คุณหมอทำให้พราวกลัวจริงๆ นี่คะ” คำตอบไร้เดียงสาที่ได้รับไม่ได้ทำให้วาเลนรู้สึกประหลาดใจเท่าไหร่นัก กลับกันเขายิ่งอยากทำลายความไร้เดียงสาของเธอเพื่อเธอจะเข้าใจโลกในมุมอื่นๆ มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นจะได้เลิกมองเขาเป็นคนดีในสายตาเธอเสียที เพราะมันทำให้เขารู้สึกรำคาญที่เห็นเธอมองเขาด้วยสายตาละห้อยแบบนั้น
--------------------
ยังอุตส่าห์เอาเสื้อมาคืนอีกแหมะสาว😂🤣