ตอนที่ 2 อยู่กับปัจจุบัน

1549 Words
ผิงถิงจึงเดินมาหาซืออินที่ตัวสั่นเหมือนจะร้องให้ได้ ส่วนฟู่จวินของนางเดินมาหาเพื่อปลอบประโลม “ซืออิน เจ้าแต่งงานกับหวางเย่หยางจงไปนั้นหล่ะดีแล้ว ถือเสียว่าเจ้าทำคุณให้แผ่นดิน เพราะข้าเองก็ไม่ไว้ใจให้เจ้าแต่งงานกับไท่ฟู่ เขาเองควบคุมอำนาจทางทหารไว้ทั้งหมด ไม่รู้วันใดเขาจะก่อกบฏหรือไม่ อีกอย่างหนึ่งหวางเย่หยางจงก็ทรงไม่มีหวางเฟย และยังมาสู่ขอเจ้าด้วยตัวเองถือว่าเขารักเจ้าด้วยใจจริง เจ้าอย่าเสียใจเลยน่ะ” เมื่อกงซุนหม่ากล่าวเช่นนี้ จึงหันกลับมามองฟู่จวินของนางแล้วจึงกล่าว “ฟู่จวิน ข้าจะเป็นหวางเฟยของหวางเย่หยางจง และข้าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” “ขอบใจมากซืออิน” ซืออินจึงโอบกอดฟู่จวินของนางด้วยความรักที่มีต่อบุตรเช่นตน ผิงถิงที่ยืนมองอยู่รู้สึกดีใจที่จบลงด้วยดี นางเองก็รักเจี่ยเจียของนางมากก็ไม่อยากให้เจี่ยเจียแต่งงานกับไท่ฟู่ เพราะเขามีอำนาจในราชสำนักมากจนเกินไป อีกทั้งยังมีกองกำลังเป็นแสนอยู่ในมือ ไม่รู้วันใดเขาอยากจะก่อกบฏขึ้นมา เจี่ยเจียของนางอาจโดนรากแหไปด้วย อีกฟากหนึ่งของพระราชวัง คือหรูเทียนกง ตำหนักของหวางเย่เยี่ยหัวทรงร่ำน้ำจัณฑ์เพียงลำพังในเรือนกลาง ตรงกลางห้องโถง มีนางกำนัลสองนางคอยรินน้ำจัณฑ์ถวาย นางรำหญิงห้าคนคอยร่ายรำ ทว่าทรงเสวยเท่าไหร่ก็ไม่เมาเสียที จึงปาจอกน้ำจัณฑ์ทิ้ง ทำเหล่านางรำต่างหวาดกลัวต่างหลบหนี “สตรีมีมากมาย เหตุใดต้องเป็นเจ้าซืออิน ทำไมข้าถึงชอบเจ้า ทำไมกัน ทำไม” “หวางเย่ ท่านเลิกคิดถึงนางเถิด ยิ่งท่านลืมนางเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีต่อตัวท่าน” บ่าวรับใช้คนสนิทกล่าวด้วยความเป็นห่วง “จื่อลั่ว พรุ่งนี้เจ้าทูลต้าหวางด้วยว่า อีกสามวันข้าจะไปอยู่ชายแดน ขอเวลาข้าสักสองปี ข้าจะตีเมืองเยียนฉือคัง ที่มันริเริ่มก่อกบฏอยู่ในขณะนี้ ข้าจะปราบให้ราบคาบ ส่วนเรื่องก่อกบฏข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่ อย่างไรเสียต้าหวางก็คือตี้ติของข้า” (ตี้ติ แปลว่า น้องชาย) “หวางเย่ท่านทำถูกแล้ว ออกเหงื่อหน่อยเดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง พระเจ้าค่ะ” พิธีจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ วันนี้หวางเย่หยางจง ทรงมารับเจ้าสาวด้วยตัวเอง มีผิงถิงและสาวใช้จากตำหนักหวางเย่เข้ามาแต่งองค์ อีกทั้งเครื่องประดับ อาภรณ์ ของในพิธีทั้งหลายเหล่านี้ จากตำหนักด้วยกันทั้งสิ้น จวนสกุลกงซุนไม่ได้ซื้อมาแต่อย่างใด “เจี่ยเจีย ท่านงดงามยิ่งนัก สมกับเป็นหวางเฟยของหวางเย่หยางจง เหมือนวิหกคู่พญาราชสีห์” “ผิงถิง เจ้าก็กล่าวเกินไป” “วันนี้ข้ากลัวว่าไท่ฟู่จะมาล่มงานอภิเษกของท่าน ข้าจึงให้ทหารของฟู่จวินมาลาดตะเวนรอบบ้านจนถึงหน้าประตูตำหนัก” “ผิงถิง เจ้านี่รอบครอบจริงๆ” ซืออินเอ่ยกล่าวอีกทั้งเผยยิ้มมองเม่ยเมยของนางด้วยความรักและความเอ็นดูจากคันฉ่องบานใหญ่ตรงหน้า “ข้ามีเจี่ยเจียเพียงคนเดียวเหตุใดข้าจะไม่ห่วงท่าน อีกอย่างไท่ฟู่ชอบท่านขนาดนั้น เกิดว่าชิงตัวเจ้าสาวขึ้นไม่แย่หรือคะ” “ขอบใจเจ้า ข้าเลี้ยงเจ้ามาไม่ผิดคนจริงๆ” “เจี่ยเจีย เข้าพิธีให้สบายใจเถิด ข้าจะคอยดูให้” ใต้เท้ากงซุน หรือกงซุนหม่า ฟู่จวินของซืออินได้มาส่งตัวเจ้าสาว พร้อมกับน้องชายอีกสองคนของนาง และรวมถึงผิงถิงน้องสาวของนาง “ซืออิน เจ้าคือหวางเฟยแล้ว ข้าเลี้ยงเจ้ามาในค่ายทหาร เจ้าอาจมีนิสัยดิบห่ามไม่เกรงกลัวใครมาแต่เล็ก แต่อยู่ในวังเจ้าต้องทำตัวให้ใจเย็น รู้แบ่งรับรู้แบ่งสู้ เข้าใจไหม” กงซุนหม่าเอ่ยขึ้น (หวางเฟย คือ พระชายา) “เจ้าค่ะ ข้าจะไม่ทำให้ฟู่จวินลำบากใจ” “ดีแล้ว ดีแล้ว” ใต้เท้ากงซุนประคองบุตรสาวลุกขึ้นยืน แล้วซืออินหันไปหา ผิงถิงจับมือแล้วเอ่ยบอก “ผิงถิง ต่อจากนี้ไปงานในบ้านคือหน้าที่ของเจ้า อาจจะหนักบ้างเจ้าอย่าได้กังวล พ่อบ้านเหลียงจะคอยช่วยเหลือเจ้า แล้วข้าจะออกจากวังมาหาเจ้าบ่อยๆ” “เจียเจี่ยท่านอย่าได้กังวลไป ข้าทำได้อยู่แล้ว ส่วนออกจากวัง ท่านอย่าออกมาบ่อยนัก เดี๋ยวเจียฟู่จะน้อยใจว่าฟูเหรินไม่รักพระองค์” (เจียฟู่ คือ พี่เขย) “เจ้านี่น่ะ” จบพระราชพิธีไหว้ฟ้าดิน ถึงเพลาส่งตัวเจ้าสาว หวางเฟยรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ไท่ฟู่ไม่มาทำลายพิธีงานแต่งของนางกับหวางเย่หยางจง พระนางดำริว่าเยว่หัวปลงตกแล้วหรือ คนอย่างเขากล้าได้กล้าเสีย ถ้าเขาอยากได้สิ่งใด มีหรือจะไม่ได้ ทำให้พระนางแปลกพระทัยไม่น้อย ทว่าสุรเสียงของหวางเย่หยางจงดังขึ้นทำให้ “ซืออินเจ้าคิดสิ่งใดอยู่หรือ” “เปล่า ไม่มีอะไร” “ซืออิน ข้าดีใจนักที่เจ้าได้เป็นหวางเฟยของข้า ต้าหวางทรงเล่าให้ฟังเมื่อหลายปีที่แล้วว่าสกุลกงซุนชอบล่าสัตว์ยิงธนู เรื่องนี้ข้าไม่เชื่อนัก แต่เมื่อได้เจอเจ้าเมื่อสามปีที่แล้ว ครั้งนั้นข้าจำได้ว่า ข้าออกไปล่าสัตว์กับต้าหวางองค์ปัจจุบันและไท่ฟู่ ครั้งนั้นข้าได้ยิงหงส์ขาวตัวหนึ่งลงมา แต่ว่าบนตัวหงส์นั้นไม่ได้มีธนูเพียงอันเดียว แต่กลับมีสองอัน ทันใดนั้นข้าได้เห็นสาวน้อยผู้หนึ่งเดินตรงมาหาข้า แล้วเจ้าก็อุ้มหงส์ต่อหน้าต่อตาข้า ทว่าข้ายังตกตะลึงในความงามของเจ้า และข้าจำได้อีกว่าวันนั้นเจ้าสวมอาภรณ์แดงชาด และประดับด้วย...” “ปิ่นหยกลายเมฆา” ไม่ทันที่หวางเย่กล่าวจบ เสียงจากชายผู้หนึ่งดังขึ้น ทำให้หวางเย่เอ่ยถาม ด้วยความตกพระทัย “เจ้าเป็นใคร?” เมื่อทรงตรัสถามเช่นนั้น ชายผู้นั้นจึงเดินออกมาจากมุมมืนของห้องพระบรรทม “ไท่ฟู่” กงซุนหวางเฟยทรงตรัสแผ่วเบา “เกอเกอ ท่านเข้ามาได้อย่างไร” หวางเย่หยางจงเอ่ยถามด้วยความแปลกพระทัย และตกพระทัยยิ่งนัก ทรงรู้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์เช่นไร แต่นี่เป็นราชโองการพระองค์ก็ขัดมิได้ อีกทั้งลึกๆ พระองค์ทรงแอบหลงรักหวางเฟยมานานแล้วเช่นกัน “ข้ามาคืนของที่เจ้ามอบให้” ไท่ฟู่ทรงตรัสด้วยสุรเสียงเรียบเฉย แล้วจึงทรงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวลายดอกเหมย หวางเฟยทรงรับผ้าผืนนั้นมา อีกทั้งไท่ฟู่จึงเอ่ยขึ้น “ขอให้เจ้าทั้งสองคน มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง รักกันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร” ไท่ฟู่ทรงตรัสเช่นนั้น แล้วทรงหันองค์ก้าวย่างพระแล้วออกไปทางหน้าบัญชร ทางเดิมที่ไท่ฟู่ปีนขึ้นมา ทิ้งให้หวางเย่และหวางเฟยอยู่เพียงลำพัง หวางเฟยทรงหันไปหาหวางเย่ที่นิ่งสงบ “หม่อมฉันกับไท่ฟู่เป็นแค่คนรักกัน ไม่เคยได้เสียเป็นฟู่เหริน ฟูจวินกัน พระองค์จะเชื่อหม่อมฉันไหมเพคะ” หวางเฟยครงตรัสเช่นนี้ “ข้าเชื่อเจ้า” ทรงตรัสอย่างมั่นคง ทำให้หวางเฟยทรงแปลกพระทัยอยู่บ้าง ว่าเหตุใดถึงไม่ตรัสถามความหลังของพระองค์และไท่ฟู่ ทว่าหวางเย่ทรงจับพระหัตถ์หวางเฟย แล้วตรัสขึ้นมา “ซืออิน ข้าได้ทิ้งอดีตของเจ้าไปแล้ว เหตุใดต้องรื้อฟื้นอดีตของเขากับเจ้าด้วย เจ้ากับข้าควรอยู่กับปัจจุบันมิดีกว่าหรือ” หวางเย่ทรงตรัสเช่นนี้ หวางเฟยมองพระพักตร์อย่างลืมองค์ มารู้ตัวอีกที ทรงเอนองค์พระนางลง “หวางเย่ ทรงสัญญาได้ไหมว่า ไม่ว่าพระองค์จะทำสิ่งใด จะมีฟูเหรินกี่คนหม่อมฉันไม่ว่าหรือขัดค้านพระองค์ แต่ทรงอย่าทำให้หม่อมฉันเสียใจเป็นอันขาด” หวางเฟยทรงตรัสจริงจัง “หวางเฟย ข้าให้สัญญา ข้าจะดีกับเจ้าและจะเชื่อฟังในสิ่งที่เจ้าพูดทุกคำ” หวางเย่ทรงตรัสเช่นนี้ หวางเฟยจึงปล่อยกายปล่อยใจ แนบชิดสนิทเสน่หา ร่วมรักแต่เราสอง อ่านจบอย่างลืมเขียนเม้นท์ให้กำลังใจไรท์ ทุกคอมเม้นท์ไรท์เข้ามาอ่านก่อนเขียนตอนต่อไปทุกครั้งค่ะ ขอคนละเม้นท์เป็นกำลังใจด้วยน๊า 1 เม้น 1 กำลังใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD