ไท่ฟู่จึงรินพระสุธารสชาดอกท้อใส่ถ้วย ส่งให้หวางเฟยที่นั่งอยู่บนพระแท่นบรรทม หวางเฟยทรงรับเสวยเพียงน้อยนิด ไท่ฟู่ทรงนั่งยองตรงหน้าพระนาง แล้วจึงทรงตรัส “หวางเฟยของข้า เจ้ามีเรื่องอันใด ไหนเจ้าเล่าให้ข้าฟังหน่อย เห็นว่าวันนี้เจ้าเข้าวังไปหาเจี่ยเจียของเจ้า” ไท่ฟู่ทรงตรัสถาม อีกทั้งยังจับพระหัตถ์หวางเฟยลูบแผ่วเบา “เยว่หัว ท่านไม่ออกรบได้ไหม ข้าขอร้องนะ” หวางเฟยทรงตรัสด้วยน้ำเสียงกังวล “ข้าจัดทัพแล้ว ว่าจะบอกเจ้าว่า ข้าต้องย่นเวลาเดินทัพเป็นพรุ่งนี้ โหรหลวงได้ให้ฤกษ์ยามใหม่แก่ข้า พรุ่งนี้ยามเฉินข้าต้องกรีธาทัพออกทันที” “ทำไมรวดเร็วถึงเพียงนั้น” หวางเฟยทรงตรัสด้วยสุรเสียงแตกตื่น “ข้ายิ่งทำศึกเร็วเท่าไร ข้ายิ่งมีโอกาสเห็นหน้าตี๋ตีของข้ามากเท่านั้น ข้าสัญญาไม่เกินสองเดือนก็เสร็จศึก” “ข้าเชื่อในตัวท่าน แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา บ้านเมืองต้องลุกเป็นไฟแน่” “ข้าไม่ไปก็ไม่ได้ คนที่ปราบแคว้นหลิวได้ ค