@20 นาทีต่อมา
พลอยใสทำหน้าเศร้าหลังจากที่เดินออกมาจากพื้นที่ที่ทำเอาหัวใจเธอสั่นคลอน ปากบอกไม่คิดอะไรแต่ในใจยังคงเจ็บทุกครั้งที่เจอหน้าเขา....เดิมทีคิดว่าตัวเองเข้มแข็งมากแล้ว แต่พอเจอเขาเข้าจริงหัวใจกลับอ่อนแอลงอีกครั้ง...จะเป็นไปได้ไหมที่เธอจะลืมความรัก ความเจ็บปวดจากผู้ชายคนนี้ไปได้..
ฝ่ามือบางกำแน่นกับสายกระเป๋า ริมฝีปากที่เคยยิ้มแย้มเม้มแน่น แววตาเศร้าสร้อยฉายความลังเลในใจ เสียงฝีเท้าที่ก้าวไปข้างหน้าเบาราวกับไม่อยากให้ใครได้ยินความสั่นคลอนในจิตใจของเธอ
"เป็นอะไร...ทำหน้าเศร้าขนาดนั้น..
เสียงทุ้มนุ่มของพายุดังขึ้น พลอยใสสะดุ้งเล็กน้อย เธอเบนหน้าหันไปมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึก
"เปล่าค่ะ..ว่าแต่พี่พายุมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ...
"งานหมั้นของไอ้ปืน...ลูกพี่ลูกน้องฉันเอง...
"อ่อ...ที่แท้ก็รู้จักกับพี่ปืน...
"กับแฟนเก่าเธอฉันก็รู้จักนะ..ไอ้สิงหา..รู้จักดีเลยแหละ..
"จะพูดถึงเขาทำไมเนี้ย...
เธอถอนหายใจเบา ๆ คล้ายหมดแรงใจที่จะได้ยินชื่อนั้นอีก เสียงที่เคยมั่นคงเริ่มแผ่วลงเล็กน้อย
"ที่แท้ไอ้คนที่ทำเธอคิดสั้นถึงกับเดินมาให้รถฉันชนก็คือไอ้สิงหานี่เอง...
"ไม่ใช่นะคะ..หนูไม่ได้คิดสั้นสักหน่อย...แค่...
"แค่....แค่อะไร....ตาบวมแดงอย่างกับโดนผึ้งต่อยมาขนาดนั้น..ยังจะปฏิเสธอีก....
พายุพูดพลางเหลือบมองใบหน้าเธออย่างจับผิด ส่วนพลอยใสเม้มปากแน่น หลบสายตาไม่กล้าสบตาเขาตรง ๆ ดวงตาที่เคยสดใสหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
"จะรื้อฟื้นทำไมคะ...ผ่านมานานแล้วไม่ใช่หรือไง...แล้วนี่พี่บอกคิดออกแล้วว่าจะให้หนูทำอะไร ... รีบบอกมาสิคะ.. บ่นอยู่ได้..
"รีบเหรอ ? คนเป็นพี่ทำหน้านิ่ง สายตากวนไม่ใช่น้อย...
"อะไร...อย่ามาทำน้ำเสียงแบบนี้กับหนูนะ..
"หึ...ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออกไว้คิดออกจะบอกอีกที...
"นี่พี่กวนหนูเหรอ...
เสียงของเธอเริ่มมีแววขุ่นนิด ๆ ใบหน้าบูดเล็กน้อย ขณะที่พายุหันหน้าไปอีกทางพร้อมยกยิ้มบาง ๆ อย่างเจ้าเล่ห์
"ไม่ดีเหรอ..ที่ฉันช่วยเธอออกมาจากไอ้สิงหา...เห็นดิ้นจะเป็นจะตายก็เลยเข้าไปช่วย...ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ..
"ชิ...ดูเหมือนไม่ได้เจอกันนานพี่พูดเก่งขึ้นเยอะเลยนะคะ...
"เธอก็สดใสขึ้นมากนะ...(วันนี้น่ารักกว่าวันนั้นเยอะ) : ประโยคหลังเขาพูดมันเบาๆ
"อะไรนะคะ....พี่บอกว่าอะไรนะ..
"เปล๊าว !.....เขาทำท่าทีนิ่งเงียบ..
ใบหน้าของพายุแดงขึ้นนิด ๆ สายตาหลบเล็กน้อยเมื่อถูกจับได้ว่าเผลอพูดความในใจ ริมฝีปากขยับเหมือนจะพูดซ้ำแต่ก็กลืนคำลงคอไป
"แล้วนี่เธอพักที่ไหน
"ถามทำไมคะ..
"ก็จะไปส่งไง..
"ใจดีขนาดนั้นเชียว...
"ก็เคยใจดีมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ..
"ค๊า...ใครจะไปคิดคนหน้านิ่งหน้าดุแบบพี่จะใจดีกับหนูขนาดนี้..ขอบคุณนะคะ แต่ไม่เป็นไรหนูขับรถมาเอง ขับกลับเองได้ค่ะ
"แต่มันดึกแล้ว...ขับกลับคนเดียวมันอันตราย...ฉันไปส่งน่ะดีแล้ว..
"ไม่เป็นไรค่ะ หนูขี้เกียจกลับมาเอารถ..
"ขับรถเธอกลับก็ได้...เดี๋ยวรถฉัน ฉันให้ลูกน้องขับกลับ...
"อะไรของพี่เนี้ย...อยากไปส่งหนูขนาดนั้นเชียว..
"ไม่ได้อยากไปส่ง..แต่เธอพึ่งทะเลาะกับแฟนเก่ามา เกิดสติหลุด ขับรถไปชนใครเข้า..จะว่ายังไง..
"ชิ...โอเคค่ะ..ไปส่งก็ไปส่ง..รถหนูจอดอยู่ตรงนั้น..
"รีบเดิน...ฟ้าครึ้ม..ฝนจะตกแล้วเห็นไหม..ขาสั้นเดินช้า..
"เหอะ..!..เห็นว่าขายาวกว่าแล้วจะมาบูลี่กันเหรอ.. : พลอยใสทำหน้ายู่ก่อนจะบ่นพรึมพรำอยู่คนเดียว
เธอเร่งฝีเท้าเดินนำหน้าเล็กน้อยแต่ก็ยังคงหันมาแอบค้อนใส่เขาเป็นพัก ๆ แววตาของเธอเริ่มมีประกายขึ้นมาบ้าง ราวกับกำลังลืมช่วงเวลาเศร้าไปชั่วคราว
"หึ.... : พายุยิ้มออกมากับท่าทีเดินไปบ่นไปของคนตัวเล็ก..คนเย็นชาอย่างเขาไม่คิดเลยว่าจะมาต่อล้อต่อเถียงกับเด็กปีหนึ่งอย่างเธอ...แต่คิดดูแล้วก็สนุกดีเหมือนกันนะ...ชีวิตเริ่มมีสีสันขึ้นมาบ้าง..แววตาเขามีแววอ่อนโยนที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นบ่อยนัก รอยยิ้มมุมปากที่มักเยาะเย้ยใคร กลับกลายเป็นรอยยิ้มละมุนอย่างเงียบงัน
อีกด้านหนึ่งของมุมตึก สิงหายืนมองสองคนคุยหยอกล้อกัน ยิ่งมองใจยิ่งเจ็บ ผู้ชายที่ควรจะได้เดินอยู่ข้างพลอยใสในตอนนี้ควรจะเป็นเขา ไม่ใช่ผู้ชายคนอื่น...เขามองเธออย่างหวาดหวั่น..ความหวังที่จะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมจะมีไหม เขายังไม่มั่นใจ ขนาดหน้าเขาพลอยใสยังไม่อยากมอง ต้องทำยังไง..เขาถึงจะได้เธอกลับมา.. ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความหดหู่ มือที่กำแน่นสั่นเล็กน้อยเพราะอารมณ์ข้างในตีตื้นขึ้นมา สายตาที่เคยมั่นใจตอนนี้ช่างเลื่อนลอย...เจ็บปวด...และเต็มไปด้วยคำถามที่ไร้คำตอบ
@คอนโดพลอยใส
พลอยใสกับพายุขับรถมาถึงคอนโดแห่งใหม่ที่พลอยใสพักอาศัยอยู่..พอมาถึงคนเป็นพี่เดินลงจากรถ ก่อนจะเดินไปที่รถยนต์คันหรูอีกคันที่ลูกน้องคนสนิทพึ่งจะจอดเทียบฟุตบาทอยู่มาดๆ..
บรรยากาศหน้าคอนโดยามค่ำช่างเงียบสงบ ไฟจากเสาไฟข้างทางส่องสะท้อนเงาร่างทั้งสองคนไว้บนพื้นถนน พายุยกมือขยับปลายเนกไทนิด ๆ ก่อนหมุนตัวเดินไปอีกฝั่งอย่างนิ่งขรึม ดวงตาคมยังจับจ้องพลอยใสอย่างประเมิน
"พี่เป็นมาเฟียหรือไง ถึงได้มีลูกน้องคอยตามประกบตลอด..
เธอแกล้งถามขำ ๆ พลางย่นจมูกใส่เขาเล็กน้อย เสียงพูดปนน้ำเสียงหยอกล้อ แต่นัยน์ตากลับแอบสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอยู่เงียบ ๆ
"...ขี้สงสัยจังนะเรา...ขึ้นห้องเองได้ไหม..หรือจะให้เดินไปส่ง...
พายุพูดนิ่ง ๆ พลางพิงสะโพกกับขอบรถ มือหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง อีกมือถือโทรศัพท์หมุนเล่นช้า ๆ ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมของเธอ
"ไปเองได้ค่ะ...ขอบคุณนะคะที่มาส่ง...
เธอส่งยิ้มบาง ๆ ให้ก่อนจะขยับจะเปิดประตู ฝ่ามือเล็กวางบนกระเป๋าถืออย่างมั่นคง แม้จะรู้สึกแปลก ๆ กับความเงียบของเขา
"แล้วพรุ่งนี้จะไปเรียนไหม..
"ค่ะ..ทำไมคะ..
"เปล่าว.. แค่ถามเฉยๆ เผื่อได้เจอกัน...
เขาตอบพลางเบือนสายตาออกไปอีกทาง น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความหมายบางอย่างที่คนฟังรู้สึกได้
"หนูคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นมั้งคะ...
เธอยักไหล่ให้คำตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่แฝงแววล้อเลียนเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวถอยห่าง
"หึ...หายเศร้าแล้วสินะ ถึงได้พูดเก่งขนาดนี้..
"ชิ....กลับได้แล้วค่ะ ฝนจะตกแล้ว..ขับรถดีดีนะคะ : คนเป็นน้องยิ้มกว้างก่อนจะโบกมือลาคนเป็นพี่...
พลอยใสก้าวฉับ ๆ เข้าไปในตัวคอนโด ร่างบางหันหลังให้เขาแต่ไม่วายเหลือบหันกลับมาชำเลืองอีกนิด ก่อนเดินเข้าลิฟต์ไป
พายุเองเปิดประตูรถก่อนจะเดินขึ้นรถไป ใบหน้านิ่งขรึมยิ้มน้อยออกมา จนลูกน้องคนสนิทผิดสังเกต ปกติเจ้านายของเขาเคยยิ้มแบบนี้ซะที่ไหน...
ดวงตาคมของพายุทอดมองลิฟต์จนบานประตูปิดลง เสี้ยวยิ้มมุมปากผุดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ความอุ่นบางอย่างแทรกเข้ากลางอก ราวกับหัวใจเขาไม่ได้เย็นชาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
"นายน้อยยิ้มอะไรครับ...
"เสือก !
"อ้าว...ถามก็ไม่ได้...
"เซโร่วันนี้มึงอยากกินอะไร เดี๋ยวกูเลี้ยง...
น้ำเสียงเจ้านายแฝงความอารมณ์ดีชัดเจน จนเซโร่ต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ เขาหันขวับไปมองเจ้านายของตัวเองเต็มตาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง คนเป็นนายยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอ่ยปากชักชวนลูกน้อง อยู่กับเจ้านายมานานหลายปีไม่เคยเห็นอารมณ์ดีแบบนี้มาก่อน..ผิดปกติเอามากๆ แถมยังอาสามาส่งหญิงอีก..ปกติไล่ตะเพิดแตกกระเจิง..ไหงวันนี้อารมณ์ดีขึ้นมาได้... เซโร่เกาหัวแกรก ๆ พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ว่านี่ใช่เจ้านายสุดเย็นชาคนเดิมหรือเปล่า หรือว่าโดนสลับร่างระหว่างทาง
"นายไปกินอะไรผิดมาหรือเปล่าครับ..ไปโรงพยาบาล ไปหาหมอธีร์ไหม..
"กูสบายดี...สบายมาก.." พายุตอบทั้งที่ยังคงยิ้มอยู่ มือใหญ่กดปุ่มโทรศัพท์เหมือนกำลังหาของกินโปรดให้น้องชายคนสนิทอย่างอารมณ์ดี
"เออ..นายครับวันนี้ผมว่าจะขอเบิกเงินล่วงหน้าสักหน่อย จะเอาไป.....
"อืมได้สิ...เบิกเท่าไหร่..แสนหนึ่งพอไหม..
"ห่ะ !... สะ..แสนหนึ่ง..!" เสียงเซโร่ดังหลุดออกมาอย่างตกใจตาโต ใบหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง
"อืม...
"ผมขอเบิกแค่สองหมื่นก็พอครับ..
"ได้กูโอนให้ตอนนี้เลย : เจ้านายสุดหล่อหยิบมือถือขึ้นมากดอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มบางที่บ่งบอกว่าตัวเขาเองกำลังอารมณ์ดีเอามากๆ
"ติ้ง ! เสียงข้อความมือถือเซโร่แจ้งเตือนเงินเข้า
"หนึ่งแสน !!!! : ลูกน้องคนสนิทถึงกับอุทานออกมา
"ผมขอเบิกแค่สองหมื่นครับนาย นายโอนมาทำไมตั้งหนึ่งแสน... : เซโร
"เงินขอเบิกสองหมื่น ที่เหลือกูให้ทิป..
เจ้านายพูดนิ่ง ๆ เหมือนเรื่องเล็กน้อย เซโร่ถึงกับยืนอ้าปากค้างค้างกลางลานจอดรถ ใบหน้าเหมือนคนฝันไป กะพริบตาปริบ ๆ มองยอดเงินในมือถือซ้ำอีกครั้ง เซโร่ถึงกับอ้าปากค้าง ปกติจะขอเบิกแต่ละทีต้องแจ้งเหตุผลก่อนเสมอ..แต่วันนี้เจ้านายกลับอนุมัติอย่างเร็ว แถมให้เบิกทีเป็นแสน เกินขั้นเงินเดือนเขาไปตั้งสามเท่า.. ปกติเบิกแค่หลักหมื่นยังยาก..เพราะพายุค่อนข้างควบคุมการใช้เงินของลูกน้อง..ค่ากินค่าอยู่เขารับผิดชอบเลี้ยงดูอย่างดีทุกอย่าง ส่วนเงินเดือนก็คือเงินที่เซโร่เอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัว พายุถือเป็นเจ้านายที่ดูแลลูกน้องดีมาก รู้ดีว่าฐานะทางบ้านของเซโร่ค่อนข้างลำบาก..ไม่อยากให้เขาใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย..พ่อแม่ของเซโร่พายุก็เป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด...รวมถึงค่าเทอมของเขาด้วย..เพราะแบบเซโร่ถึงรักและภักดีกับพายุมาก..เป็นทั้งเจ้านายและรุ่นพี่ในเวลาเดียวกัน...นี่บอกจะเอาสองหมื่น เจ้านายยังให้ทิปกลับมาเกือบแสน..อะไรกันเนี้ย..เกิดอะไรขึ้น..