บทที่ 3-1

1390 Words
เพราะข่าวที่เพิ่งได้รับรู้ว่าทำให้หวงเสี่ยวฉีต้องใช้ความคิดอย่างหนัก บ้านตระกูลเหอถูกเพลิงไหม้ คหบดีเหอบิดาของเหอลี่หมิงและคนรับใช้ทั้งหมดสิ้นชีพในกองเพลิง ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต ไม่เจอแม้แต่ซากศพ เพราะเปลวเพลิงแผดเผาจนทุกสิ่งอย่างกลายเป็นเถ้าถ่าน สาเหตุที่แน่ชัดมิอาจรู้ว่าเกิดจากความสะเพร่าของคนในบ้านหรือถูกลอบวางเพลิง นั่นเป็นเรื่องที่ทางการต้องจัดการระบุสาเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เรื่องที่เขาคิดไม่ตกในตอนนี้นั่นก็คือหากนางความจำเสื่อมจริง เขาควรจะมอบความเมตตาให้นางอาศัยอยู่ที่เรือนทิศตะวันออกต่ออีกสักช่วงระยะเวลาหนึ่งดีหรือไม่ จนกว่านางจะหาที่พักใหม่ได้ จากเดิมทีที่พอเขากับนางหย่าขาดจากกันก็จะส่งนางกลับสกุลเหอ แต่ตอนนี้ไม่มีที่ให้นางกลับอีกแล้ว แม้ว่าการกระทำต่ำช้าก่อนหน้านี้ของนางทำให้เขามีสิทธิ์หย่าขาดจากนางได้ หากแต่ตอนนี้สถานการณ์ได้แปรเปลี่ยน เขามิอาจหย่าขาดจากนางได้ตามกฎซันปู๋ชวี่* ที่ละเว้นการหย่าสามข้อ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือข้อที่นางไม่มีญาติพี่น้องให้พึ่งพาอาศัย ไม่มีบ้านให้กลับได้อีก เขาควรทำเช่นไรดี คิ้วที่พาดเฉียงเหนือดวงตาเรียวรีย่นเข้าหากัน ใบหน้าหล่อเหลาดูเคร่งขรึม ลมหายใจผ่อนเข้าออกหลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะตัดสินใจสาวเท้าออกจากห้องของเหอลี่หมิงอย่างรวดเร็ว “นางอยู่ที่ใด” หวงเสี่ยวฉีถามจินชุ่ยเวยที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้อง ตอนนี้ปราศจากร่างของเหอลี่หมิงและเซี่ยเถิงเกา เขาจึงถามหานางจากคนสนิทเพราะคิดว่าต้องรู้อย่างแน่นอน “คุณหนูเข้าไปในห้องพร้อมเถิงเกาขอรับ” “นำข้าไป” สิ้นเสียงที่เต็มไปด้วยการออกคำสั่งของหวงเสี่ยวฉี จินชุ่ยเวยจึงรีบนำทางไปทันที “ห้องนี้ขอรับคุณชาย” จินชุ่ยเวยพาหวงเสี่ยวฉีมาหยุดที่หน้าห้องหนึ่งภายในเรือนทิศตะวันออก ห้องนี้เป็นห้องของเซี่ยเถิงเกา หวงเสี่ยวฉีใช้สายตามองจินชุ่ยเวยเชิงออกคำสั่งให้จัดการเปิดประตู จินชุ่ยเวยน้อมรับคำสั่งอย่างกระตือรือร้น ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก “คุณหนูขอรับ” ทว่ารออยู่พักหนึ่ง คนด้านในไม่มีปฏิกิริยาใดๆ โต้ตอบกลับมา จินชุ่ยเวยจึงลงมือเคาะประตูอีกครั้ง “คุณหนูขอรับ” เป็นเหมือนคราแรก ทุกอย่างเงียบสงบ คนด้านในไม่โต้ตอบ ลมหายใจของหวงเสี่ยวฉีเริ่มถี่ขึ้น ก่อนจะบอกกับจินชุ่ยเวยเสียงดุดัน “ข้าจะให้เวลานางครึ่งเค่อ* หากนางยังมิยอมเปิดประตูออกมา เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้าจะทำเช่นไร” “ขอรับ” จินชุ่ยเวยรับคำก่อนจะก้มศีรษะลงต่ำเล็กน้อย ในใจเพียรภาวนาให้เหอลี่หมิงเปิดประตูออกมาก่อนจะถึงครึ่งเค่อ มิเช่นนั้น วันนี้เขาคงได้เห็นคุณชายสี่แห่งตระกูลหวงใช้วิชายุทธ์เพื่อเข้าไปในห้องอย่างแน่นอน และหลังจากนั้นคนที่ลำบากจะเป็นใครกันเล่าหากไม่ใช่เขา มิใช่เขาหรอกหรือที่ต้องรับหน้าที่ซ่อมแซมประตูห้องให้กลับมาใช้งานได้เช่นเดิม แม้หวงเสี่ยวฉีจะมีฝีมือด้านวิชายุทธ์ไม่เก่งกล้าเทียบเท่าหวงลู่เหวินคุณชายใหญ่ของตระกูลหวง ที่เป็นถึงท่านแม่ทัพกองทหารม้า เพราะหวงเสี่ยวฉีไม่นิยมชมชอบการต่อสู้ หากแต่ชื่นชอบงานละเอียดอ่อนอย่างศิลปะการวาดภาพ แต่ในเรื่องวิชายุทธ์นั้น ถือว่ามีฝีมือดีในระดับหนึ่ง และเพลงดาบที่หวงลู่เหวินช่วยฝึกปรือให้ตั้งแต่ยังเล็กก็นับได้ว่าไม่น้อยหน้าใคร จินชุ่ยเวยอยากจะสั่นศีรษะแรงๆ หากมิกล้า เขารู้สึกท้อแท้ในโชคชะตาขึ้นมาทันที พลางแอบลอบมองหวงเสี่ยวฉีที่ยืนกอดอก สายตาแน่วแน่อยู่ที่ประตูห้อง ทุกอย่างยังคงเงียบสงบ จินชุ่ยเวยแอบผ่อนลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน อย่างไรเสีย หน้าที่ซ่อมประตูต้องตกมาอยู่ในมือของเขาอย่างไร้ข้อเคลือบแคลง ในห้อง “คุณหนูจะไม่ให้ข้าไปเปิดประตูจริงๆ หรือเจ้าคะ” “ไม่!” เหอลี่หมิงตอบในทันที “ชุ่ยเวยหาได้มีเรื่องใดต้องพูดคุยกับข้า คนที่ต้องการพูดคุยกับข้าคงเป็นคุณชายสี่ของเจ้า ซึ่งข้าไม่มีสิ่งใดจะต้องพูดคุยกับเขาอีก” เซี่ยเถิงเกาได้แต่ทำหน้าคล้ายกำลังกลืนยาขม นางมองเหอลี่หมิงที่นั่งหลังเหยียดตรงอยู่บนเตียงของนาง ใบหน้างดงามยังคงแดงก่ำตั้งแต่ออกมาจากห้องนอนจนถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม “แต่ถ้าคุณหนูไม่ยอมเปิดประตูข้าเกรงว่า...” “เจ้าต้องเกรงสิ่งใดอีก หากเจ้าไม่เปิด ข้าไม่เปิด คนด้านนอกย่อมเข้ามามิได้ เช่นนั้นแล้วเจ้ายังจะต้องเกรงสิ่งใดอีกเล่า” คราวนี้หน้าตาของเซี่ยเถิงเกาคล้ายดื่มยาขมลงคอไปอีกถ้วยใหญ่ เหอลี่หมิงความจำเสื่อมคงจำมิได้ว่าคนด้านนอกที่นางคิดว่าจะเข้ามามิได้หากไม่มีใครเปิดประตูต้อนรับ อีกไม่เกินครึ่งเค่อต้องพาตัวเองมาหยุดอยู่ต่อหน้า นางอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่เซี่ยเถิงเกากำลังกังวล “นอนเถอะเถิงเกา เจ้ามิต้องกังวลใจ ขึ้นมานอนบนเตียงกับข้าก็ได้ คืนนี้ต้องลำบากเจ้าแล้ว” เหอลี่หมิงรู้สึกผิดอยู่หลายส่วนที่ต้องมาแย่งที่หลับนอนของเซี่ยเถิงเกา แต่จะให้นางทำเช่นไรได้ ในเมื่อมนุษย์โบราณผู้นั้นแย่งเตียงของนาง หากนับจากราตรีนี้ไปนางก็จะอาศัยอยู่ที่เรือนทิศตะวันออกอีกเพียงสองราตรีเท่านั้น แต่ที่เขาทำจงใจจะขับไล่นางออกจากเรือนก่อนที่จะถึงกำหนดชัดๆ คนใจดำ เหอลี่หมิงคิดอย่างหงุดหงิด นิสัยเดิมของนางในยามปกติ มิใช่คนที่จะโกรธเคืองผู้ใดง่าย นางใจเย็นยิ่งกว่าแม่น้ำในฤดูหนาว หากเพียงแต่ หวงเสี่ยวฉีทำให้นางอารมณ์ปะทุเดือดขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย จนตัวนางเองยังรู้สึกแปลกใจ และคงจะมีแต่เขาเท่านั้นที่ยั่วโทสะนางได้สำเร็จ แต่นางไม่ใส่ใจ อย่างไรเขาก็เข้ามาในนี้มิได้ ห้องนั้นนางก็ยกให้เขาแล้ว ยังต้องการสิ่งใดอีก เหอลี่หมิงคิดก่อนจะเอนตัวลงนอน เซี่ยเถิงเกาเข้ามาช่วยคลุมผ้าให้นาง สีหน้าของสาวใช้ยังคงเต็มไปด้วยความกังวล แต่เมื่อเหอลี่หมิงไม่สั่งให้นางเปิดประตู นางก็มิอาจทำเช่นนั้นได้ “แล้วเจ้าไม่นอนด้วยกันกับข้าหรือ” “คุณหนูนอนเถอะเจ้าค่ะ ข้าหาง่วงไม่” “งั้นก็แล้วแต่เจ้า” เหอลี่หมิงบอกเท่านั้น ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง เซี่ยเถิงเกาแสดงสีหน้าครุ่นคิด นางมิอาจหลับลงเพราะตอนนี้นางกำลังนับเลขอยู่ในใจ อีกประเดี๋ยวก็จะครบเวลาครึ่งเค่อ อู่ (5) ซื่อ (4) ซาน (3) เอ้อร์ (2) อี (1) พลั่ก! ตุบ! เซี่ยเถิงเกาสะดุ้งจนสุดตัว นางย่นคอจนปลายคางแทบจะชิดอก มิผิดจากที่นางคาดการณ์เอาไว้เลยสักนิด จังหวะนั้นเองเหอลี่หมิงที่ยังไม่ทันได้หลับสนิท ลุกพรวดพราดขึ้นมาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ดวงตาของนางมองไปทางประตูอย่างตื่นตระหนก นางเห็นประตูไม้ล้มลงบนพื้นห้อง มีบางสิ่งลักษณะคล้ายควันสีเทาจางๆ ลอยวนเล็กน้อย ก่อนจะเผยให้เห็นร่างของหวงเสี่ยวฉีที่ก้าวเข้ามา โดยมีจินชุ่ยเวยที่มีสีหน้าคล้ายกำลังร้องไห้ยืนเยื้องอยู่ทางด้านหลัง “นี่ท่าน! ท่านเข้ามาได้เช่นไร” ___________________________________________ *ซันปู๋ชวี่ คือกฎสามไม่หย่า ได้แก่ ภรรยาไร้ญาติให้พึ่งพิง ภรรยาเคยไว้ทุกข์ให้พ่อผัวแม่ผัวสามปี หรือในกรณีที่สามีภรรยาแรกอยู่ด้วยกันฐานะยากจน ต่อมาร่ำรวยขึ้น *หนึ่งเค่อเท่ากับสิบห้านาที ดังนั้นครึ่งเค่อก็เท่ากับเจ็ดนาทีกับอีกสามสิบวินาที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD