“นีนแกไหวไหม ถ้าไม่ไหวฉันว่า…”
กวินนาเหลือบสังเกตขณะหยิบทิชชูยื่นให้คนใจสลายเช็ดน้ำตา คำตอบจากริมฝีปากบางทำหล่อนอยากไปตะบันหน้าผู้ชายหัวใจ เท่ามด
“ไม่เป็นไรแก รับงานลูกค้ามาแล้วยังไงฉันต้องทำให้จบ ถ่ายคอนเทนต์รอบ ๆ งานแล้วก็พูดคุยนิด ๆ หน่อย ๆ ใช่ไหม” ก้อนเนื้อ ในอกข้างซ้ายแผ่วลงขณะประคองสติลุกยืน
“ลูกค้ามีรีเควสต์พิเศษตรงไหนรึเปล่าว่าอยากได้อะไร”
“เขากำชับว่าให้ถ่ายคอนเทนต์กับพรีเซนเตอร์ลงช่อง ฉันรับปากไปแล้วแต่ก็ไม่รู้มาก่อนว่าพรีเซนเตอร์วันนี้จะเป็น…” กวินนาอ้อมแอ้มบอก ลำคอแห้งผากทันทีเมื่อเห็นอนาคตอันเลือนราง
“โอเคฉันเข้าใจแล้ว งั้นเก็บบรรยากาศรอบงานก่อนค่อยเข้าไปคุยกับสองคนนั้นแล้วกัน” แววตาหม่นเศร้าหลุบต่ำพร้อมฝืนยิ้มการตลาดไม่ต่างกับนักแสดงมืออาชีพ การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งลูกค้าเป็นการแก้ปัญหาซึ่งโง่เขลาที่สุด
“ฉันขอโทษนะนีน”
“ขอโทษทำไมฉันทนได้อยู่แล้ว อย่าคิดมากเลย ขนาดคนทำผิดยังไม่ขอโทษฉันสักคำ”
“แต่ยังไงฉันก็รู้สึกไม่โอเคอยู่ดี”
“ช่างเถอะ เป็นไงหน้าฉันสวยพร้อมแล้วยัง” พูดจบใบหน้า รูปไข่ก็เงยให้ผู้จัดการส่วนตัวสำรวจความเรียบร้อยของเครื่องสำอาง ท่าทางกระปรี้กระเปร่าเก็บซ่อนอารมณ์ผิดหวัง จากนั้นก็หมุน ปลายเท้าไปทางพ็อปอัปสโตร์ นีนรตาหยิบสินค้าพูดถึงน้ำหอมในมือตามประสบการณ์ที่ตนได้สัมผัส เสียงหวานกอปรความเป็นธรรมชาติจากผู้รีวิวคือส่วนสำคัญซึ่งทำให้เพจเธอประสบความสำเร็จด้วยระยะเวลารวดเร็ว
นีนรตาก้มหน้าอ่านบรีฟต่อหลังตากล้องกดหยุดบันทึกเพื่อ รอแขกคนสำคัญ เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มไม่รู้เลยว่าตัวเองเย้ายวน ขนาดไหน ร่างอรชรในเกาะอกเผยผิวขาวผ่องราวหลอดไฟนีออน ดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบข้างให้พุ่งเป้ามองเธอตาเดียว
“ขอถ่ายรูปได้ไหมครับ”
ไม่เว้นแม้แต่พระเอกหนุ่มอีกคนที่ถูกเชิญมางานเช่นกัน เสียงทุ้มต่ำเอ่ยจากนั้นรอยยิ้มบนริมฝีปากหยักลึกจึงเผยพร้อม แววตาพราวระยับ
“ได้ค่ะ คุณอาคิน ?” นีนรตาย่นคิ้วก่อนตอบรับไมตรีที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ สมาร์ตโฟนเครื่องบางเปิดค้างไว้หน้าถ่ายภาพ
“ให้นีนเป็นคนเซลฟี่เหรอคะ”
“ผมหาองศาไม่ค่อยเก่ง ถ้านีนไม่ถือสาฝากด้วยนะครับ”
“ยินดีค่ะ” หญิงสาวเขยิบกายใกล้ดาราหนุ่มด้วยทีท่าสุภาพ ยิ้มหวานคลี่บาง ๆ ขณะมือกดชัตเตอร์ ภาพความใกล้ชิดของทั้งคู่ ทำเอาหลาย ๆ คนป้องปากกรีดร้องปนอิจฉา
เพราะปกติอาคินรักษาภาพลักษณ์หนุ่มโสดจะตาย พระเอก เจ้าเสน่ห์ไม่เคยเปิดเผยว่าสนใจผู้หญิงคนไหน แม้แต่คู่จิ้นก็ไม่มี
ทว่าความอบอุ่นเบื้องหน้ากลายเป็นถูกแช่แข็งทันตาเมื่อใคร อีกคนปรากฏตัว เจ้าของร่างสูงเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่าและท่าทางดุจเทพบุตร วงหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มตามธรรมชาติหากนัยน์ตา สีนิลกลับไม่เปล่งประกายตาม มันแข็งกระด้างตั้งแต่เห็นเมียตัวเองตกอยู่ในอ้อมกอดชายอื่น
“พร้อมกันแล้วยังคะ”
เสียงหวานและใบหน้าเปื้อนยิ้มบาง ๆ ไม่ช่วยให้นีนรตาดีขึ้นเลย เห็นเมลานีควงแขนคุณาวินแถมอีกฝ่ายยังยิ้มร่าต้อนรับหญิงสาวยิ่งปวดร้าว
แววตาแสนเศร้าเผลอลอบตัดพ้อวินาทีที่ทั้งสองเขยิบใกล้ชิดกัน ถ้าเลือกได้เธออยากหายไปจากตรงนี้และทำตัวไม่มืออาชีพ ทว่าในชีวิตจริงกลับไม่สามารถทำทุกสิ่งตามใจปรารถนา นีนรตาจึงภาวนาไม่ให้คุณาวินทำลายความสัมพันธ์ของเราไปมากกว่านี้
“ถ่ายด้วยกันเลยไหมล่ะ”
“ชวนเพราะอยากให้ร่วมเฟรมหรือหึงคนสวยครับคุณวิน”
“บ้าน่า คินก็พูดไป วินไม่คิดแบบนั้นหรอกคงกลัวเมย์เหนื่อยมากกว่า เมื่อเช้าตอนมาด้วยกันพอดีปวดหัวนิดหน่อย”
เมลานีหัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็ผินหน้าไปทางอื่นคล้ายกำลังเขินเสียเต็มประดา
“ขอดูสคริปต์คำถามคร่าว ๆ ก่อนนะครับ เรามีเวลาไม่มากเมย์ไม่ค่อยสบายวันนี้”
เห็นทีคำขอที่ภาวนาเมื่อครู่คงไม่สมหวัง นอกจากไม่รักษา คำพูดเย็นชายังทึ้งฉีกหัวใจดวงน้อยครั้งแล้วครั้งเล่า
“ค่ะ จริง ๆ พวกเราใช้เวลาไม่นาน คอนเทนต์ที่เตรียมไว้จะเป็นเกี่ยวกับเรื่องขำ ๆ ตอนพวกคุณถ่ายพรีเซนเตอร์มากกว่าค่ะ อาจจะมีแอบขายสินค้านิด ๆ หน่อย ๆ แค่นั้น นีนรับรองรีบถ่ายรีบจบไม่ เสียเวลานานแน่นอน”
“งั้นผมขอตัวก่อนดีกว่า ไม่อยากเป็นส่วนเกินแต่ยังไงก็ คอนเกรตกับคู่รักคู่ใหม่ด้วยนะครับ”
อาคินไม่ลืมทอดแววตาพราวระยับหลังพูดจบ มือแกร่งเอื้อม ตบบ่าเพื่อนก่อนหมุนปลายเท้าออกนอกวงสนทนา
“เริ่มเลยไหม”
“ได้ค่ะ”
นีนรตาพยักหน้ารับความเจ็บปวดแต่โดยดี เพราะรักจึงยอม หูหนวกตาบอด ไม่ยอมรับว่าชายหนุ่มกำลังเปลี่ยนไป เธอส่งสัญญาณให้ตากล้องก่อนเหลือบสังเกตเพื่อนก็พบว่ากวินนาถอนหายใจแล้วเบี่ยงกายไปทางอื่นราวภาพตรงหน้าน่าเวทนาสิ้นดี
“นอกจากผลิตภัณฑ์เก๋ ๆ หอม ๆ ในงานแล้ว วันนี้เรายังมาเจอกับพรีเซนเตอร์สุดฮอตของแบรนด์ คุณวิน คุณาวิน และเมย่า เมลานีค่ะ เป็นยังไงบ้างคะเล่าบรรยากาศพิเศษ ๆ ในการถ่ายทำคอลเล็กชันนี้ให้กับเพื่อน ๆ ช่องไปกับนีฟังหน่อยได้ไหม”
“ยินดีเลยค่ะ บรรยากาศการถ่ายทำเหรอจริง ๆ เพราะคอล-เล็กชันนี้เป็นธีมความรัก Flower of love มันเลยค่อนข้างโรแมนติกแต่ก็สนุกดีค่ะ การถ่ายทำครั้งนี้ถือว่าแปลกใหม่มาก” เมลานีอมยิ้ม
“ส่วนผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงานกับเมย่า แต่ครั้งนี้อาจจะพิเศษกว่าครั้งอื่น ๆ หน่อยเพราะเราเลื่อนสถานะ อันนี้พูดที่แรกก่อนสัมสื่อเจ้าไหนเลยนะ ถือว่าช่องคุณเอกซ์คลูซิฟสุด ๆ ไปเลย”
“วิน!” เมลานีตีวงแขนกว้างเบา ๆ จากนั้นแก้มใสทั้งสองข้างก็ค่อย ๆ แดงระเรื่อขณะสบตาคนพิเศษข้างกาย
“ช่างเป็นความรักที่น่าอิจฉาจังเลยนะคะ”
ดวงตาคู่งามสั่นระริกคล้ายสรรพสิ่งตรงหน้าพร่าเบลอเหมือนโลกหยุดหมุนชั่วขณะ ปกตินีนรตาเก็บความรู้สึกเก่งกว่าใคร ต่อให้ ฟ้าถล่มดินทลายเธอจะไม่แสดงด้านอ่อนไหวต่อหน้าผู้คนเด็ดขาด
“ขอบคุณครับ หวังว่าโอกาสหน้าพวกเราสองคนจะได้มาร่วมสนุกในช่องคุณอีก ฝากแฟน ๆ ติดตามคอลเล็กชัน Flower of love ด้วยนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยจบก็ระบายยิ้มหวาน เมื่อคุณาวินต้องการให้เราเป็นแค่คนรู้จัก นีนรตาจะทำอะไรได้นอกเดินตามทางที่เขาปูไว้อย่างโง่งม
“ค่ะ ยินดีกับความรักของพวกคุณด้วยนะคะ”
คนตัวเล็กขับไล่ความอ่อนไหวในแววตา จากนั้นเวลาไม่กี่นาทีต่อมาคลิปดังกล่าวก็เสร็จสิ้น ชายหนุ่มรับทิชชูจากผู้จัดการส่วนตัวแล้วซับเบา ๆ ตรงหน้าผากของคนที่เขาบอกว่าเป็นคู่รัก ทั้งสองส่งผ่านความอบอุ่นผ่านแววตา ราวกับบริเวณนี้มีเพียงแค่พวกเขา สองคน
“นีน” กวินนาจ้ำอ้าวพยุงนีนรตาทันควันคล้ายเกรงว่า เพื่อนสนิทอาจจะล้มลง
“กลับบ้านกัน ฉันเหนื่อยแล้ว”
หญิงสาวจับมือพลางสบตาคนข้างกาย ความเศร้าโอบล้อมดวงตาสีน้ำตาลจนเธอหลุบมองพื้น ปฏิเสธไม่ได้ทุกวินาทีที่ เดินออกมาภาพสามีและผู้หญิงคนนั้นกลับเกาะติดนีนรตาไม่ต่างจากเงา ยิ่งเธอหนีห่างพวกเขายิ่งไล่ตามไม่จบไม่สิ้น
หลังจบภารกิจที่งานอิเวนต์ นีนรตาร้องไห้เพียงลำพังทันที ที่ร่างกายสัมผัสเบาะ ใบหน้าหวานฟุบลงอย่างไร้เรี่ยวแรงหยาดน้ำซึ่งคลอหน่วยทั้งสองข้างเปื้อนหมอนกระทั่งเผลอหลับไปในที่สุด ผ่านไปหลายชั่วโมงเสียงดับเครื่องยนต์ภายนอกกลับปลุกให้หญิงสาวรู้สึกตัว แพขนตาเปียกชุ่มและดวงตาบวมเป่งจึงค่อย ๆ เปิดขึ้นขณะแสงจันทร์ดวงน้อยสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างมูลี่
“ดื้ออีกแล้ว”
ริมฝีปากบางบ่นพึมพำ คงจะเป็นกวินนาอีกตามเคย ก่อน แยกย้ายกันไปพักผ่อน ทั้งสองยื้อกันกว่าหลายชั่วโมงเมื่อหล่อน ไม่ยอมกลับบ้านสักที กวินนาอ้างว่าเป็นห่วงจึงอยากขนเสื้อผ้ามาอยู่ด้วยคืนนี้ให้อุ่นใจ แต่นีนรตาส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะอีกฝ่ายหัวเสียให้กับปัญหาความรักระหว่างตนและคุณาวินมามากเกินพอ
เธอเป็นคนเลือกผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตเองทั้งที่เพื่อนไม่เห็นด้วย ฉะนั้นกวินนาจึงไม่ใช่ถังขยะรองรับความเสียใจ นอกจากหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวซึ่งกวินนาดูแลอย่างดี อีกฝ่ายก็มีปัญหาภายในครอบครัวตัวเองเช่นกัน มารดากวินนาป่วยด้วยโรคเรื้อรังนาน ตลอดปี แถมน้องชายวัยมหาวิทยาลัยก็ก่อเรื่องเตะต่อยราวเด็ก ไม่รู้จักโต
นีนรตาย่นหน้าจากนั้นก็ควานเปิดสวิตช์ไฟข้างหัวเตียง มือหยิบสมาร์ตโฟน พอพบมิสคอลของคนใจร้ายก็ได้แต่แสยะยิ้มพลางตัดพ้อในใจ
คุณาวินสร้างความเจ็บช้ำให้กันไม่พอหรือไง ทำไมเขาไม่ให้เธอใช้เวลาเคลียร์ตะกอนตกค้างออกไปบ้าง พอคิดได้เช่นนั้นนิ้วเรียวจึงกดปัดทุกความน่ารำคาญทิ้ง พาตัวเองออกนอกห้องนอน กวินนามาถึงเวลานี้อาจจะซื้อสุกี้เจ้าประจำมาฮีลใจ
สองเท้าก้าวลงบันไดไม่ทันสัมผัสพื้นไม้ ภาพตรงหน้าส่งผลให้เธอชะงักค้าง นีนรตาเบือนหน้าหนีจากนั้นก็เบี่ยงตัวไปทางครัวเพราะชายหนุ่มที่ไม่คาดหวังว่าจะได้เจอกลับจังก้าอยู่บนโซฟา
“จะไปไหน คุยกันก่อนนีน!”
เจ้าของร่างสูงก้าวเข้ามาประชิดตัวเธอ มือแกร่งดึงแขนจน แผ่นหลังบอบบางปะทะหน้าอกเขา
“บอกให้หันมาคุยกันก่อนไง ไม่งั้นวินอุ้มนะ”
“อุ้มบ้าอะไร วินเลิกทำแบบนี้กับนีนสักทีได้ไหม เห็นนีนโง่มากหรือไง!”
นีนรตาผลักแผ่นอกแกร่งขณะความอดทนคล้ายต่ำลงทุกที แววตาสั่นระริกมองหน้าอีกฝ่ายไม่ต่างกับเปิดเปลือยความรู้สึกจากนั้นจึงสูดลมหายใจแล้วเอ่ยสิ่งที่เก็บงำ
“วันนั้นที่วินบอกนีนว่าถ้าไม่รักแล้วนีนจะยอมเลิกกับวินไหม วันนี้นีนมีคำตอบให้แล้วนะ”
“หมายความว่าไง” แววตาขุ่นเคืองตวัดตำหนิผู้พูด ราวมี เสียงหนึ่งตะโกนแทรกเข้ามาในโสตประสาท ถ้าไม่ยื้อนีนรตาตอนนี้เขาอาจเสียหญิงสาวไปตลอดกาล
“นีน วิน…”
“พอกันแค่นี้เหอะวิน อิสระที่วินอยากได้วันนี้นีนยอมคืนให้แล้วนะ”