“หมอก...”
เสียงกระซิบที่แผ่วเบายังคงเคลียคลออยู่ข้างหู ช่วยปลุกเร้าอารมณ์คุกรุ่นภายในของหมอกให้ตื่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“..อ่า...ซี๊ดดด!”
เสียงสูดปากนั้นหลุดออกมาจากลำคอหนา เมื่อมือบางที่นุ่มนวลและคุ้นเคยกำลังลูบไล้อย่างแผ่วเบาไปตามแผงอกของเขาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหลายมัด สัมผัสนั้นช่วยเพิ่มความเคลิบเคลิ้มให้ทวีคูณยิ่งขึ้นไปอีก
“หมอก...”
เสียงนั้นเรียกชื่อเขาอีกครั้ง คล้ายจะกระตุ้นให้ตื่นขึ้นจากห้วงภวังค์อันแสนลึก แต่เขากลับรู้สึกอยากจะจมดิ่งลงไปในความฝันนั้นให้นานเท่านานเสียมากกว่า
“อืมม...”
หมอกส่งเสียงอื้ออึงอีกครั้ง ก่อนที่เสียงเรียกครั้งต่อมาจะทำให้เขาต้องสะดุ้งโหยง
“ไอ้หมอก!!!”
เสียงตะโกนดังก้องลั่นห้อง แทบจะกระชากวิญญาณของหมอกให้ได้ดึงสติกลับมาสู่ความเป็นจริง ประหนึ่งถูกสายฟ้าฟาดทำลายความฝันอันแสนหวานให้สิ้นไปในพริบตาเดียว หมอกที่กำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความสุขสะดุ้งสุดตัว ลืมตาและดีดตัวขึ้นมานั่งหลังตรงบนโซฟาอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย! อะ...อ้าว ไอ้เมฆ! สะ เสียงดังทำไมวะ ตกใจหมด!”
หมอกละล่ำละลักเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อคนที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่เรือนร่างของคนที่กำลังเย้ายวนเขาอยู่เมื่อครู่นี้ แต่กลับเป็นใบหน้าคมเข้มของ เมฆ ม่านเมฆ พี่ชายฝาแฝดของเขาเอง ที่กำลังยืนกอดอกมองเขาด้วยแววตาจับผิด
หมอกกวาดสายตาไปทั่วบริเวณห้องนั่งเล่นที่เขาเพิ่งตื่นขึ้นมาเพื่อมองหาช่อแก้ว แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าไร้ร่องรอย ไม่มีใครอื่นนอกจากเขากับเมฆ
“ก็ใช่อ่ะดิ คิดว่าเป็นใครวะ นี่ฝันอยู่หรือไงถึงได้ทำท่าทำทางแปลก ๆ”
เมฆเลิกคิ้วพลางเอ่ยถามด้วยความด้วยความประชดอยู่เบา ๆ เพราะเมื่อเขากลับมาถึงบ้านก็เห็นหมอกมานอนหลับอยู่บนโซฟาตัวโปรด ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว นับตั้งแต่ช่วงที่หมอกเริ่มทำวิทยานิพนธ์อย่างหนักหน่วงจนแทบไม่มีเวลานอน แต่ครั้งนี้ต่างออกไปตรงที่เขาได้ยินเสียงครวญครางชวนสยิวซะจนอดแซวไม่ได้
“เออ คงงั้น...มั้ง ไม่รู้ว่ะ”
หมอกตอบกลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก เขายังคงสับสนในตัวเองอย่างหนัก พยายามก้มหน้าลงครุ่นคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อครู่ ภาพความฝันนั้นยังคงชัดเจนราวกับเกิดขึ้นจริง สีหน้าของเขานิ่งอึ้งคล้ายมีอาการช็อกไม่หาย
‘อย่าบอกนะว่าทั้งหมดเป็นแค่... ความฝัน’
“ฝันจริงด้วย”
เมฆยกยิ้มกริ่มทำทีจะล้อเลียน เมื่อสายตาของเขาสังเกตเห็นบางอย่างที่ทำให้เขายิ่งมั่นใจในสิ่งที่คิด แต่หมอกที่ไม่เข้าใจสายตาของอีกฝ่ายก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เขาไม่รู้ว่าทำไมพี่ชายฝาแฝดของเขาถึงทำท่าทางเจ้าเล่ห์เช่นนั้น
“ฝันเปียกฟิน ๆ เลยดิ”
เมฆโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงต่ำพลางส่งสายตาจับจ้องไปตรงเป้ากางเกงลำลองขายาวสีเทาของหมอก ที่ตอนนี้เปียกชื้นเป็นวงกว้างอย่างเห็นได้ชัดจนแทบจะทะลุเนื้อผ้าออกมา
“เชี่ย!!!!”
หมอกร้องอุทานเสียงหลง สีหน้าของเขาแดงเถือกขึ้นมาทันทีด้วยความอับอาย เขารีบเอามือกุมเป้ากางเกงเพื่อปกปิดร่องรอยจากความฝันอันเร่าร้อนไว้ ก่อนจะรีบดีดตัวลุกจากโซฟาแล้ววิ่งขึ้นบันไดกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองอย่างรวดเร็ว โดยไม่หันกลับมามองเมฆอีกเลย
“ฝันว่าโจ๊ะพรึม ๆ อยู่หรือไงวะหมอก! ฝันเปียกขนาดนี้ต้องใช่แน่ ๆ! ไปล้างให้เรียบร้อยนะเว้ย!”
เมฆที่ตะโกนไล่หลังมาหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี เขามั่นใจว่าหมอกต้องฝันว่ากำลังมีเซ็กซ์อยู่เป็นแน่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าผู้หญิงในฝันคนนั้นจะเป็นใครกันนะ ที่ทำให้น้องชายฝาแฝดของเขาฝันไปไกลได้ถึงขนาดนี้
เสียงน้ำจากฝักบัวดังซู่ซ่าในห้องน้ำกว้าง หมอกกำลังยืนนิ่งปล่อยให้น้ำเย็นฉ่ำจากฝักบัวไหลรินชโลมทั่วร่าง รวมทั้งคราบเหงื่อไคลที่ซึมออกมาจากเป้า ความฝันและความมึนงงจากการตื่นนอนอย่างกะทันหันถูกชะล้างออกไปพร้อมกับสายน้ำเย็นเฉียบ ไม่นานเขาก็ก้าวออกมาจากใต้ฝักบัว แล้วหยิบผ้าขนหนูสีขาวสะอาดผืนใหญ่นุ่มฟูมาซับหน้าและเส้นผมสีเข้มที่เปียกชื้น ก่อนจะพันมันไว้รอบสะโพก ร่างกายของหมอกนั้นเต็มไปด้วยกล้ามหน้าท้องที่แข็งแรงและกระชับขึ้นรูปจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
หมอกเดินมายืนหยุดอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ตรงเคาน์เตอร์อ่างล้างมือที่ทำจากหินอ่อน มองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกเงา ใบหน้าคมคายนั้นดูหล่อเหลาเอาการมาก ทว่านัยน์ตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความสับสนไม่หาย
แม้จะเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ความรู้สึกที่ได้รับกลับเหมือนจริงจนน่าประหลาดใจ ร่างเย้ายวนของช่อแก้วในความฝันยังคงตราตรึงอยู่ในห้วงความทรงจำของเขาอย่างชัดเจน ความรู้สึกร้อนรุ่มยังคงแผ่ซ่านอยู่ทั่วร่างกาย หมอกผ่อนลมหายใจร้อนผ่าวออกมาอย่างช้า ๆ พยายามควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจที่ยังคงเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่ดวงตาของเขาจะยิ่งสับสนหนักกว่าเดิม เขาเผลอยกมือขึ้นลูบไล้ริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ราวกับยังสัมผัสได้ถึงรสจูบในความฝันนั้น แล้วความคิดก็ย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีต วันที่เขาได้เจอเธอ และได้เป็นเพื่อนกัน เติบโตมาด้วยกัน เป็นความผูกพันที่ก่อร่างสร้างตัวมาตลอดหลายปี
หมอกยังคงจำภาพนั้นได้ดีราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ภาพเรียวขาเล็กบอบบางของเด็กหญิงวัยเก้าขวบที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความรุนแรงจากการถูกทุบตีอย่างโหดเหี้ยมโดยแม่เลี้ยงใจร้าย เพียงเพราะความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการทำจานตกแตก หรือออกไปเล่นเพลินจนลืมทำงานบ้านที่ได้รับมอบหมาย มันเป็นภาพที่บาดลึกในหัวใจของหมอกเสมอมา เขาจำได้ดีถึงความเจ็บปวดและความหวาดกลัวที่ฉายชัดในแววตาของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้น ที่ทำให้เขาอยากจะยื่นมือเข้าไปปกป้องเหลือเกิน