ตอนที่ 4 ห้วงแห่งความทรงจำ

1409 Words
วรา เฌอสลัล คุณพ่อผู้ใจดี และ มุก มุกไหม คุณแม่ผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตาของหมอกกับเมฆ ไม่อาจทนดูการกระทำที่ทารุณโหดร้ายเช่นนี้ได้อีกต่อไป พวกเขาตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยเด็กหญิงคนนั้นอย่างสุดความสามารถ พยายามเจรจากับผู้เป็นพ่อแท้ ๆ แต่กลับไม่มีคำว่าเปลี่ยนใจเลยสักนิด ทั้งจากนายชัย ผู้เป็นพ่อแท้ ๆ และ นางบุษ แม่เลี้ยงใจร้าย ทว่าสองคนผัวเมียเป็นคนที่เห็นแก่เงินมากกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้ เมื่อเงินมันมีอำนาจล้นฟ้า สามารถซื้อได้ทุกอย่างในสายตาของพวกเขา เงินหนึ่งล้านบาทจึงเป็นข้อแลกเปลี่ยนอันแสนเลวร้ายกับการยก ช่อ ช่อแก้ว ให้เป็นลูกบุญธรรมของ ฟลอยด์ อดีตบอดี้การ์ดคนสนิทที่ซื่อสัตย์ของครอบครัว และ ปุ้ย อดีตพี่เลี้ยงที่ผูกพันกับเมฆกับหมอกมาตั้งแต่เด็ก พวกเขาตกลงรับช่อแก้วมาดูแลภายใต้เงื่อนไขสัญญาที่ระบุอย่างชัดเจนว่านายชัยไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใด ๆ จากช่อแก้วในภายภาคหน้าอีกต่อไป และจะได้รับเงินก็ต่อเมื่อการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมเสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น ภาพอันน่าเวทนานั้นยังคงฝังลึกในความทรงจำของหมอก ภาพของลูกสาวตัวน้อย ๆ ที่กอดขาขอร้องอ้อนวอนผู้เป็นพ่อและไม่ยอมไปอยู่กับคนอื่น ใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยคราบน้ำตาและเสียงสะอื้นที่ไม่สามารถกลั้นไว้ได้ แต่ก็ยังได้รับการผลักไสอย่างไร้เยื่อใยจากผู้เป็นพ่ออย่างเลือดเย็น สุดท้ายแล้วจำต้องใช้วิธีฝืนใจ ฟลอยด์อุ้มช่อแก้วออกมาจากบ้านของพ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยง “มะ ไม่เอา! หนูไม่ไปนะ พ่อ!” ทว่าร่างเล็กก็ยังดิ้นรนหวีดร้องปานจะขาดใจ ไขว่คว้าหาพ่อบังเกิดเกล้าด้วยมือเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยรอยแผลและรอยช้ำจากการถูกทำร้าย ถึงแม้จะไม่ได้รับการแยแสเลยแม้แต่น้อยก็ตาม เพราะเงินหนึ่งล้านบาทมันหอมหวนเย้ายวนใจมากกว่าสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ทำให้ตัดขาดลูกน้อยได้อย่างง่ายดายและไร้หัวใจสิ้นดี แม้เวลาจะผ่านมาสิบกว่าปีแล้วก็ตาม แต่เรื่องราวเหล่านี้ก็คือจุดเริ่มต้นของความเป็นเพื่อนของเขากับช่อแก้วที่ได้เติบโตมาด้วยกันอย่างใกล้ชิด จากความเห็นอกเห็นใจและความรักที่บริสุทธิ์ของคนรอบข้าง จนกระทั่งเขาต้องเดินทางมาเรียนต่อระดับไฮสคูลที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และตอนนี้กำลังจะเรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ เพื่อกลับมาสืบทอดกิจการของครอบครัว “ช่อแก้ว...จะรู้บ้างไหมนะว่าเพื่อนคนนี้มันคิดไปไกลถึงไหนแล้ว” หมอกพึมพำกับตัวเอง เขาแอบชอบเธอมาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม ตั้งแต่หัวใจเริ่มรู้จักความรู้สึกที่ซับซ้อนและลึกซึ้งยิ่งกว่ามิตรภาพ และเขาก็ต้องการเป็นมากกว่าเพื่อนมาโดยตลอด แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่กล้าคิดไปเอง ไม่กล้าก้าวข้ามเส้นบาง ๆ นั้นที่กั้นกลางระหว่างความรู้สึกของเขากับเธอ เขารู้สึกเหมือนตัวเองติดอยู่ในสถานะเฟรนด์โซน และไม่สามารถเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนเป็นแฟนได้เลย ทั้ง ๆ ที่ความรู้สึกในใจมันล้นปรี่จนแทบจะระเบิดออกมาอยู่ทุกวัน “เฮียหมอก!” เสียงอ่อนเสียงหวานเจื้อยแจ้วของ ฟ้า ฟ้าลดา และ ฝน ฝนธิดา น้องสาวฝาแฝดจอมแสบของหมอกกับเมฆที่ยังเรียนไฮสคูลอยู่ สาวน้อยทั้งสองคนต่างวิ่งปรี่เข้ามาควงรอบแขนของหมอกคนละข้างทันที “นี่เฮียยังมีตัวตนอยู่ไหม หืม” เมฆที่กำลังง่วนอยู่กับการทาแยมบนขนมปังแผ่นโปรดแสร้งทำเป็นน้อยใจที่น้องสาวฝาแฝดเห็นตัวเองเป็นเหมือนหัวหลักหัวตอ พลางส่งขนมปังปิ้งเข้าปากอย่างไม่ยี่หระกับการประท้วงของน้องสาว “มีสิคะ!” เสียงใส ๆ ของสองสาวตอบพร้อมกัน แต่คนที่พวกเธอยังคงให้ความสนใจและรุมล้อมอยู่ก็ยังคงเป็นเฮียหมอกที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำอยู่ดี “ถ้าเฮียหมอกกลับไทย หนูต้องคิดถึงมากแน่ ๆ” เสียงเศร้า ๆ ของฟ้าพูดพร้อมซบหน้าลงบนแขนของหมอกอย่างออดอ้อน “ส่วนหนูก็ต้องเหงาม๊ากมากเลยด้วย” เสียงของฝนก็เศร้าไม่ต่างกัน เธอเองก็ซบหน้าลงบนแขนอีกข้างของหมอกเช่นกัน ราวกับกำลังจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ “ดีใจล่ะสิไม่ว่า ที่ไม่มีคนคอยคุมน่ะ” หมอกแกล้งเอ่ยแซวกลับพลางลูบผมของน้องสาวเบา ๆ ก็ในเมื่อคนหล่อมันดีต่อใจ สองน้องสาวจอมแสบจึงมักหาเรื่องหนีเที่ยวไปหาสิ่งที่ทำให้เจริญหูเจริญตา ให้คนเป็นพี่ต้องปวดหัวเวียนหัวเป็นประจำจนชิน “ลืมไปหรือเปล่าว่ายังมีคนคอยคุมอยู่ตรงนี้อีกคนน่ะ” เมฆที่เคี้ยวขนมปังตุ้ย ๆ เอ่ยแทรกขึ้น เขายังไม่ได้เดินทางกลับประเทศไทยพร้อมหมอกในครั้งนี้ เพราะเลือกเดินกันคนละเส้นทาง ตัวเขาเองมุ่งมั่นที่จะเป็นนักบินและจุดมุ่งหมายอีกหนึ่งอย่างก็คือเป็นเจ้าของสายการบินในอนาคต จึงยังต้องเก็บเกี่ยวชั่วโมงบินควบคู่ไปกับการเรียนธุรกิจการบินอย่างหนัก ส่วนหมอกเรียนจบด้านบริหารธุรกิจโดยตรง เพื่อสืบทอดตำแหน่งท่านประธานบริษัท Captivating W Enticing Co.,Ltd. ซึ่งเป็นธุรกิจใหญ่ของครอบครัวที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว “คิดจะคุม ก็คุมน้องให้อยู่ ไม่ใช่น้องหายออกจากบ้านไปตอนไหนก็ไม่เคยรู้” หมอกโต้กลับทันควัน “คอยดูเถอะ จะเข้มงวดให้ดู! อย่าหวังว่าจะได้ออกไปลั้ลลาได้อีก คอยดู!” เมฆทำเสียงเข้มพร้อมทำหน้าโหด ๆ อย่างหาเรื่อง แต่กลับไม่ได้ทำให้น้องสาวรู้สึกกลัวเลยสักนิด แต่ในทางตรงข้าม หากเป็นหมอกที่ทำเสียงเข้มขึ้นมาเมื่อไหร่ ทั้งคู่จะเกรงมากกว่าหลายเท่าตัว “น่ากลัวจริง ๆ เลย ขนลุกมากนะเนี่ย แบร่~” ฟ้ากับฝนลอยหน้าลอยตา ก่อนจะแลบลิ้นใส่เฮียเมฆที่ทำเป็นเข้มดุอย่างไม่เกรงกลัว ราวกับจะบอกว่าทำอะไรพวกเธอไม่ได้หรอก “โทรหาแม่มุกดีกว่า จะฟ้องว่าเมื่อวานลูกสาวแอบไปส่องหนุ่มที่ Bleecker Street” เมฆพูดจบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยชื่อสถานที่ที่น้องสาวแอบไปเที่ยว ซึ่ง Bleecker Street เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างตะวันออกกับตะวันตกในเขต Lower Manhattan เมืองนิวยอร์ก ปัจจุบันถนนสายนี้มีชื่อเสียงมากที่สุดในฐานะย่านไนต์คลับและสถานบันเทิงยามค่ำคืน และแค่เอ่ยชื่อแม่มุกที่พวกเธอเกรงกลัวก็ช่วยลดความดื้อของน้องสาวได้แล้ว “พวกหนูไปซื้อเสื้อผ้าเองนะ!” ฟ้ากับฝนร้อนตัวขึ้นมาทันที เธอรีบแก้ตัวอย่างร้อนรน พยายามหาข้ออ้างที่ฟังดูเป็นไปได้ “ตอนสองทุ่มเนี่ยนะ” เมฆยื่นโทรศัพท์ที่หน้าจอปรากฏชื่อ แม่มุก พร้อมกับรูปโปรไฟล์น่ารัก ๆ ไปให้น้องสาวจอมแสบทั้งสองคนเห็นเต็มสองตา “เฮียเมฆขา” สองสาวเข้าไปออดอ้อน กะพริบตาปริบ ๆ เรียกคะแนนความสงสารขั้นสุด ราวกับเป็นแค่ลูกแมวตัวน้อย ๆ ที่กำลังอ้อนขอขนม “จะรีบเที่ยวไปไหนกัน รอให้อายุถึงก่อนค่อยเที่ยวก็ได้ ไม่มีใครว่าหรอก” หมอกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังและแฝงไปด้วยความเป็นห่วงใย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หมอกห่วงน้องสาวมากที่สุด และหากต้องกลับไปอยู่ไทยถาวร เขาก็ไม่อยากกังวลเพราะเป็นห่วงน้องสาวในเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว “ก็ได้…เข้าใจแล้วค่ะ” สองสาวตอบเสียงอ่อนลงทันที พลางทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย แต่ก็ยอมจำนนในที่สุด ลึก ๆ แล้วพวกเธอก็แค่อยากออกไปเปิดโลกกว้างบ้าง อยากสัมผัสชีวิตอิสระเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ แต่อย่างน้อยพวกเธอก็เข้าใจความเป็นห่วงของพี่ชายทั้งสองคนดี และรับรู้ถึงความรักที่พวกเขามีให้เสมอมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD