นิกษาซึ่งอยู่มุมหนึ่งภายในงานยื่นมือไปสะกิดท่อนแขนแข็งแรงของคนเป็นสามียิกๆ แม้ว่าตอนนี้สายตาของเธอกำลังจับจ้องไปบนเวทีที่มีร่างของฟลินน์และหญิงสาวที่กำลังตอบคำถามของพิธีกรสาวผิวสีบนเวทีอยู่ก็ตาม
“แดนคะ!”
“ครับ?”
ดาเรนที่กำลังจิบแชมเปญและมองไปบนเวทีเช่นเดียวกันหันมาตามเสียงเรียกของคนเป็นภรรยา
“ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่คุณพูดถึงใช่ไหม?”
เขาล่อเธอให้ออกมางานที่ผู้คนล้นหลามเพราะรู้ว่าเธออยากรู้ว่าผู้หญิงที่โชคร้ายของเพื่อนสนิทของเขาคือใคร และการไปปรากฏตัวของหญิงสาวคนหนึ่งบนเวทีและฟลินน์ที่แม้จะมีทำหน้าเรียบเฉย แต่อาการหงุดหงิดในท่าทางและสายตาของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่ปกปิดได้จากคนสนิทและรู้จักเขามานานหลายปีอย่างเธอ
“ใช่เลยที่รัก”
ดาเรนตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ปกปิดไม่อยู่ ดวงตาสีมรกตของเขาเป็นประกายวิบวับด้วยความขบขัน นิกษามองไปทิศทางเดียวกับที่สามีมองอยู่ก็ย่นคอเมื่อหญิงสาวตรงหน้าตอบคำถามที่สร้างความฮือฮา แต่เธอกลัวใจแทนคนตอบ เพราะเพื่อนสนิทของครอบครัวตอนนี้หันขวับไปจ้องมองเจ้าหล่อนด้วยสายตาดุจัด รอบตัวของฟลินน์ราวจะเรืองรองไปด้วยไฟโทสะที่พุ่งพล่านขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“ฉันกลัวเพื่อนคุณหักคอเธอจังเลย”
“ไม่หรอกน่า...” ดาเรนกลับเป็นฝ่ายปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย “ฟลินน์ไม่ทำร้ายผู้หญิง แล้วอีกอย่างเธอแสบกว่าที่คิดมากนะจ๊ะ”
เขาบอกอย่างคนที่รู้อะไรดีๆ และบอกตามตรงว่าเขาพึงพอใจกับผลงานที่เธอสร้างเอาไว้ครั้งนี้มากทีเดียว
สำหรับฟลินน์...ต้องเจอคนแบบนี้แหละถึงจะเหมาะสมแล้ว!
“ฉันก็หวังว่าเธอจะทำสำเร็จนะคะ” นิกษาที่รับรู้สิ่งที่สามีลงมือทำก่อนจะมางานนี้เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่พยายามห้ามเอาไว้เมื่อคิดถึงความปั่นป่วนที่ฟลินน์จะได้รับ “ดูแล้วพวกเขาก็เหมาะสมกันดีนะคะ คุณก็คิดอย่างนั้นใช่ไหมถึงได้ทำแบบนี้”
เธอย้อนถามดาเรนด้วยความรู้เท่าทันและไม่ผิดหวังเมื่อเขาตอบรับพร้อมกับรอยยิ้ม
“ใช่จ้ะ แต่คุณไม่ควรลืมว่าผมสนุกกับมันมากนะ” มันเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งฝูง ได้ช่วยฟลินน์ ช่วยกรินเดล แถมเขายังได้เอาคืนมันเล็กๆ น้อยๆ ในระยะหลายปีที่ต้องทนมันถากถางเขาเรื่องการมีครอบครัว เขารู้ว่ามันทั้งยินดีและอิจฉา และมันก็เหงาที่เขามีนิกษา เขาหวังดีและรักมันจริงๆ นะถึงได้ทำอย่างนี้ “…ถึงได้ลงทุนขนาดนี้ แม้ว่าจะเสียดายเงินหกแสนห้าแค่ไหนก็ตาม ทั้งๆ ที่ผมบอกเธอแล้วว่าไม่ควรให้ค่าตัวไอ้ฟลินน์สูงเกินไป”
ตอนท้ายเขาอดบ่นไม่ได้ คนอย่างไอ้ฟลินน์นี่ จริงๆ ใช้เงินสิบ
ดอลล่าร์ประมูลมันมาก็ถือว่ามากเกินไปแล้ว! มาริสาคิดยังไงถึงผลาญเงินเขาไปตั้งหกแสนห้า! เขาจะต้องส่งข้อความไปย้ำกับเธออีกหลายๆ รอบเลยว่าต้องออกใบกำกับภาษีเพื่อใช้ลดหย่อนให้ได้! อ้อ…แต่ตอนนั้นต้องไม่ให้ไอ้ฟลินน์จับได้ด้วยว่าเขาอยู่เบื้องหลังมาริสา!
“คุณนี่ล่ะก็!” นิกษาตีมือลงกับท่อนแขนล่ำภายใต้สูททักซิโดของสามีอย่างหมั่นไส้ “เงินแค่นี้เอง”
เขาเคยใช้เงินซื้อไอ้ภาพอะไรก็ไม่รู้ตั้งล้านห้าตาไม่กะพริบ เธอมองมันในห้องทำงานของเขาเกือบทุกวันยังไม่เข้าใจความสวยเลย! กะอีแค่หกแสนห้าจะมาบ่นเสียดายทำไมกัน! ยังไงเขาก็อยากจะบริจาคให้งานนี้อยู่แล้ว!
---------------------------
ทันทีที่ถูกปล่อยตัวลงจากเวที พร้อมกับต้องฝืนยิ้มและคล้องแขนหญิงสาวไปตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่ต้องอยู่ภายในงานและทักทายผู้คนที่ทั้งกล้าและลองเลียบๆ เคียงๆ ถามเขาในเรื่องที่ยายปีศาจโรคจิตประกาศก่อนหน้า พอเริ่มไม่เป็นที่จับจ้อง ฟลินน์ก็เปลี่ยนจากการแตะประคองเธออย่างสุภาพเปลี่ยนเป็นลากเธอออกไปจากห้องจัดงาน ด้วยความชำนาญในพื้นที่เขาลากเธอไปยังมุมอับหนึ่งที่ดูห่างไกลจากงาน
พอแน่ใจว่าที่แห่งนี้จะไม่มีใครมารบกวน ฟลินน์ก็เหวี่ยงร่างเล็กที่เขายึดจับข้อมือของเธอเอาไว้มั่นเข้าไปในซอกนั้นทันที ก่อนจะตามเข้าไปคุกคามเธอด้วยสีหน้าบึ้งตึงและเต็มไปด้วยความโกรธจัดซึ่งอัดแน่นสะสมตามระยะเวลาที่ผ่านมาหลังจากที่เธอขึ้นไปประกาศว่าเขาคือ ‘คนรัก’ บนเวทีนั่น
“เธอทำบ้าอะไรของเธอยายประสาท!”
ชายหนุ่มตะคอกถาม แต่เพราะกลัวว่าจะมีใครบังเอิญได้ยิน จึงไม่สามารถใช้เสียงได้ดังเท่าที่ควร
ทว่าแทนที่จะกลัว มาริสากลับยิ้มเพราะเตรียมใจเอาไว้แล้ว เธอจึงไม่ได้สะทกสะท้านกับความโกรธของเขา แถมคลี่ยิ้มหวานส่งให้ชายหนุ่มพร้อมกับตอบเขาหน้าตาเฉยว่า
“เบาสิคะ ฉันเจ็บนะ”
“ด้านขนาดนี้เจ็บเป็นด้วยเหรอ!”
คำพูดร้ายกาจของเขาไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอะไรทั้งสิ้น หญิงสาวยักไหล่ ก่อนจะตอบโต้กลับไปว่า
“โห... ด่าซะจนฉันคิดว่าตัวเองควรทำจากเหล็กจะได้ไม่รู้สึกเจ็บเวลาคุณบีบแขนฉันแรงขนาดนี้”
ไม่พูดเปล่า เธอยกมือขึ้นลูบข้อมือเล็ก ตอนนี้ขึ้นรอยแดงเป็นริ้วจากนิ้วมือแข็งแรงของฟลินน์ซึ่งบีบเธอแน่นชนิดไม่ออมแรงเมื่อครู่ที่ผ่านมา
“มารีน!”
ฟลินน์ตะคอกเรียกชื่อเธออย่างสิ้นความอดทน ซึ่งมาริสาได้แต่ฉีกยิ้มกวนประสาท
“ขอบคุณที่ยังจำชื่อฉันได้”
ชายหนุ่มเห็นรอยยิ้มระรื่น ไม่มีความรู้สึกสำนึกผิดหรืออะไรสักอย่างบนใบหน้าเรียวรูปไข่ของหญิงสาวก็ยิ่งหงุดหงิดจนเกือบจะยื่นมือไปบีบคอเล็กๆ ของเธอแล้ว!
“เลิกกวนประสาทฉันได้แล้ว เธอเป็นบ้าอะไรถึงได้ตามมาก่อกวนชีวิตฉันแบบนี้ หา!”
“ฉันก็บอกคุณไปตั้งแต่งานวันเกิดของคุณแล้วว่าฉันต้องการอะไรจากคุณ”
เขาจำได้แม่นเลยล่ะว่าเธอประกาศเอาไว้ว่าอยากจะเป็น ‘เมีย’ ของเขา!
เขาไม่เคยคิดจะแต่งงาน ไม่อยากมีลูก ไม่ต้องการพันธะสมรสหรืออะไรทุกๆ อย่างทั้งนั้นแหละ! สิ่งที่เธอประกาศมันคือเรื่องเพ้อเจ้อสิ้นดี!
“เธอคิดว่าฉันจะยอมง่ายๆ เหรอ” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าไปชิดเธอ ต้อนหญิงสาวจนเธอจนมุมที่จะหนี ชายหนุ่มใช้สองแขนค้ำกับกำแพงตรงหน้า กักเธอเอาไว้ระหว่างอ้อมแขน จากนั้นจึงหลุบเปลือกตามองร่างโปร่งที่สูงเลยปลายคางของเขาขึ้นมาเพียงเล็กน้อย เห็นเธออยู่ในชุดราตรีสีแดง ซึ่งขับให้ผิวขาวเหลืองของเธอดูโดดเด่น จ้องมองลาดไหล่เล็กเปลือยเปล่าไร้เครื่องประดับใดๆ นอกจากเส้นผมสีเข้มยาวสลวยถูกดัดเป็นลอนปลายคลอเคลียบริเวณไหล่เล็ก บางส่วนปกคลุมปิดบังเนินอกขาวผ่องที่ถูกดันขึ้นมา ก่อนจะถูกปกปิดด้วยเกาะอกของชุด ดูเย้ายวน งดงามราวกับเครื่องปั้นของศิลปินชั้นนำ ทว่าถึงจะยอมรับว่าเธอดูดึงดูดใจและเย้ายวน แต่ไม่ใช่ในตอนที่เขากำลังอารมณ์เสียแบบนี้!
“ดูสารรูปของเธอจะเฉียดใกล้คู่ควงฉันยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มใช้สายตาดูถูกกวาดไปทั่วร่างของเธอ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “แล้วคิดจะขยับฐานะอยากเป็นเมีย หยุด!” เขาร้องสั่งเมื่อหญิงสาวทำท่าจะตอบโต้ “ไม่ต้องพูดเลยว่าเธอมีรูปโป๊ของฉัน ปล่อยไปเถอะของแค่นั้นฉันไม่สะเทือน เพราะฉันเคยแก้ผ้าขึ้นหน้าปกนิตยสารมาแล้วด้วยซ้ำ!”
เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นความโกรธแวบขึ้นมาในดวงตาสีน้ำตาลใสที่ห่างจากใบหน้าของเขาไปเพียงคืบ ชายหนุ่มเหยียดยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อพบว่าตอนนี้ไม่ใช่เขาคนเดียวแล้วที่โกรธ รู้สึกปั่นป่วนและอยากจะทำร้ายใครสักคน สำหรับเขาก็คงเป็นเธอนั่นแหละ แต่สำหรับเธอเขาไม่คิดจะสนใจ
“อันนั้นฉันก็แค่พูดขู่คุณไปเล่นๆ เท่านั้นละค่ะ” หญิงสาวเริ่มต่อรองเมื่อรู้ว่าตนเองเริ่มเสียเปรียบ “ก็รู้อยู่ว่าหน้าหนาระดับมีเซ็กซ์เทปของตัวเองหลุดออกมาคุณยังไม่สะท้าน กะอีแค่รูปเปลือยธรรมดาคงทำอะไรคุณไม่ได้”
เธอพยายามกลบเกลื่อนความโกรธของตัวเอง แล้วเธอก็ทำมันได้ผล เมื่อการพูดถึงอดีตฉาวโฉ่ของเขาอย่างหน้าตาเฉยนั้นทำให้ฟลินน์นึกอยากจะยื่นมือไปหักคอเล็กๆ ของเธอ!
“ยายกระดานนี่!”
เขาดึงมือที่กักเธอเอาไว้กลับ ฟาดมันกับอากาศข้างตัวแรงๆ ราวกับว่ามันจะช่วยบรรเทาอากาศโกรธในตัวของเขาให้ลดลง ทว่าวินาทีต่อมา คำพูดของเธอก็กระตุ้นให้อารมณ์โกรธของฟลินน์พุ่งพล่านรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
“แล้วก็เลิกจิกเรียกฉันว่ากระดานได้แล้ว ฉันไม่ได้แบนขนาดนั้น”
เขาจิกตามองเธอดุดัน แล้วก้มหน้าลงมองเนินอกอิ่มขาวผ่องที่ถูกดันขึ้นมาด้วยสายตาหมิ่นหยาม
“ของเธอก็แค่นี้” เขาเบ้ปากใส่ ทำราวกับสิ่งที่มองคือของไร้ค่า “มันก็แบนสำหรับฉันนั่นแหละ!”
มาริสาห่อไหล่ ใช้สองมือปกปิดเนินอกตัวเองทันควัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถหนีฟลินน์ไปได้ เพราะร่างใหญ่โตของเขายังยืนคุกคามตรงหน้า
“ฉันจะไม่เถียงอะไรกับคุณเรื่องนี้” หญิงสาวอดโต้เถียงเขาไม่ได้ “แต่ฉันอยากจะบอกให้คุณรู้ไว้ว่าฉันเอาจริง และฉันจะไม่เลิกราจนกว่าจะสมใจ”
เธอประกาศอย่างชัดเจน แต่นั่นไม่รู้เลยว่ากลับเป็นจุดที่ทำให้ฟลินน์สิ้นสุดความอดทน