ไม่มีคำพูดใด ดังออกมาจากปากของคนที่พึ่ง 'ผลักไส' ไม่มีคำตอบ ของคำถาม ที่ฉันพึ่งถามออกไป และฉันก็ไม่ได้หน้าด้านหน้าทน พอที่จะทนยืนต่อไปได้
ในเมื่อการที่ฉันยังไม่ชัดเจนในเรื่องของการตัดสินใจ มันส่งผลให้มันมีคนใหม่ ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไง
ขนาดมันเอ่ยปาก ว่า 'รักฉันหมดใจ' มันยังทำแบบนี้ได้ มันคงไม่แปลก ถ้าฉันจะเลิกเชื่อใจในน้ำคำของผู้ชาย!
ฉันเงยหน้า เพื่อสบตากับมันใหม่ แล้วน้ำตาที่ฉันพึ่งจะปาดออกไป มันก็ไหลออกมาใหม่ทันที
ตอง : กูต้องไปส่งไหม!
ประโยคที่ฉันได้ยินออกจะบ่อยไป แต่วินาทีนี้ ความหมายของมันที่อยู่ในใจฉัน มันไม่เหมือนเดิมเลย
มันอาจจะแค่อยากไล่ หาใช่อยากไปส่งซะเมื่อไหร่!
และฉันก็เลือกที่จะเดินออกไป โดยไม่พูดอะไรสักคำ!
เจ็บดีไหม!
เป็นเพื่อนกัน ทะเลาะแค่ไหน มันก็คงไม่โกรธจนไม่สามารถมองหน้ากันได้!
และพอสถานะมันเลื่อนขั้นขึ้นไป ฉันควรปฏิบัติกับมันแบบไหน หรือควรนิ่งเฉยแบบไม่เคยมีอะไร!
ฉันกลับมาที่ห้องของตัวเองด้วยสภาพที่แย่จนรู้สึกได้ คราบน้ำตามันยังทิ้งร่องรอยไว้ให้ รวมไปถึงร่องรอยบนลำคอที่เมื่อคืนมันเผลอทำทิ้งไว้ พอมองชัดๆผ่านกระจกใส ฉันก็นึกถึงร่องรอยที่อยู่บนลำคอผู้หญิงคนนั้นอย่างอดไม่ได้ และฉันคงไม่จุกในอกแบบนี้ ถ้าไม่รู้ว่าคนที่ทำ มันคือผู้ชายคนเดียวกัน!
ฉันตัดสินใจลบเบอร์บล็อคไลน์ และเอาตัวเองออกจากกลุ่มที่ตัวเองเป็นคนสร้างไว้ เพื่อคุยกันเฉพาะเพื่อนในกลุ่มเท่านั้น และทันทีที่ฉันลงมือทำ เพื่อนที่สนิทกันก็โทรเข้ามาทันที
(ลบตัวเองออกจากแชตกลุ่มทำไมวะ หรือมึงโกรธที่ไอ้ตองเห็นแชตนั้นในมือถือกู)
แตงโมถามเร็วๆเหมือนคนร้อนใจ แต่เรื่องนั้นมันใช่ความผิดของแตงโมซะเมื่อไหร่
ฉัน : ช่างเถอะ กูเลิกกับมันละ!
(แสดงว่ามึงก็รู้แล้วใช่ป่ะ!)
คำถามสั้นๆ แต่ทว่าพอได้ยิน ทำไมมันถึงรู้สึกใจหาย มันจุกลึกๆในใจ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้
ฉัน : เรื่องที่มันเอาผู้หญิงไปนอนที่ห้องอ่ะหรอ!
(มึงไปฟังใครมา)
ปลายสายร้องถามออกมาทันที และฉันก็กล้าพอที่จะตอกย้ำความช้ำด้วยน้ำคำของตัวเอง
ฉัน : กูเห็นกับตา!
ทันทีที่พูดออกมา ขอบตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งฉันจำไม่ได้ ว่ากี่ครั้งที่ฉันนั่งร้องไห้ กี่ครััง ที่ฉันก็รีบเช็ดมันออกไป
(แม่งเอ้ย ทำไมเป็นแบบนี้วะ ไอ้ตองแม่งก็ไม่รู้อะไร คนที่พึ่งรู้จักกัน มันก็เอาเข้าห้องซะได้ กูจะไปคุยกับมันให้เข้าใจ)
ฉัน : มันเลือกของมันเอง ไม่ว่ามึงหรือใคร ก็ไปเปลี่ยนความจริงไม่ได้!
เพื่อนที่เหมือนจะใจร้าย ถือสายเพื่อปลอบใจ ไม่ยอมห่างไปไหน มันไม่ได้เอ่ยโทษ ว่าเป็นความผิดของใคร และมันก็ขอร้อง ให้ฉันทำในสิ่งที่เพื่อนในกลุ่มอยากได้ คือการ 'เป็นเพื่อนกันต่อไป'
ตลกดีใช่ไหม ตอนเป็นเพื่อน มันก็อยากเลื่อนสถานะขึ้นไป พอฉันยอมรับสถานะที่มันอยากได้ สถานะก็เปลี่ยนได้ง่ายๆโดยไม่ทันได้ตั้งตัว!
ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใด ในความเป็นจริง ทุกสิ่งก็ต้องเดินหน้าต่อไป ฉันเลี่ยงการมาเรียนไม่ได้ เช่นเดียวกับการที่ต้องเจอหน้ามันต่อไป
ทั้งๆที่พยายามจะไม่สนใจ แต่ฉันก็รู้อย่างไม่ได้ตั้งใจ ว่าวันนี้ไอ้ตองมาเรียนสาย
บอย : รีบหรอวะ
คำถามของเพื่อนที่เอ่ยถามออกมา เรียกสายตาของฉันให้หันไปมองคนมาใหม่อย่างอดไม่ได้ และสายตาของเราก็สบประสานอย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็เป็นฉัน ที่รีบโฟกัสสายตาไปที่จุดใหม่
ฉัน : กูหิวว่ะ ขอไปโรงอาหารก่อนนะ
ฉันบอกให้ทุกคนเข้าใจ และเลือกที่จะเล็งสายตาไปที่แตงโม
แตงโม : ไปด้วย หิวเหมือนกัน
แตงโมรวบหนังสือรวมกันไว้ จากนั้นมันก็คว้ากระเป๋าสะพาย ก่อนที่เราจะเดินออกไปพร้อมกัน
มือของเพื่อนเคลื่อนมาจับมือของฉันเอาไว้ และสายตาของฉันก็เลื่อนไปหามันโดยปริยาย
แตงโม : มันมีคนใหม่ แต่กูกลับขอให้มึงเป็นเพื่อนกับมันต่อไป มึงโอเคใช่ไหม
ฉันยิ้มให้ เพราะไม่อยากจะตอบอะไร...
แตงโม : ขอโทษนะมึง กูไม่อยากโทษใคร ถ้ามึงไม่ไหว บอกกูนะ
ฉันพยักหน้าให้ และเลือกที่จะไม่พูดอะไรเหมือนเดิม ไม่อยากเปิดปากเพื่อออกเสียงเท่าไหร่ กลัวกลั้นเสียงไม่ให้สั่นไม่ได้!
แตงโม : กินไรดี ก๋วยเตี๋ยวไหม เส้นเล็กน้ำตกของโปรดมึงไง!
เพื่อนสาวถามไถ่ และมันก็คงจะดี ถ้าสิ่งที่ฉันชอบ ไม่ได้ตรงกับของโปรดของใคร
ฉัน : ไม่ล่ะ กูอยากกินนมมากกว่า!
ฉันบอก ก่อนจะเลี่ยงออกมา และไม่คิดไม่ฝัน ว่าจะเลี่ยงออกมา ทางเดียวกับใครอีกคนเหมือนกัน...
แต่มันไม่ได้ยืนคนเดียวแบบที่ฉันเข้าใจ เพราะมันยืนคนเดียวได้ไม่เท่าไหร่ ผู้หญิงที่อยู่กับมันในวันนั้น ก็เดินยิ้มเข้ามาหา และท่าทีที่มันแสดงกลับไป คือยิ้มให้เหมือนกัน
และสิ่งที่ฉันควรเลือกทำ คือการหันหลังกลับไปที่เดิม!