เทียนไขรีบวิ่งไปที่รถ แล้วก็ล้วงเอาทิชชูเปียกมาเช็ดที่ริมฝีปากหมายจะให้คราบรอยจูบนั้นจางไป ร่างบางหัวใจเต้นรัวเร็วราวกับจะหลุดออกจากอก
เขาขโมยจูบแรกของเธอไป ทำให้รู้สึกเจ็บแค้นนัก แต่ที่เจ็บใจก็ร่างกายของตัวเองดันไปสมยอมง่าย ๆ จนเกือบเผลอครางอย่างน่าเกลียดออกมาแล้ว
“บ้าชิบ!”
หญิงสาวสบถอย่างหัวเสีย มองตัวเองในกระจกดวงตาเธอไหวระริกกับความรู้สึกบางอย่างที่กัดกินเข้ามาในใจ
มือเล็กเอามือกอบกุมที่หัวใจ ความกลัวบางอย่างคืบคลานมา ทำให้ต้องสูดหายใจลึก ๆ สลัดความฟุ้งซ่านนั้นทิ้งไป
“ไม่...ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร...ฉันเกลียดนาย” เธอท่องซ้ำ ๆ ราวกับคนกำลังสวดมนต์อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้น
อีกคนกำลังหวาดหวั่น ส่วนอีกฝากของชายหนุ่มนั้นรู้สึกสนุกแล้วก็ยินดีอย่างยิ่ง
“อยากเจออีกจัง” เขาพูดกับตัวเองขณะยกมือลูบที่ริมฝีปาก ความหอมหวานของเธอติดตาตรึงใจชายหนุ่มที่เพิ่งอกหักมาหมาด ๆ
เขาไม่กลับคอนโดแต่เลือกไปบาร์ลับที่ตัวเองเคยมาดื่มเป็นประจำยามหลังเลิกเรียนสมัยก่อน
ชายหนุ่มเลือกโต๊ะมุมในสุดเพื่อความเป็นส่วนตัว อยากหาที่เงียบ ๆ เพื่อดื่มและคิดอะไรสักหน่อย
แต่ไม่ว่ากระดกเท่าไหร่ ภาพของผู้หญิงคนนั้นก็ลอยไปมาในหัววนเวียนเหมือนภาพยนต์ที่ฉายซ้ำ ๆ
@Swing one thousand bar
มัทนาและบุษบายืนรอเพื่อนสาวอย่างเทียนไขอยู่นาน เพราะทั้งคู่นั้นตัดสินใจมารถคันเดียวกัน ส่วนเทียนไขไม่อยากเอารถไปจอดที่อื่น พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว ตั้งใจจะดื่มไม่มากจึงขับรถมาเอง
ไม่นานนัก ร่างบางก็มาในชุดที่สั้นกว่าในงาน และยังคงคอนเซ็ปต์เปิดหลังเปิดใจไม่เปลี่ยน กับชุดปักเลื่อมสีดำมองแล้วให้น่าค้นหา และอีกสองคนก็มาในชุดเดรสเกาะอกเซ็กซี่ไม่มีใครยอมใครเลยสักนิด
“ยายเทียน แกมาช้าตลอดเลย ทำอะไรอยู่” มัทนาสาวขี้บ่นประจำกลุ่มเอ่ยขึ้นหลังเพื่อนมัวแต่โอ้เอ้ให้ต้องรอนาน
“ขอโทษที เจอโรคจิต”
“มันทำอะไรแกหรือเปล่า” บุษบาเป็นห่วงเพื่อน พวกโรคจิตต้องมาลวนลามเพื่อนเธอเป็นแน่
“เอ่อ...ไม่...ไม่ได้ทำอะไร” อยู่ ๆ เทียนไขก็รู้สึกว่าลิ้นพันกันจนกว่าจะเอ่ยออกมาแต่ละคำ ราวกับคนพูดติดอ่าง
“แล้วไป ฉันนึกว่าแกโดนลวนลาม”
“ไปกันเถอะ ดื่มให้เมากันไปเลย” เทียนไขผู้ไม่เคยอยากเมา แต่กลับดึงเพื่อนเข้ามาในบาร์ลับที่มาแฮงค์เอาท์กันสมัยเรียนบ่อย ๆ เอง พาลให้เพื่อนอีกสองคนรู้สึกแปลกใจ
เมื่อได้โต๊ะเทียนไขก็สั่งเปิดเหล้า ทำให้ทั้งสองคนมองหน้า
“แกอกหักป่ะวะ แอบชอบหมอสัตว์ด้วยกันแน่เลย” บุษบาทำตัวเป็นนักสืบโคนันทันที เพราะว่าเพื่อนไม่เคยอยากเมาเท่านี้มาก่อน
“ไม่ได้ดื่มนานแล้ว เลยอยากดื่ม” เหล้าสีอำพันเทลงให้แก้วทรงเตี้ย ตามด้วยมิกเซอร์ แล้วก็ชนกันอย่างออกรส
วงดนตรีที่เล่นประจำช่วงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เริ่มขึ้นเวทีเพื่อบรรเลงเพลงที่วัยรุ่นชื่นชอบ
“วันนี้ใครอยากเมาบ้างทุกคน ส่งเสียงหน่อย”
เหล่าขาแดนซ์เท้าไฟส่งเสียงเกรียวกราว แต่มีโต๊ะหนึ่งที่ดื่มเอาเป็นเอาตายอย่างเดียว ไม่รู้สึกเอนจอยกับบรรยากาศ
เมื่อดนตรีเริ่มขึ้น ทั้งสามสาวก็ร้องตามทันที
คืนนี้พี่อยากเมาเพื่อเอาความรักออกจากหัวใจ...ไอ้น้องขอแก้วหนึ่งใบเพราะพี่มีเหล้าหนึ่งกลม...
เสียงโหวกเหวกนั้นทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มระคายหูนัก
“แม่ง...เพลงมีเป็นล้าน...ร้องเพลงเชี่ยอะไรเนี่ย!” เขารู้สึกเหมือนกำลังโดนตอกย้ำ เพราะตัวเองนั้นเสียคนรักให้เพื่อนอย่างไอ้กิต ยิ่งคิดว่าป่านนี้มันคงเข้าหออย่างหวานฉ่ำกับคนที่ตนรักด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งกระดกดื่มเอาราวกับน้ำสีอำพันในแก้วนั้นคือน้ำเปล่า
“ขอเสียงคนอกหักหน่อยยย!” นักร้องนำตะโกนสร้างความบันเทิงต่อไป แต่คนที่ไม่บันเทิงอย่างตฤณนั้นรู้สึกอยากเปลี่ยนร้าน
หากแต่เขาเปิดเหล้ามาทั้งขวด ถ้าสั่งแค่แก้วเดียว ป่านนี้ไม่อยู่แล้วในร้านนี้
ขณะที่รู้สึกหงุดหงิดกับนักร้องในร้าน สายตาพลันเหลือบไปเห็นร่างของคนที่คุ้นเคยเมื่อไม่นานมานี้เต้นโยกย้ายส่ายสะโพกอย่างยั่วยวนยั่วเย ก็ให้นึกโกรธอย่างไม่รู้สาเหตุ
“หึ...! เที่ยวเก่ง แต่จูบไม่เก่ง” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเหี้ยม เมื่อเห็นเธอเต้นไปมาล่อสายตาเสือหิวของทั้งร้าน ไม่รู้หรือไงว่าคนพวกนี้พร้อมจะขย้ำ
เขาเห็นว่าที่โต๊ะนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นเคยกันดี คือมัทนา ซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ กันแต่ก็เคยพบปะกันบ้างตามงานเลี้ยงครอบครัวใหญ่ ที่นาน ๆ ครั้งจะไปบ้างตามคำขอร้องของการันต์ผู้เป็นบิดา
“พรหมลิขิตหรือเปล่า” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วก็คว้าขวดเหล้าเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะ เพราะทุกโต๊ะจะนั่งได้สี่คน
“มัท” เสียงตฤณ เรียกญาติผู้น้องดังขึ้นทำให้มัทนาที่กำลังโยกเบา ๆ ตามเพลงหันมาอย่างเสียไม่ได้
“สวัสดีค่ะ พี่ตฤณ มัทว่าจะทักตั้งแต่ในงาน” มัทนาพุ่มมือพนมไหว้ญาติผู้พี่
“มาเที่ยวกันหลังงานเหรอ” ปากถามญาติผู้น้อง แต่สายตาไม่วางจากอีกหนึ่งสาวที่เต้นอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยไม่สนใจเลยว่ารอบกายนั้นเปลี่ยนไปอย่างไร
“ค่ะ นาน ๆ เจอกันทีเลยขอสุดเหวี่ยงหน่อย” มัทนาตอบด้วยรอยยิ้ม ทั้งสังเกตว่าพี่ตฤณนั้นมองยายเทียนของเธอไม่วางตาเลยสักนิด
รอยยิ้มของมัทนาและบุษบาผุดขึ้น ทั้งยักคิ้วให้กันอย่างรู้งาน
เมื่อจบเพลง เทียนก็เริ่มเหนื่อย จึงหันมายกแก้วของตัวเองดื่ม แต่ว่ากลับสัมผัสเข้าที่มือของใครบางคน
“นี่...ไอ้โรคจิต...มาได้ไง...แอบตามฉันมาเหรอ” เทียนไขโวยวายทันที เมื่อเห็นไอ้หน้าหม้อนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่โต๊ะของเธอ