ตอนที่ 6
ในความมืดสลัวนั้น ทั้งสองคนต่างก็รับรู้ถึงความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน บรรยากาศเงียบสงบลงอีกครั้ง มีเพียงเสียงหัวใจของใยไหมที่เต้นแรงจนเธอเกรงว่าเขาจะได้ยิน และความรู้สึกบางอย่างที่ผลิบานขึ้นในใจของเธออย่างไม่รู้ตัว
หลังจากที่ความตึงเครียดจากสถานการณ์ภายนอกเริ่มคลี่คลายลง บรรยากาศในห้องเก็บของเล็กๆ ก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นตามลำดับ ใยไหมยังคงนั่งห่อตัวโดยมีเสื้อสูทของสุทธิรักษ์ปิดบังเรือนร่าง แต่ความอายและความประหม่าเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความสงสัยในตัวชายหนุ่มตรงหน้า
“ผมชื่อสุทธิรักษ์นะครับ แล้วคุณล่ะ” เขาเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนากับเธออีกครั้ง เพื่อฆ่าเวลาในการรอคอยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่
“ฉัน...ชื่อใยไหมค่ะ” เธอมองสำรวจใบหน้าของเขา ก่อนจะคิดหาวิธีสารภาพความจริงบางอย่าง ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็น อย่างน้อยก็เป็นการสร้างความคุ้นเคย และมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
“จะเชื่อไหมคะ ถ้าฉันจะบอกว่า ฉันเคยเห็นคุณ...ก่อนที่เราจะมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยกันซะอีก” ใยไหมเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มบางๆ
“จะบอกว่าเป็นพรหมลิขิตงั้นสิ” เขายิ้มตอบกลับอย่างมีเสน่ห์
“ฉันยังไม่ได้พูดสักหน่อย” ใยไหมรีบปฏิเสธด้วยความขุ่นเคือง ก่อนจะเชิดหน้าเล็กน้อย
“ไหน!!!!....ดูสิ!…” นิ้วเรียวเปิดแสงสว่างจากโทรศัพท์ ก่อนจะเลื่อนใบหน้าอันหล่อเหล่าพลางสำรวจใบหน้าสวยของเธอ
”อืม!!...จะว่าเคยมารักษาที่คลินิกก็คงไม่ใช่” เขาประคองปลายคางของเธอขยับไปมาเบา ๆ
“หมายความว่ายังไงคะ” ใยไหมถามกลับด้วยความสงสัย
“เผอิญว่า... ผมเป็นหมอเด็กน่ะครับ และคุณก็โตเกินกว่าจะเป็นคนไข้ของผม”
“จริงเหรอคะ แต่ฉันก็ยังเด็กอยู่น้า ถ้าเจ็บป่วยขึ้นมาคุณจะรักษาไม่ได้เชียวเหรอ” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้ากลับไปบ้าง
“คุณเด็กจริงเหรอครับ แต่ว่า...” สุทธิรักษ์พูดพลางสำรวจเรือนร่างของใยไหมที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อสูทตัวใหญ่ของเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“มองอะไรคะ” ใยไหมถามกลับด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดแกมเขินอาย แววตาของเธอเปลี่ยนไปจากที่เขาสำรวจร่างกายของเธออีกครั้ง
“ก็มองว่า....ผมเคยเจอ หรือเคยเห็นคุณที่ไหนล่ะสิ..แต่ผมก็นึกไม่ออก” เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“บอกให้ก็ได้ค่ะ....ว่าคุณหมอคงไม่เคยเห็นฉันหรอก...” ใยไหมยักไหล่ด้วยความมั่นใจ
“งั้นลองบอกมาซิ ว่าคุณเคยเจอผมที่ไหน เผื่อผมจะนึกออกบ้าง”
“เมื่อตอนเย็นนี้ค่ะ ฉันเห็นคุณหมอขับเจ็ทสกีอยู่ริมหาด”
“อ๋อใช่ล่ะ! คุณคงจะเป็นสาวๆ กลุ่มนั้น ที่ยืนโบกไม้โบกมืออยู่ริมฝั่ง”
“คงจะผิดกลุ่มแล้วคะ กลุ่มของฉันมีแค่สามคนใส่ชุดนักศึกษา และไม่เคยโบกมือให้คุณหมอด้วย”
“อ๋อ!!!... นึกออกล่ะ เห็นอยู่แวบ ๆ แต่พอขึ้นมา ผมก็ไม่เห็นพวกคุณแล้วนี่”
“ค่ะ ฉันกับเพื่อนหิวพอดี เราก็เลยออกไปหาอะไรทานกัน”
“เพื่อนของฉันสองคนแอบปลื้มคุณหมอค่ะ”
“แล้วรวมคุณด้วยมั้ย” สุทธิรักษ์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทำให้หญิงสาวใจสั่น
“................” ใยไหมชะงักไปชั่วครู่
“ถามทำไมคะ”
“อยากรู้” คำตอบสั้นๆ ของเขาทำให้ใยไหมรู้สึกราวกับหัวใจกำลังจะหลุดออกจากอก
“แล้วถ้าฉันตอบว่า...ว๊ายยย!!!! หื้อๆๆ” เสียงปืนที่ดังลั่นจากภายนอกอย่างกะทันหัน ทำให้ใยไหมกรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีด เธอผวาเข้ากอดคุณหมอหนุ่มอย่างลืมตัว ร่างกายสั่นเทิ้ม ใบหน้าสวยแนบชิดแผงอกของเขาราวกับต้องการหลีกหนีจากภัยร้าย
“ใจเย็น ๆ ครับ” สุทธิรักษ์กระซิบปลอบประโลม มือหนาลูบไล้แผ่นหลังบอบบางของเธออย่างอ่อนโยน ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยจากอ้อมกอดของเขาแผ่ซ่านไปทั่วร่างของใยไหม แม้จะยังคงหวาดผวา แต่ความกลัวนั้นก็ถูกบำบัดด้วยสัมผัสอันอ่อนโยนจากเขา
ในความมืดสลัวของห้องเก็บของแคบๆ เสียงหัวใจของทั้งคู่เต้นระรัวปะปนกับเสียงปืนที่ยังคงดังกึกก้องอยู่ห่างๆ ใยไหมปล่อยให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลผ่านเข้ามาอย่างไม่ปิดกั้น ทั้งความกลัว และความต้องการทางกายที่ซ่อนลึกอยู่ในใจ มันเป็นช่วงเวลาที่แปลกประหลาด และเต็มไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรงเกินกว่าที่เธอจะควบคุมมันได้
“คนร้ายไม่รู้หรอก...ว่าเราหลบอยู่ในนี้” เขาลูบศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน เพื่อปลอบประโลมให้หญิงสาวหายจากอาการหวาดกลัว แต่สิ่งนั้นทำให้ใยไหมรู้สึกดีอย่างประหลาด นี่เธอแอบมีใจให้เขางั้นเหรอ!..เขาเป็นเพียงใครก็ไม่รู้ที่ผ่านเข้ามาในช่วงเวลาสั้น ๆ ในสมองของเธอสับสนไปหมดแล้วตอนนี้
“ผมเดาว่าตำรวจคงกำลังไล่ต้อนคนร้ายให้จนมุมอยู่ ยังไงถ้ากระสุนคนร้ายหมด เดี๋ยวตำรวจก็จับได้เองแหละ คุณไม่ต้องกลัวนะ ยังไงเราจะต้องออกไปจากที่นี่ได้อยู่แล้ว”
ในอ้อมกอดที่อบอุ่นและปลอดภัยของคุณหมอ ใยไหมรู้สึกว่าความหวาดกลัวในใจของเธอเริ่มจางหาย พร้อม ๆ กับสิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความรู้สึกพิเศษบางอย่างที่มันเกิดขึ้นกับเธออย่างไม่รู้ตัว… มันเป็นความต้องการทางร่างกายและความหลงใหลในตัวเขาอย่างโงหัวไม่ขึ้น!