วันดี ๆที่หงุดหงิด

1194 Words
เช้าวันที่อากาศดี ฉันยังคงทำหน้าที่เดิม คือการหอบปิ่นโตใส่อาหารมาที่บ้านของตาพวง แต่วันนี้พิเศษหน่อย เพราะแวะร้านค้าซื้อขนมมาฝากพี่พญาด้วย คิดว่าเขาอยู่แต่บ้านคงเบื่อ อย่างตาพวงก็คงไม่ได้ซื้อขนมมาให้เขากินเล่นแก้เซ็งตอนที่อยู่เฝ้าบ้านเพียงลำพัง “ชะเง้อคอหาใครอยู่เอ่ย รอนังมะนาวอยู่หรือเปล่า?” ฉันยิ้มแป้นทักทาย ในขณะที่คนร่างกำยำกำลังออกกำลังกายที่แขนโดยการฝึกยกของหนัก “โห ผ่านไปไม่กี่วัน แผลที่หน้าจะหายแล้วนะเนี่ย” ฉันทักท้วงอย่างสนิทสนม แต่คงสนิทอยู่ฝ่ายเดียว เพราะทันทีที่ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เขาก็จ้องหน้าฉันนิ่งทันที “กับคนอื่นพี่ทำหน้าแบบนี้ไหม” ฉันถามออกไปตรง ๆ เพราะแปลกใจที่เขาเอาแต่ปั้นหน้านิ่งใส่ตลอดเวลา “ได้อะไรมากินบ้าง” เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถาม แต่หันมาถามฉันแทน “ต้มปลาข่อ รู้จักไหมปลาข่อน่ะ” “ปลาช่อนน่ะเหรอ” “ใช่” ฉันทิ้งก้นลงนั่งข้างเขา ก่อนจะหยิบปิ่นโตสูงสามชั้นออกมาวางเรียง “มีปิ้งปลาด้วยนะ ฉันทำเองแหละ เค็มถูกใจ ไตถูกตัด” เกริ่นมาขนาดนี้แล้วก็กินโชว์ไปซะเลย ในขณะที่อีกฝ่ายยังเอาแต่มองหน้าฉันไม่วางตา ราวกับมีปัญหากับใบหน้าของฉันนัก “ทำไมชอบมองหน้า” คนอย่างฉัน สงสัยอะไรก็ถามออกไปตรง ๆ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว “แล้วจะให้มองอะไร” “มองนมก็ได้ นมใหญ่นะ” “...” เขาเผลอมองตามที่พูด ก่อนจะเบนหน้าหลบอย่างเสียอาการ “อายบ้างก็ได้มะนาว ฉันเป็นผู้ชาย” “ฮ่า ๆ ๆ ฉันหมายถึงนมกล่องนี้ พี่คิดไปไกลถึงไหนฮะ” ว่าแล้วก็หยิบนมถั่วเหลืองสีฟ้ากล่องใหญ่ให้ดู นั่นยิ่งทำให้เขาทำหน้าเหมือนจะตายเข้าไปใหญ่ “รู้แล้วว่าทำไมตาพวงไม่ให้ยุ่งกับเธอ” “ตาพวงห้ามเหรอ? ทำไมอะ” ฉันรีบวางนมกล่องในมือลง แล้วขยับเข้าไปใกล้ขึ้นอีกด้วยความอยากรู้ “ก็เพราะเป็นแบบนี้ไง” “แบบนี้... แบบไหน?” คนข้างกันไม่ตอบคำถาม เพียงแค่ก้มลงไปหยิบขวดน้ำแกลลอนใหญ่ขึ้นมาถือ ก่อนจะวางลง แล้วถือขึ้นใหม่คล้ายกับว่ากำลังใช้สิ่งนี้เพื่อออกกำลังกายที่ต้นแขน “จิ๊! พี่นี่เป็นผู้ชายที่ไม่สนุกเอาซะเลย” ฉันมุ่ยหน้าพร้อมกับกอดอกเอาไว้แน่น ขายกไขว้ขึ้นด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง แต่สายตายังไม่คลายออกไปจากคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “พี่จะอยู่ที่นี่นานไหม” “ถามทำไม” เขาถามโดยไม่มองมา “ฉันจะได้รู้ไง ว่าจะต้องคอยส่งข้าวส่งน้ำให้พี่อีกนานแค่ไหน” “จนกว่าน้าอรจะมา” “แล้วน้าอรมาตอนไหน” “ไม่รู้” ขอบคุณสำหรับคำตอบ ที่ไม่ได้ต่างอะไรจากการไม่ตอบคำถามเลย “แล้วพี่เป็นคนบ้านไหน ทำไมถึงได้มานอนอยู่ที่โขดหินแบบนั้น” ฉันชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย เพราะเห็นว่าตาพวงไม่อยู่ เลยกลัวว่าเขาจะเหงา แต่ดูเหมือนว่าเขาอยากเหงามากกว่าอยากให้ฉันอยู่ด้วยนะ “ไปดูหมอลำแล้วโดนตีเหรอ ใคร? พอจะรู้ไหม เดี๋ยวฉันสั่งลูกน้องไปล้างแค้นคืน เอาให้นอนหยอดน้ำข้าวต้มเหมือนพี่เลยดีไหม” ฉันร่ายยาวอย่างเอาใจ หวังว่าเขาจะเปิดปากพูดกับฉันบ้าง แต่เขาก็ยังนิ่ง “ให้เดานะ ฉันว่า... พี่คงไม่มีเมียแน่เลย” ฉันเปลี่ยนท่าเป็นยกขาขึ้นกอดเข่า พร้อมกับเชิดหน้าขึ้นพูด หวังเรียกร้องความสนใจ และมันก็ได้ผล “รู้ได้ไง” “ก็พี่น่าเบื่อ” ฉันพูดแหย่ หวังว่าเขาจะตอบโต้คืนบ้าง แต่สุดท้ายก็มีแค่ความเงียบ “ทรงนี้เอาไม่เป็นแหง ๆ” “เอาอะไร” “ก็เอากันน่ะ เด้างับ ๆ รู้จักไหม” “เฮ้ออ” เขาถอนหายใจเสียงดัง จากนั้นก็วางขวดน้ำลงแล้วทำเหมือนจะเดินหนีไป “เอ้า เดี๋ยวสิ อุตส่าห์มาอยู่เป็นเพื่อนนะเนี่ย” ฉันคว้าข้อมือหนาเอาไว้ แต่มันดันโดนแผลเขาพอดี “ขอโทษ ๆ เจ็บไหม” ฉันลุกพรวดทันทีที่เห็นเขาเบ้หน้า รีบดึงมือเขาขึ้นมาดูว่าเลือดออกหรือเปล่า เพราะเมื่อกี้ฉันคว้าเขาไว้แรงมาก “เจ็บไหม” ฉันถามอย่างรู้สึกผิด พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองคนร่างใหญ่ในระยะใกล้ ถึงได้รู้ว่าเราอยู่ใกล้กันมาก มากเสียจนฉันเผลอนิ่งไปชั่วคราว เพราะโดนความหล่อของเขาสะกดไว้กับที่ ป๊าดดด คนอิหยังมาหล่อคักแนแท้สู คันบ่ติดว่าปากกืก กูสิจีบเฮ็ดพ่อของลูกแท้ ๆ “อีนาว! มึงมาเฮ็ดหยังอยู่นี่” (อีนาว มึงมาทำอะไรที่นี่) เสียงที่ดังก้อง ทำให้ทั้งฉันและพี่พญาผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ และบุคคลปริศนาที่โผล่เข้ามา คือพ่อผู้ใหญ่ที่เพิ่งย่างเท้าเข้ามาในบ้าน “ข่อยเอากับข้าวมาส่ง” (ฉันเอากับข้าวมาส่ง) ว่าพลางชี้มือไปที่ปิ่นโตและถุงขนมที่วางกองอยู่บนแคร่ “เอากับข้าวมาส่งแล้วมึงคือเข้าไปใกล้เขาปานนั่น มึงนี่มันเคียวคักแน เห็นผู้ซายเป็นบ่ได้” (เอากับข้าวมาส่ง แล้วมึงเข้าไปใกล้เขาขนาดนั้นทำไม? มึงนี่มันแรดจริง ๆ เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้) ว่าแล้วไง... ถ้าพ่อผู้ใหญ่เห็น ฉันต้องโดนต่อว่าชุดใหญ่แน่ “บัดหน้ามึงบ่ต้องมาส่งแล้ว เห็นเขาเป็นผู้ซายแนกะอยากโตสั่นโลด หัดรักนวลสงวนโตแนแมะ เป็นผู้หญิงหยังเฮ็ดโตเป็นตาอาย พ่อแม่มึงมีแต่สิขายหน้า” (ต่อไปไม่ต้องมาส่งอาหารแล้ว เห็นเขาเป็นผู้ชายหน่อยก็ตัวสั่น หัดรักนวลสงวนตัวบ้างสิ เป็นผู้หญิงทำตัวน่าอาย มีแต่จะทำให้พ่อแม่ขายหน้า) “ขายหน้ากะขายหน้าแต่พ่อแม่ข่อยตั้ว บ่ได้ขายหน้าเจ้า” (ขายหน้าก็ขายแค่พ่อกับแม่ฉัน ไม่ได้ไปขายหน้าพ่อผู้ใหญ่สักหน่อย) อดทนอยู่นาน แต่เขาไม่ยอมหยุดพูด ฉันเลยต้องโวยกลับ “เป็นหยังสิบ่ขาย กูกะเลี้ยงมึงมา” (ทำไมจะไม่ขาย กูก็เลี้ยงมึงมา) “เลี้ยงกะซำเลี้ยงนั่นล่ะ เจ้าบ่แมนพ่อข่อย” (เลี้ยงก็แค่เลี้ยงนั่นแหละ พ่อผู้ใหญ่ไม่ใช่พ่อฉันสักหน่อย) ฉันพูดด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกมาจากบ้าน อุตส่าห์อารมณ์ดีแล้วแท้ ๆ ไม่น่าเข้ามาขัดจังหวะวันดี ๆ ของอีนาวเลย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD