ถ้าไม่พอใจจะให้จูบคืน

1867 Words
“ป้า ลาบขม ต้มแซ่บ ซอยจุ๊ กุ้งเต้น ตำป่า ข้าวเหนียวสอง” ฉันสั่งอาหารทันทีที่ลากเก้าอี้ออกมานั่ง โดยไม่ต้องหันมาดูเมนู เพราะมากินร้านนี้บ่อย ๆ หรือแทบจะทุกครั้งที่เข้ามาในตัวอำเภอเลย “พี่อยากกินอะไรอีกไหม” “ไม่หรอก แค่ที่สั่งมาก็ไม่รู้จะกินหมดหรือเปล่า” ดูถูกกันเกินไป นั่งกินคนเดียวจนหมดฉันก็ทำมาแล้ว “กลัวจะไม่พอน่ะสิ ร้านนี้อร่อยสุดในอำเภอเลยนะขอบอก” พี่พญายังคงทำหน้าแบบเดิม และไม่ตอบโต้อะไร เพียงแค่กวาดสายตามองไปรอบร้านอย่างตื่นตา ทำอย่างกับว่าไม่เคยนั่งร้านอาหารริมทาง “หมอว่าไงบ้างอะ” “ดีขึ้นแล้ว” “งั้นพี่ก็ใกล้จะได้กลับบ้านตัวเองแล้วดิ ฉันคงคิดถึงแย่” ฉันเอ่ยเสียงรัว แต่เหมือนจะพูดอะไรผิดไปเลยถูกจ้องด้วยสายตาแปลก ๆ “วันนี้พี่ติดธุระอะไรหรือเปล่า” “ไม่” “ดีเลย งั้นวันนี้ไปเล่นไพ่ด้วยกันไหม สนุกนะ” ฉันตาวาวเอ่ยชวนจริงจัง อยากจะเอาเขาไปนั่งข้างในวงไพ่ เพื่อที่คนในวงจะได้รับรู้ว่าพี่พญาเป็นของฉันจริง ๆ ไม่ได้คุยโม้โอ้อวด จริง ๆ ก็เพื่อต้องการลบความขายหน้ารอบก่อนด้วยแหละ ที่ออกตัวแรงจนหน้าแหก บอกว่าพี่สิงห์เป็นของตัวเอง “ไม่ไป” “เล่นไม่เป็นเหรอ ฉันสอนให้ได้นะ” ว่าแล้วก็ล้วงหยิบไพ่ออกมาถือ และไม่ลืมที่จะชะโงกหน้ามองไปรอบบริเวณ เผื่อมีตำรวจผ่านไปมาแถวนี้ “ส่วนมากเขาเล่นไพ่ป๊อก จากการนับแต้มที่สูงสุด อย่างเช่น...” “พกไพ่ไปทุกที่เลยเหรอ?” อีกฝ่ายถามอย่างแปลกใจ “เปล่า มันติดกระเป๋ามา” แอบใจชื้นที่เขาเริ่มถามกลับ ท่าจะสนใจบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้พูดอะไร กุ้งเต้นก็ยกมาเสิร์ฟ ฉันเลยต้องรีบเก็บไพ่เพราะหิวจนไส้แทบขาด แกร๊ง ๆ เขย่าชามใส่กุ้งเต้นจนมั่นใจว่ากุ้งข้างในนิ่ง ถึงได้เปิดฝาออก ก่อนจะใช้ช้อนจ้วงตักกุ้งดิบตัวเป็น ๆ คลุกเครื่องเคียงเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ด้วยสีหน้าเบิกบาน “กินสิ” ฉันหันไปสั่ง เพราะเขานิ่งงันไปในตอนที่ฉันเปิดฝาที่ปิดชามออก “กินสด ๆ แบบนี้เลยเหรอ” “ใช่ ไม่เคยกินเหรอ” เขาไม่ตอบ แต่ยอมหยิบช้อนขึ้นมาตักกุ้งที่ยังเป็น ๆ เข้าปากไปเคี้ยว เริ่มแรกก็ทำหน้าเหมือนกล้ำกลืน แต่พอได้ลิ้มลองก็ยกช้อนขึ้นมาตักซ้ำอีก “อร่อยใช่ไหมล่ะ” ฉันยิ้มออกมาอย่างภูมิใจกับเมนูที่นำเสนอ แต่ก็ไม่ลืมเรื่องที่เราคุยกันค้างเอาไว้ “ว่าไง ไปด้วยกันหรือเปล่า ไปแป๊บเดียว ถ้าไม่สนุกฉันจะพาพี่กลับทันทีเลย” “ตาพวงไม่ให้ออกไปไหนน่ะ” “ก็อย่าให้ตาพวงรู้สิ พี่บอกว่าตาพวงจะกลับมาเย็น ๆ เลยไม่ใช่เหรอ” ฉันรบเร้าจนเขาเกือบจะคล้อยตาม แต่สุดท้ายก็ปฏิเสธออกมา “พี่นี่เด็กดีจริง ๆ เลย ถ้ามีเมียคงกลัวเมียน่าดู” ฉันเบ้ปากเล็กน้อย แอบหมั่นไส้ที่เขาไม่ยอมไปด้วย อดคุยโวเลย “แล้วเธอล่ะ” “ทำไม” “มีแฟนยัง” ฉันรีบกลืนลาบลงคอ ก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมกับโบกไม้โบกมือ “ไม่มีอะ ถามทำไม จะจีบเหรอ” “ไม่... น่ากลัวไป” เขาตอบตรง ๆ ทำเอาฉันแทบหงาย “ไม่มีใครบอกเธอหรือไง ว่าทำแบบนี้มันดูไม่น่าเข้าหา” “ทำไม?” “ก็มันดูง่าย” เขาตอบตรง ๆ อย่างไม่เกรงใจ หากเป็นคนอื่นคงหน้าชาไปแล้ว แต่นี่คือมะนาว ผู้ไม่เคยสะทกสะท้านกับสิ่งไหนในโลกใบนี้ “ดูง่าย แต่ก็ไม่เคยเห็นใครได้นี่” ฉันไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ เนื่องจากกุ้งเต้นค่อนข้างเผ็ดอยู่พอสมควร “ปกติก็เข้าหาผู้ชายแบบนี้เหรอ หรือแค่กับฉัน” เขาเอ่ยสีหน้าจริงจังอย่างเช่นทุกครั้ง “เอาตรง ๆ นะ ฉันเต๊าะไปงั้นแหละ ได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไม่เอา ไม่ได้คิดจริงจังหรอก ฉันเข็ดแล้วแหละ ไม่คิดจะตามจีบใครอีก” “เพราะไอ้สิงห์เหรอ” “...” ฉันหยุดเคี้ยวแทบจะทันที แม้จะไม่ได้อาลัยอาวรณ์แล้ว แต่เหตุการณ์ขายหน้านี้ก็ทำให้ฉันอับอายได้ตลอด “อืม เห็นฉันแรง ๆ แบบนี้รักใครรักจริงนะบอกไว้ก่อน สนใจเข้ามาดามใจฉันหน่อยไหมล่ะ” “อันนี้เต๊าะหรือเอาจริง?” เขาเลิกคิ้วถามอย่างไม่ไว้ใจ “หึ ๆ บอกแล้วไง ได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไม่เอา” ฉันไหวไหล่ด้วยท่าทางไม่ยี่หระ ก่อนจะจ้วงตักกินส้มตำคำใหญ่ ส่วนพี่พญาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่มองมาที่ฉันนิ่ง ๆ ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างคิดอยู่ในหัว ฉันไม่ได้เซ้าซี้ให้เขารำคาญ รีบกินให้เสร็จแล้วรีบกลับ เพราะมีนัดกับเพื่อนตอนบ่ายสอง “ไม่เติมน้ำมันก่อนเหรอ” “ไม่เติมหรอก ยังเหลือเยอะ ขับกลับอีกสองรอบได้สบาย” ฉันรู้จักรถของตัวเองดี เลยตอบไปแบบนั้น เมื่อจ่ายเงินเสร็จก็พาเขาขับออกมาทันที “ค่าอาหารแล้วก็ค่าเสียเวลาเท่าไหร่ คิดมานะ เดี๋ยวบอกให้ตาพวงไปจ่าย” เขาชะเง้อหน้ามาพูดด้วย ดูเหมือนว่าจะเริ่มพูดกับฉันบ้างแล้วแฮะ หลังจากที่ก่อนหน้านี้แทบจะง้างปากให้พูด “ไม่เป็นไร เลี้ยง” ฉันตะโกนโต้แข่งกับเสียงลม ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อ จนกระทั่งมาถึงเขตป่าทึบ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น “เอ้า คือดับ” (เอ้า ทำไมดับ) ฉันย่นคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะจู่ ๆ รถก็ดับไปเสียดื้อ ๆ “น้ำมันหมดหรือเปล่า” “ไม่หมดหรอก ครึ่งถังเลยเนี่ย” ฉันชี้มือให้ดูที่หน้าปัดสีแดงเล็ก ๆ หน้ารถ ก่อนจะลองสตาร์ตซ้ำอีกหลายรอบ แต่มันก็ไม่เป็นผล “เป็นอะไรของมันวะ” ฉันเริ่มหัวเสีย เลยลงมาจากรถเพื่อสำรวจดูรอบคัน แต่มันก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งพี่พญาเปิดดูถังน้ำมัน ถึงได้รู้สาเหตุอันแท้จริง “โห เกลี้ยงถัง!” ฉันยกมือขึ้นกุมขมับ ไม่คิดว่าเข็มปัดน้ำมันจะเสีย อะไรมันจะซวยขนาดนี้วะเนี่ย “ปั๊มน้ำมันอยู่ไกลไหม” “ไกล เกือบถึงหมู่บ้านเราเลย อะไรมันจะซวยขนาดนี้เนี่ย พามาทางลัดอีกต่างหาก แถวนี้แทบไม่มีรถแล่นผ่าน” หากพกโทรศัพท์มาด้วยก็คงไม่มีปัญหา แต่เมื่อเช้าดันลืมหยิบมาด้วยนี่สิ ใครจะไปคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จะโทษว่าฉันสะเพร่าก็ไม่ได้นะ มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ นี่ “อีกนานไหมกว่าจะถึงถนนเส้นใหญ่” “ประมาณสองกิโล” ฉันพูดพร้อมกับถอนหายใจยาวเหยียด “จูงไปก่อนแล้วกัน เผื่อมีรถมา” พี่พญาไม่ได้หัวเสียแบบที่ฉันเป็น เขารีบเตะขาตั้งรถขึ้นแล้วจูงรถไปตามถนนโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ คงมีเพียงแค่ฉันนี่แหละที่เดินไปบ่นไป แดดก็ร้อน น้ำก็ไม่มี ชีวิตอีนาวนี่มันมีแต่เรื่องจังวะ “เดินไปก่อนเลยนะ ไม่ไหวแล้ว” เดินออกมาได้เกือบถึงกิโลเมตร ฉันก็ทิ้งตัวลงนั่งใต้ร่มไม้เหงื่อท่วมตัว ถ้าเดินเฉย ๆ มันคงไม่เหนื่อยเท่านี้ แต่ฉันทั้งเดินทั้งบ่นไปตลอดทางเลยเสียพลังไปเยอะ “นั่งซ้อนอยู่มอเตอร์ไซค์ก็ได้ เดี๋ยวฉันเข็นเอง” “ได้ไงล่ะ พี่ไม่สบายอยู่นะ” ฉันปฏิเสธทันที เพราะไม่ชอบเอาเปรียบใครอยู่แล้ว แต่ขอให้ได้นั่งพักก่อน พี่พญาไม่ได้เข็นไปล่วงหน้าตามคำสั่ง เขาเตะขาตั้งลงแล้วเดินเข้ามานั่งอยู่ข้าง ๆ กัน ทั้งที่จูงรถมาตั้งนาน แต่กลับไม่ได้ยินเสียงหอบหายใจดังมาจากเขาเลย มีแค่ฉันคนเดียวที่หอบหายใจเสียงดังเหมือนจะขาดอากาศ ก็มันเหนื่อยจริง ๆ นี่ น้ำก็ไม่มี หากได้ลูกอมสักก้อนก็คง... จริงสิ ฉันล้วงมือเข้าไปในถุงกางเกง ก่อนจะหยิบลูกอมสีเขียวออกมาถือ “ดีนะที่ไม่หยิบออก” ฉันยิ้มกว้างด้วยความดีใจ รีบฉีกซองลูกอมแล้วยัดก้อนกลม ๆ รสเปรี้ยวหวานเข้าปาก แต่อมไว้เรียบร้อยแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่าควรแบ่งให้พี่พญากินด้วย “มีก้อนเดียวอะ” ฉันหันไปมองที่คนข้างกัน เห็นว่าเขากำลังจ้องมาที่ฉันอยู่เลยชิงบอกก่อน “แต่แบ่งให้ได้นะ” ว่าแล้วก็คายลูกอมใส่มือ จากนั้นก็ยื่นส่งให้กับเขา ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่พูดจาอะไร เอาแต่จ้องหน้าฉันนิ่ง “พี่ด่ามาเลยก็ได้นะ บอกว่าฉันกวนตีนก็ได้ แต่ไม่ต้องมองแบบนี้” ตั้งใจจะกวนให้อารมณ์ดี แต่เขายังทำหน้านิ่งอยู่เช่นเคย ฉันเลยยกลูกอมในมือกลับเข้าปากอีกครั้ง “แดดขนาดนี้ฉันว่า...” หมับ แต่แล้วสิ่งที่ฉันตั้งรับไม่ทันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ ต้นคอก็ถูกคนด้านข้างคว้าเข้าหา ก่อนจะทาบริมฝีปากเข้ามาประกบอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก จนฉันนิ่งค้างไปอย่างหลุดลอย ดวงตากลมโตเบิกโพลง ไม่กล้าขยับเขยื้อนหรือต่อต้าน ปล่อยให้ปลายลิ้นร้อนของเขาสอดเข้ามาในโพรงปาก ก่อนจะฉกชิงลูกอมรสมะนาวออกไปอย่างง่ายดาย คนร่างหนาผละริมฝีปากออกอย่างช้า ๆ แต่ไม่ได้ละสายตาไปจากไหน ในขณะที่ฉันยังตาโตหัวใจเต้นรัวจนแทบจะกระเด็น “รสมะนาวก็อร่อยดีนะ” ฉันรีบหลบสายตาทันที ไม่รู้ว่าควรพูดหรือทำอะไรกับสถานการณ์นี้ มันมึน ๆ งง ๆ อย่างบอกไม่ถูก “ทำไมทำหน้าแบบนั้น โกรธเหรอ ฉันคืนให้ก็ได้” ว่าแล้วก็ยื่นหน้าเข้ามาเหมือนต้องการจะคืนลูกอมให้ฉันด้วยวิธีการเดิม แต่ฉันก็ลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ดะ แดดอ่อนแล้ว รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวค่ำมืดก่อน” ว่าแล้วก็รีบเดินนำเขาไปทันที ร่างกายไม่มีความเหน็ดเหนื่อยอีกต่อไป แต่หัวใจกลับเต้นรัวเร็วอย่างบ้าคลั่ง เมื่อกี้... มันคืออะไรกัน จูบเหรอ? ขะ เขาจูบฉันเหรอ ไม่ใช่หรอกมั้ง เขาก็แค่ต้องการจะแย่งลูกอม แต่มันต้องเอาปากมาจุ๊บกันแบบนี้เลยหรือไง! แถมเมื่อกี้เขายัง... สอดลิ้นเข้ามา บ้าเอ๊ย!! หยุดคิดสักทีสิมะนาว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD