บทที่ 3 ใครโทรจิก

2762 Words
บทที่ 3 ใครโทรจิก วันต่อมา..  จอมทัพเข้าห้องบรรยายด้วยสีหน้าและแววตานิ่งขรึมอย่างทุกครั้ง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือผมถูกเซตมาอย่างดี ดูเนี๊ยบ ดูทรงนายแบบเกินกว่าจะเป็นผู้ชายที่ชอบลากอีแตะหูหนีบไปเดินห้างอย่างจอมทัพ แปลก..แปลกจนอัคคีอดไม่ไหวต้องเอ่ยปาก “ผีบิวตี้บล็อกเกอร์เข้าสิงมึงเหรอถึงเซตผมมาซะหล่อ ปกติแค่อาบน้ำแปรงฟันมาเรียนตอนเช้าได้ก็ดีถมเถ” อย่างที่รู้กันคณะวิศวะมีนักศึกษาชายเสียส่วนใหญ่ เวลาเลิกเรียนหรือไม่มีงานค้างส่ง พวกเขามักรวมตัวไปท่องราตรีโต้รุ่งอยู่ตลอด เมาหัวราน้ำ นัดหญิงมาเย็บ ถ้าเงินเหลือ ๆ ก็ลงอ่างหาสาวช่วยอาบน้ำ กว่าจะนอนก็ตีหนึ่งตีสอง ฉะนั้นการตื่นมาเรียนคาบเช้าจึงทุลักทุเลพอสมควร อย่างเมื่อคืนพวกเขาก็อยู่ร้านนั่งชิลแถวคอนโดจอมทัพ แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมันถึงเทเพื่อน หนักไปกว่านั้นคือเทคนคุยที่พูดนักพูดหนาว่าตรงสเปก หลังจากพาไปฉี่บนคอนโดมันก็ปล่อยให้น้องไข่มุกกลับร้านคนเดียวเฉยเลย “มึงมีพิรุธว่ะทัพ” “อย่ายุ่ง” จอมทัพปัดมือที่ยุ่มย่ามกับผมออกไปให้พ้น ไม่ต้องสืบว่าเรื่องที่ถูกอัคคีแซวเป็นฝีมือใคร เขาถูกนาเดียร์ปลุกมากินข้าวเช้าตั้งแต่ไก่โห่ ถูกจับแต่งตัว ถูกจับเซตผมจนมันแผล็บอย่างที่เห็น หากเป็นตอนเด็กถือว่าปกติ เพราะนาเดียร์มักตื่นเช้า ตื่นคนเดียวไม่พอเจ้าหล่อนยังมุดรั้ววิ่งมาปลุกเขาถึงเตียง เสียงเร่งให้อาบน้ำ เร่งให้ทำธุระส่วนตัวดังแจ้วเกือบหนึ่งชั่วโมงของวันที่ต้องไปเรียน พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จทั้งคู่จะนั่งกินข้าวด้วยกัน หลังจากนั้นก็สะพายกระเป๋าขึ้นรถเก๋งคู่ใจของพ่อใหญ่จอมทองเดินทางไปโรงเรียน ความทรงจำวัยเด็กน่ะมันดี แต่เริ่มไม่ดีเพราะตอนนี้เขาโตเป็นหนุ่ม เธอเองก็โตเป็นสาว นาเดียร์ก็ใช่จะหน้าตาขี้เหร่ ตื่นมาเจอคนน่ารักใครจะควบคุมอารมณ์หื่นวัยหนุ่มได้ ไม่ใช่เพิ่งเป็น แต่เขาเป็นมานานแล้วต่างหาก “เมื่อคืนมึงมีของดีแต่ไม่อยากเผื่อแผ่พวกกูใช่ไหม” อัคคียังเซ้าซี้ไม่เลิก ถามไข่มุกก็ไม่ยอมบอก เลยต้องมาเค้นเอากับเพื่อนแทน “พูดมาก” จอมทัพหยิบหนังสือในเป้มาวางด้วยท่าทีเฉยเมย ไม่ใส่ใจอาการเสือกของเพื่อนสนิทแม้แต่น้อย “เฮ้ย!! ห่อข้าวมาด้วย?” เสียงดังไม่พออัคคียังสะกิดเพื่อนอีกสองคนให้หันมาดู อาทิตย์กับแดนไทจึงกระทำการสาระแนด้วยการหยิบกล่องสีฟ้ามาวางบนโต๊ะ สามหนุ่มมองหน้ากันแล้วหัวเราะ ก่อนหันมาหรี่ตาจับผิดคนหน้ามึนอย่างพร้อมเพรียง “ไหนเหลามาซิอ้ายทัพ กูอยากรู้ว่าใครทำข้าวกล่องให้มึง” แดนไทกระแทกไหล่ถามยิ้ม ๆ ด้วยความที่จอมทัพเป็นคนอีสานและมักแต่งตัวปอน ๆ พวกเขาจึงเรียกมันว่า ‘อ้ายทัพ’ แต่ถึงจะแต่งตัวปอน ๆ ขับกระบะสี่ประตูธรรมดา ชอบใส่เสื้อเก่ากับกางเกงสีซีดจอมทัพก็ยังเท่ ต่อให้ใส่เสื้อแถมปุ๋ยลากอีแตะหูหนีบ ก็ไม่อาจบดบังรัศมีความหล่อของเจ้าตัวได้ มันหล่อชนิดที่ว่าตอนย้ายมาใหม่ ๆ สาวในมหา’ ลัยคลั่งไคล้กันถ้วนหน้า ถึงขนาดตามมาเฝ้าถึงคณะ ตามไปสนามบาส บางคนซื้อของแพง ๆ เอาใจ มากหน้าหลายตาจำเกือบไม่หมด ถ้ามันเรียนตั้งแต่ปีหนึ่งมันคงได้ประกวดเดือนมหา’ ลัยแน่นอน “บอกมาใครทำข้าวกล่องให้มึง” “มีแต่ผลไม้ ใช่ข้าวที่ไหนล่ะ” คนถูกกระแซะจำใจต้องบอก พร้อมกันนั้นก็หยิบกล่องเจ้าปัญหาเก็บใส่เป้ตามเดิม เพราะเป็นคนขับถ่ายยาก นาเดียร์จึงมักสรรหาผลไม้ให้เขากินเป็นประจำ ไม่รู้เธอตื่นเช้าแค่ไหนถึงได้มีสับปะรดกับมะละกอสุกใส่กล่องมาให้กินที่มหา’ ลัย เดาว่าคงไม่ได้สำรวจแค่ห้อง นาเดียร์คงสำรวจร้านค้าแถวคอนโดเป็นที่เรียบร้อย “ยิ่งน่าสงสัยว่ามึงซุกหญิง เทน้องมุกเพราะมีคนใหม่แล้วดิ” เป็นเสียงของอาทิตย์ที่เริ่มตั้งประเด็น อีกสองคนก็พยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ใช่อย่างที่พวกมึงคิด” “แล้วมันยังไง?” อัคคีถามย้ำอย่างจริงจัง “ไม่บอก” “เอ้า!” “เอ้า!” “เอ้า!” สามหนุ่มที่ตั้งท่าใส่ใจร้องออกมาพร้อมกัน จอมทัพก็เป็นแบบนี้ ถ้าไม่อยากพูดใครก็ง้างปากมันไม่ได้ เหมือนจะเจ้าชู้จีบหญิงเก่ง แต่จริง ๆ ไม่เคยจีบใคร ทุกคนเข้าหามันเอง ขนาดไข่มุกที่ว่าตรงสเปก ฝ่ายหญิงยังเป็นคนทักมาคุยก่อน “ไอ้ทัพ! จะพูดไม่พูด ไม่งั้นพวกกูเลิกคบ” แดนไทข่มขู่ท่าทีจริงจัง ทว่าคนถูกขู่หาได้สนใจไม่ แถมจอมทัพยังตอกกลับอย่างเจ็บแสบอีกต่างหาก “ตอนเรียนถ้าตั้งใจเหมือนตอนเสือก พวกมึงคงได้เกียรตินิยม” “ปากดีนะมึง!” อัคคีกัดฟันพูด “ก็หยุดเสือกสักที กูรำคาญ!” สายตาทุกคู่พุ่งไปมองจอมทัพด้วยความหมั่นตีน ก็ปากดีแบบนี้ไงสาวถึงอยู่ด้วยไม่นาน ไอ้เพื่อนหน้ามึนชอบมีสัมพันธ์แบบนัดเย็บชั่วคราว เป็นความสมัครใจทั้งสองฝ่าย พวกเขาไม่เคยเห็นมันตามตื๊อหรือจีบใครเป็นจริงเป็นจังสักคน “เออ..ต่อไปก็อย่านับพวกกูเป็นเพื่อนก็แล้วกัน” “งอน?” จอมทัพเลิกคิ้วถามในจังหวะที่อัคคีทำเสียงสอง ใครจะเชื่อว่าคนเถื่อนอย่างมันจะขี้น้อยใจ ทุกอย่างคือการแสดง อัคคีการละครชัด ๆ “เงียบเลยพวกมึง อาจารย์ปราโมทมาแล้ว เดี๋ยวก็ถูกตีกบาล,กระบาลแตกหรอก” อาทิตย์เป็นคนร้องบอกเพื่อน ๆ จากนั้นบทสนทนาของสี่หนุ่มก็เป็นอันปิดฉากลง เช้านี้ต้องเรียนวิชาเฉพาะ อาจารย์ก็สายโหดอย่าบอกใคร ขืนเสียงดังได้โดนหนังสือบินใส่หัว ซึ่งอัคคีเคยเจอมาแล้ว หัวปูดตั้งหลายวันกว่าจะหาย ชาวแก๊งเรียนวิศวะโครงสร้างซึ่งเป็นสาขาย่อยของวิศวกรรมโยธา อีกหนึ่งเดือนก็สอบปลายภาค จึงต้องตั้งใจเป็นพิเศษเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้ไว้ใช้สำหรับทำข้อสอบ เรียนหนัก ดื่มโหด ก็หนุ่ม ๆ คณะวิศวกรรมศาสตร์นี่แหละ หลังเลิกเรียนสองหนุ่มก็มานั่งคุยงานที่ต้องส่งอาจารย์ก่อนสอบ หากนับว่าจอมทัพสนิทกับใครที่สุดในแก๊ง ก็เห็นจะเป็นอัคคี ส่วนอาทิตย์กับแดนไทเป็นคู่หูกัน แต่ทั้งหมดคือกลุ่มเดียวกัน รวมถึงเพื่อนร่วมคลาสอีกหลายคนที่ชอบแฮงเอาท์ด้วยกันอยู่บ่อย ๆ ร้านอยู่ใกล้คอนโดของจอมทัพ ซึ่งเป็นย่านชุมชน อยู่ใกล้มหา’ลัย อยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า ห้องพักแถวนี้จึงแพงหูฉี่ เหตุนี้จอมทัพจึงจ่ายค่าเช่าต่อเดือนสูงมาก เดิมทีจะเลือกขนาดหนึ่งห้องนอนเพราะราคาถูก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกขนาดสองห้องนอนกับสามห้องน้ำ นึกแล้วก็ดีใจที่ตัดสินใจถูก ไม่งั้นคงบันเทิงถ้าต้องนอนห้องเดียวกับนาเดียร์ Rrrr Rrrr “รับเถอะ ไม่ก็ปิดเสียงไป กูรำคาญ! จะคุยงานก็ดังอยู่นั่นแหละ” อัคคีมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มีเสียงเตือนและแสงวูบวาบนาทีต่อนาทีเลยทีเดียว “อืม” จอมทัพไม่ได้ปิดเสียงแต่คว่ำหน้าจอลงบนโต๊ะแทน “ไอ้สองตัวแม่งติดกี ไม่มาช่วยทำเลยว่ะ กูโคตรเซ็ง” งานกลุ่มมีสี่คนแต่อาทิตย์กับแดนไทไปตามจีบสาว ภาระเลยตกมาที่เขากับจอมทัพ คิดแล้วอัคคีอยากโทรด่าไอ้พวกนั้นฉิบหาย “งานก่อนพวกมันก็ทำสองคน ส่วนมึงกับกูติดกี ถือว่าหายกัน” จอมทัพพูดตามจริง “เออ ๆ กูแค่บ่น” อัคคีจำใจปล่อยผ่าน จากนั้นก็เริ่มคุยอย่างจริงจังเพื่อได้ข้อมูลครบถ้วน Rrrr ในตอนกำลังคุยอย่างออกรสออกชาติเสียงเรียกเข้าก็ดังขัดจังหวะ อัคคีจึงเริ่มโวยอีกรอบ หงุดหงิดไอ้สองตัวไม่พอ ยังต้องมาหงุดหงิดกับจอมทัพอีก “ไอ้เหี้ย! มึงจัดการหน่อยดิวะ! โทรจิกอย่างกับเมีย ตกลงใคร?” “ไม่ใช่ใครทั้งนั้น กูปิดเครื่องแล้ว มึงคุยต่อเลย” จอมทัพยัดโทรศัพท์ใส่เป้เพื่อตัดปัญหา จิกเก่งขนาดนี้จะเป็นใครไปได้นอกจากนาเดียร์ คนนี้ยิ่งกว่าเมียเสียอีก เจอกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงก็เหมือนเขาได้กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม แบบที่ยังเป็นเพื่อนสนิท แบบที่ยังได้อาศัยอยู่ในบ้านรั้วติดกัน.. ผ่านไปราวสามสิบนาทีความบังเอิญที่ไม่อยากให้เกิด ก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อเพื่อนหน้าใสที่จอมทัพเลี่ยงพูดถึงมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มหวานหยดไม่ชวนมองเท่าการแต่งตัวของเธอ วันนี้ร่างผอมบางอยู่ในชุดกางเกงยีนขายาวกับเสื้อสายเดี่ยวสีชมพู เห็นร่องอกแวบ ๆ แวม ๆ ผมยาวสลวยถูกถักเปียข้างเดียวแล้วเบี่ยงมาด้านหน้า นาเดียร์สวมหมวกแก๊ปที่มีอักษรย่อ ‘JT’ ปักอยู่ สงสัยคงเข้าไปหยิบในห้องมาใส่ และไอ้เพื่อนขี้เสือกคงจำได้ว่าหมวกใบนี้ไข่มุกสั่งทำให้เขา มันถึงยักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียนเสียยกใหญ่ ทำเหมือนเขาจับปลาสองมืออะไรทำนองนั้น “น่ารักขนาดนี้ มึงถึงไม่อยากให้พวกกูเห็น” คำพูดของอัคคีไม่สำคัญเท่าหญิงสาว จอมทัพเลยไม่ตอบโต้ เขาพุ่งความสนใจไปยังนาเดียร์ในทันที “มาตามเหรอ?” “เปล่า..เรามาซื้อน้ำปั่นร้านโน้น พอดีเห็นทัพนั่งอยู่ร้านนี้เลยมาหา” “โทรทำไมตั้งหลายรอบ” “จะถามว่าตอนเย็นอยากกินอะไร เราจะทำให้กิน” ถึงประหม่ากับสายตาของคนแปลกหน้า นาเดียร์ก็ยังพูดกับเพื่อนสุดหล่อด้วยน้ำเสียงสดใส ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังหย่อนสะโพกนั่งเคียงข้าง แสดงความสนิทสนมโจ่งแจ้ง แต่เลือกจะไม่สบตากับอีกคน มีหรืออัคคีจะปล่อยผ่าน ยิ่งหลบเขาก็ยิ่งอยากรู้ สาวที่ไม่รู้จักกับเพื่อนหน้ามึน มันต้องมีลับลมคมในแน่นอน “หวัดดีครับ” เงียบ.. ไม่มีเสียงตอบกลับแต่อัคคีก็ไม่ยอมแพ้ เขายังคงเล่นหูเล่นตาใส่คนน่ารักพร้อมพูดอย่างกรุ้มกริ่ม “ไม่อยากรู้จักผมเหรอครับ ไม่สิ..ขอถามเลยแล้วกันว่าเป็นอะไรกับไอ้นี่” คนอยากเสือกชี้ไปยังเพื่อนหน้าหล่อ “........” นาเดียร์เกาะแขนจอมทัพแทบจะทันที ช้อนตาขึ้นมองอย่างวิงวอนเพื่อขอให้เขาช่วยตอบ เธอป่วยเป็นโรคกลัว (phobia) มาตั้งแต่เด็ก แต่เพราะได้รับการรักษาและกินยาอย่างต่อเนื่อง อาการจึงดีขึ้นในระดับเกือบปกติ ซึ่งหมอสั่งให้หยุดยามาหนึ่งปี แต่บางทีก็ยังมีอาการอยู่บ้างเวลาถูกจับจ้องเชิงเจ้าชู้จากคนไม่รู้จัก “ไม่ตอบ? แสดงว่ามีอะไรในกอไผ่ ใช่ไหมอ้ายทัพ?” ประโยคหลังอัคคีหันมาถามฝ่ายชายแทน “มีก็เหี้ยแล้ว! คนนี้เพื่อนกู!” จอมทัพชำเลืองมองคนข้างกาย เห็นมือเล็กสั่นเทาก็เข้าใจว่าอาการเก่ากำเริบ จึงก้มลงส่งเสียงปลอบโยนเพื่อให้เธอคล้ายกังวล “มันเป็นเพื่อนเราเอง ถึงขี้เสือกแต่มันน่ารักนะ” “อื้อฮือ..อ้ายทัพ” อัคคีเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงล้อเลียนในจังหวะที่หญิงสาวซบหน้าบนต้นแขนของจอมทัพ ปกติไอ้นี่ยอมให้คนคลอเคลียที่ไหน นิสัยแข็งเป็นเสาหินเลยล่ะ สาวที่มีซัมติงด้วยก็แค่นั่งคุย ไม่เคยเห็นมันยอมให้กอดอย่างในเวลานี้ “อยู่กับเราเธอไม่ต้องกลัว” ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวของหญิงสาวเบา ๆ “เราไม่กลัว” คนถูกปลอบพูดอย่างเข้มแข็ง แต่กระนั้นก็ยังเกาะซบแขนแกร่งไว้แน่น “ไม่กลัวก็ทักทายมันหน่อยเร็วคนเก่ง” จอมทัพก้มหน้าลงต่ำพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เป็นการกระทำที่แปลกประหลาดสำหรับอัคคี อยู่กับคนอื่นแข็งเหมือนสาก พออยู่กับคนนี้ละมุนยังกับปุยนุ่น เพื่อนแบบใด? อัคคีชักสงสัย “หวัดดี เราชื่อนาเดียร์ เรียกเดียร์เฉย ๆ ก็ได้ค่ะ” “ออ..หวัดดี เรียกเราว่าอัคได้เลยนะ” คนถูกทักทายตอบรับอย่างมึนงง อะไรที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น บอกเป็นเพื่อนแต่พฤติกรรมออกทางผัวเมีย เรื่องนี้อัคคีจะไม่ยอมเห็นคนเดียวเด็ดขาด ว่าแล้วคนคิดเร็วทำเร็วก็ยกโทรศัพท์มาถ่ายรูป ก่อนส่งเข้ากลุ่มให้ชาวแก๊งช่วยพิจารณาว่าใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า “ทำเกินไปไหมวะ” ประโยคนี้จอมทัพพูดกับอัคคี “เกินอะไร กูแค่ถ่ายรูป” “ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” “ตกลงเป็นเพื่อนจริงดิ” ในที่สุดคนอยากเสือกก็วกกลับมาเรื่องเดิม “เดียร์เป็นเพื่อนสนิทกูเอง” “สนิท?” “ก็ตั้งแต่สองสามขวบเลย” “ตอนนี้โตแล้วยังสนิทอยู่ปะ?” คำถามกวนบาทาดังออกมาไม่หยุดปาก จอมทัพก็อ่อนอกอ่อนใจในความเซ้าซี้ กะจะไม่ตอบแต่พอก้มมองคนที่เงยหน้าขึ้นมา เขาก็ยอมรับตามตรง “สนิทสิ” เพียงเท่านั้นจอมทัพก็ได้เห็นรอยยิ้มดีใจจากเพื่อนตัวน้อย ที่ถึงแม้จะประหม่าเธอก็ยังอุตส่าห์ปลาบปลื้มกับสิ่งที่ได้ยิน “งั้นเดียร์ก็มาจากขอนแก่นเลยอะดิ” “อืม” จอมทัพตอบส่ง ๆ ทว่าคนโกหกไม่เป็นกลับแย้ง “เรามาจากภูเก็ตต่างหาก” “อ้าว บ้านไม่ได้อยู่ขอนแก่นเหมือนมันหรอกเหรอ” “คือ..” “เดียร์อยู่กับแม่ที่ภูเก็ต ตอนนี้ได้งานทำที่กรุงเทพเลยมาอยู่ที่นี่” เป็นจอมทัพที่ชิงตอบแทน นาเดียร์จึงเม้มปากแล้วค่อย ๆ หันไปสบตากับอัคคีแบบตรง ๆ พอเห็นรอยยิ้มเป็นมิตรไม่มีแววคุกคาม เธอก็ยิ้มตอบด้วยท่าทีเป็นมิตรเช่นกัน “เพื่อนมึงยิ้มสวยวะทัพ กูจีบเลยแล้วกัน” “หยุด!” “หวง?” “ไม่ได้หวง” “งั้นกูก็จีบได้ดิวะ” “จีบตีนกูนี่!” “เอ้า! ของขึ้นทำไม?” “ไม่ต้องเสนอหน้า คนชั่วอย่างมึงไม่เหมาะกับเพื่อนกูหรอก” “มึงแหละไม่ต้องเสนอหน้า กูจีบเดียร์ ไม่ได้จีบมึง ไม่ต้องสาระแนมาขัดขวาง” “กรุณาอย่ายุ่งกับเพื่อนกูครับ!!..เธอกลับเลยไหม เราคุยงานเสร็จพอดี” จอมทัพรวบหนังสือเก็บใส่เป้พร้อมส่งเสียงถาม แต่ไม่รอฟังคำตอบเขาก็ฉวยข้อมือของนาเดียร์ให้ลุกยืนพร้อมกัน “จะกลับเลยเหรอ? แล้วเพื่อนล่ะ” หญิงสาวออกอาการลังเล “กลับเลย..เราหิว” มือหนาประสานเข้ากับมือเล็กพาเดินออกจากร้าน โดยมีเสียงของอัคคีดังไล่หลังตามมา “เดี๋ยว! มึงอย่าหนี กูยังคุยงานไม่จบ เหลืออีกหลายหัวข้อที่ยังไม่ได้ร่างเนื้อหา” “เชิญมึงทำเอง “จอมทัพไม่สนใจอะไรอีก เขาจับมือนาเดียร์เดินไปพร้อมกันอย่างที่เคยทำมาตลอดหลายปี หากชาวแก๊งได้เจอหญิงสาว ก็คิดว่าคงต้องมีการจีบ จอมทัพไม่ได้กันท่า แต่เพราะเจอกะทันหันเลยตั้งตัวไม่ทัน ไว้เตี๊ยมคำพูดกับนาเดียร์ให้ดีก่อน ถึงจะพามาแนะนำอีกรอบ ยังไงก็ตั้งใจให้เธอลงเรียนใหม่ ไม่ต้องทำงานหาเงินเอง เมื่อคืนเขาคุยกับสปอร์ตเซอร์รายใหญ่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพ่อใหญ่จอมทอง พ่อเป็นถึงเจ้าของไร่อ้อยหลายร้อยไร่ มีที่ดินให้เช่าอีกหลายสิบแห่ง ตึกแถวให้เช่าอีกเพียบ บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่เปิดได้สี่ปีก็กำลังไปได้สวย เหตุนี้เขาถึงต้องเรียนวิศวะ เรียนจบก็เข้าทำงานที่บริษัทเลย พ่อได้ปูทางไว้รอ วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน เพื่ออนาคตที่มั่นคง เห็นไหม..พ่อใหญ่จอมทองรวยระดับเศรษฐี เลี้ยงเด็กตาดำ ๆ เพิ่มอีกคนได้สบายมาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD