แฮ่ก แฮ่ก !!!!!!
“ไหวไหมแกอีกรอบเดียวแก“
ยูมิสวยน้อยเอวบางร่างเล็ก ผิวนวลขาวออร่าหน้าหวานแบบสาวไทยแท้ ๆ ตะโกนเสียงหวานถามเพื่อนด้วยอาการหายใจกระหืดกระหอบ เพราะเธอกับเพื่อนถูกทำโทษให้วิ่งรอบสนามสามรอบ จากที่เธอและเพื่อนอีกสองคนมาสาย ทั้งที่เพิ่งจะเปิดเทอมที่มหาลัยเป็นวันแรก และวันนี้ก็เป็นวันรับน้องใหม่ด้วย
“ไหวแกแต่ฉันอยากจะอวก”
เสียงของณิชาพูดขึ้น ขณะวิ่งตามหลังฉันมาติด ๆ ด้วยอาการเมาค้าง ที่ทั้งฉันและเพื่อนอีกคนชวนกันไปเลี้ยงฉลองเปิดเทอมวันแรก
”พะพิง เร็ว ๆ สิอีกรอบเดียวก็เสร็จแล้ว“
ฉันตะโกนเรียกพะพิง ที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบ อยู่ไกลออกไปประมาน 50 เมตร ก่อนฉันกับณิชาจะหยุดยืนรอให้พะพิงวิ่งมาให้ทัน
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก !!!
”แกฉันไม่ไหวแล้วนี่ฉันมาเรียนวิศวะ หรือฉันมาเรียน ฝึกทหารรบกันแน่เนี่ย ใจดำชะมัดเลยมาสายแค่ 20 นาทีเอง“
พะพิงทั้งวิ่งทั้งบ่นด้วยความเหนื่อย ก่อนจะหยุดลงทันทีที่วิ่งมาถึง ฉันกับณิชาที่ยืนรออยู่ พร้อมเอามือวางค้ำไว้ที่ขาทั้งสองข้าง ก้มหน้าลงมองพื้นด้วยอาการเหนื่อยหอบ
”นั่นสิไอ้พวกรุ่นพี่เฮงซวย คิดว่าเป็นรุ่นพี่แล้วจะทำอะไรก็ได้มัง อยากจะบ้า“
ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ก่อนที่จะหันหน้ามองไปยังกลุ่มรุ่นพี่ ที่ยืนรออยู่หน้าอาคารวิศวะ ด้วยสายตาฉายประกายความโกรธ จนฉันเองรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า ด้วยความที่เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลมาเฟีย เธอจึงมีนิสัยกล้าได้กล้าเสีย กล้าพูดกล้าทำทุกอย่างที่เธอไม่พอใจ แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด เธอเป็นคนที่มีเหตุผล และจะไม่โอเครแค่กับสิ่งที่เธอคิดว่าไม่ถูกต้องเท่านั้น
“แกวิ่งต่อเถอะจะได้เสร็จ ๆ ปะอีกแค่รอบเดียว“
ณิชาพูดจบก็ยกมือขึ้นมา คว้าแขนของฉันกับพะพิงให้วิ่งต่อ ก่อนที่ณิชาจะก้าวขาวิ่งนำหน้าเราสองคนออกไปก่อน
“ไปยูมิวิ่งแก”
พะพิงหันมาดึงแขนฉันให้วิ่ง ในขณะที่ฉันเองยังยืนตัวแข็ง มองไปยังรุ่นพี่ที่ยืนรออยู่ในร่มอย่างสบายอารมณ์ ราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวกันพวกฉันเลยแม้แต่น้อย แต่ก็นั่นแหละสุดท้ายฉันก็ต้องก้าวขาวิ่ง เพราะฉันถูกพะพิงรากแขนให้วิ่งตามไปติด ๆ
“อ้าวปรบมือให้เพื่อนทั้งสามคนหน่อย วิ่งรอบสนามครบแล้ว”
แปะ แปะ แปะ แปะ
ทันทีที่เราสามคนวิ่งมาถึง เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมเสียงปรบมือเสียงดัง จากเพื่อน ๆ ปี 1 ศณะวิศวะ ที่เพิ่งจะมาวันนี้เป็นวันแรก เหมือนกับพวกฉันสามคน ขณะที่ฉันกับเพื่อนอีกสองคนเดินหายใจกระหืดกระหอบ มายังสนามหญ้าหน้าอาคารวิศวะจนแทบลมจับ
ท่ามกลางสายตาของเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน และรุ่นพี่มองมาพร้อมกันแทบจะทั้งหมด
“นี่เป็นตัวอย่างเพื่อครั้งต้อไปถ้ามีกิจกรรม ห้ามใครมาสายถ้ามาสายต้องถูกลงโทษ เหมือนสามคนเมื่อสักครู่นี้”
เสียงของรุ่นพี่คนเดิมพูดขึ้น ขณะที่ฉันณิชาและพะพิง ยังนั่งหายใจหอบกันอยู่ด้วยความเหนื่อย
“หึ ตัวอย่างที่ไม่ดีงั้นหรอ พูดแรงเกินไปแล้วมัง”
ฉันที่รู้สึกว่ารุ่นพี่คนนี้ พูดให้เราแรงไปจนเกินกว่าเหตุ และแน่นอนฉันมองค้อนไปยังรุ่นพี่ที่พูดขึ้นเมื่อซักครู่นี้ อย่างไม่พอใจ
“แกใจเย็นก่อนนั่งลง / พอดีเพื่อนหนูฤดูมาอยู่ค่ะพี่ ก็เลยอารมณ์ไม่คงที่เท่าไร หนูต้องขอโทษแทนเพื่อนหนูด้วยนะคะ“
พะพิงดึงแขนฉันให้นั่งลง ก่อนจะหันหน้าไปขอโทษรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ด้านหน้า พร้อมก้มหัวให้เล็กเพื่อเป็นการขอโทษ
“แต่ฉันแค่มาสายนะแก ฉันไม่ได้ฆ่าใครตายซะหน่อย ทำไมต้องขอโทษด้วยละ“
ยูมิพูดเสร็จก็เดินตรงไปยังรุ่นพี่อย่างไม่ยอม ก่อนจะถูกแขนใหญ่ของใครบางคน หิ้วเอวบางของเธอขึ้นมาเหนือพื้น พร้อมแนบไว้ที่เอวใหญ่ของเจ้าของคนร่างใหญ่ นั้น จนร่างเล็กร้อยละริ้วขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะพบว่าคนตัวสูงนั้น กำลังก้าวขาเดินพร้อมหิ้วร่างของเธอ ออกมาด้านนอกกลุ่ม
“นี่ปล่อยฉันนะ ปล่อย ปล่อยฉันลงเดียวนี้”
เสียงหวานตะโกนบอกคนร่างใหญ่ ให้วางเธอลงแต่ก็ไม่เป็นผล เขาก้าวขาเดินตรงไปที่ใต้อาคาร
“ยูมิ”
เสียงของพะพิงและณิชาที่เรียกเพื่อน
“หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ต้องตามมา ไปทำกิจกรรมของตัวเองต่อไป“
เสียงดุของคนร่างใหญ่พูดขึ้น ก่อนจะหันหลังก้าวขาเดินตรงไปที่ใต้อาคารต่อ พร้อมวางเธอลงที่โต๊ะม้าหินก่อนจะก้มลงมาจับที่ไหล่เธอทั้งสองข้าง
“พี่ทำอะไรของพี่”
เสียงหวานพูดขึ้น ขณะถูกวานลงที่โต๊ะนั้นอย่างไม่เบานัก
“หยุดพูด หุบปากของเธอแล้วสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อน นั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าจะคุมสติตัวเองได้”
เสียงนั้นยังคงดุเธอเช่นเดิม ก่อนที่ยูมิจะเงยหน้าขึ้นมองมายังใบหน้าหล่อของคนตัวสูง
“ฮุ้ยหล่อจัง หล่อโครต ๆ“
เธองึมงำขึ้นปากขยับเพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็ยังทำให้คนตัวสูงได้ยินอย่างแผ่วเบา ใบหน้าหล่อยังคงก้มลงมาใกล้เธอ จนเธอมองเห็นรูขุมขนเล็ก ๆ ที่มีไลขนเป็นเส้นบาง ๆ พร้อมทั้งเม็ดเหงื่อ ที่ผุดขึ้นมาเพียงเล็กน้อยที่ลำคอของเขา คงเป็นเพราะตอนที่แบกเธอออกมาเมื่อซักครู่ ที่ทำให้เขาร้อนจนเหงื่อออก พร้อมกับกลิ่นหอม ๆ ของตัว ที่ปะปนกับกลิ่นของน้ำหอมบาง ๆ
”หุบปากแล้วนั่งอยู่ตรงนี้“
แต่ทว่าพี่เขาดุอะไรขนาดนี้ เธอก็ยังเชยชมความหล่ออยู่ภายในใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยยอมใครมาก่อนแต่กับต้องเงียบปากลงอย่างฝืน ๆ เมื่อเจอเข้ากับรุ่นพี่คนที่ดูจะไม่ยอมเธอเหมือนกัน ฉันยังนั่งอยู่อย่างนั้นและพี่เขาเอง ก็ยังยืนคุมมองฉันอยู่อย่างนั้นเช่นเดียวกัน
“เอ่อหนูต้องขอโทษด้วยนะคะพี่ เพื่อนหนูเธอไม่ค่อยสบายด้วยค่ะ”
ฉันมองเห็นพะพิงจากใต้อาคาร เธอกำลังขอโทษรุ่นพี่แทนฉันอยู่ด้านนอก
“ไม่เป็นไรครับพี่เข้าใจ”
ก่อนที่ฉันจะมองไปเห็นรุ่นพี่คนนั้น เดินออกไปจากการรับน้อง อย่างหัวเสียอยู่ไม่น้อย
“ กฎก็ต้องเป็นไปตามกฎ ทำผิดก็ต้องทำโทษนี่คือกฎของคณะวิศวะที่นี่”
เสียงดุดันดังขึ้นขณะที่ฉันมองไปยังพะพิงและณิชา ที่ชะเง้อคอมองมาทีฉัน พร้อมทั้งสายตาของเขาบาดคมจ้องมองมาที่เธอ แต่ทว่าคนร่างเล็กกลับรู้สึกชอบกับความดุดันนั้น เธอกลับมองว่าผู้ชายคนนี้ ดูหน้าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก
“หนูทราบค่ะหนูต้องขอโทษด้วยค่ะ“
เธอไม่รอช้า พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกมาจากใต้อาคารทั้งที่ยังไม่ได้รับอนุญาติแม้แต่คำเดียว ท่ามเจ้าของสายตาดุนั้น ที่ยังจ้องมองเธอเดินออกมาอย่างไม่ละสายตา
”หึ“
เสียงขำในลำคอ พรางคิดว่าคนแบบนี้หรอจะมาเป็นภรรยาของเขาในอนาคต ปากร้ายแบบนี้จะไปกันยังไงรอด ถ้าเป็นแบบนี้มีหวังบ้านแตก เด็กใจแตกที่พ่อแม่จับใส่ตระกล้าล้างน้ำมาให้เขาชัด ๆ พร้อมก้าวขาเดินกลับมายังกลุ่มเพื่อน
“เครื่องแรงดีจริง ๆ แบบนี้มึงชอบไม่ใช่หรอวะไอ้ราเชน”
เดนจิเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มของราเชน ที่นั่งมองสาวน้อยที่กำลังไม่พอใจ กับบทลงโทษของรุ่นพี่เท่าไรนัก พร้อมกับฮายและคิว หันหน้ามองมายังราเชน ที่ยืนมองยูมิหน้านิ่งเรียบ
“น้องเขาน่ารักดีนะกูชอบแบบนี้แหละ ขาว ๆ ตัวเล็ก ๆ แต่นมแม่งบึ้มชิหาย ไอ้ราเชนมึงเห็นตอนน้องเขาวิ่งไหมวะ แม่งกระเพื่อมดีจริง ๆ พูดแล้วกูอยากจะเ****นขึ้นมาทันที่เลยไอ้เหี้ยเอ้ย“
ฮายเพื่อนในกลุ่มอีกคนที่ชอบ เหร่สาวรุ่นน้องปี 1 ไปสอยพูดขึ้น ก่อนจะยกมือขึ้นมาบีบกำ ที่เป่ากางเกงขายาวตัวสีดำของตัวเองไว้ เพื่อลดความเกรงตึง ที่เริ่มขยายตัวขึ้นเล็กน้อย
“กูไม่ชอบคนไม่ตรงต่อเวลาวะ“
เขามองหันกลับมามองหน้าเพื่อน อย่างไม่สบอารมย์
”มึงไปทำยังไงวะ น้องเขาถึงเดินเงียบกลับมาแบบนั้น“
คิวสายตาจับจ้องอยู่ที่คนตัวเล็ก พร้อมเอ่ยปากถาม
”เปล่า“
สายตานั้นยังคงบาดคม ที่คนตัวเล็กเหลือบตาขึ้นมามอง ก็ต้องรีบหลบสายตาลงในทันที