“ที่นี่เหรอพี่ฝน”
“ใช่”
“บริษัทนำเข้ารถยี่ห้อหรูและผลิตอะไหล่ รวมทั้งจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อดังในไทย”
“ใช่ ทำไมเหรอ”
“พี่ฝน เฟิร์นว่า เราอาจจะมีอะไรให้ตกใจมากกว่านี้นะ”
“ทำไมล่ะ”
“เดี๋ยวตอนถ่ายงานจะมีแต่พนักงานที่มาดูเราใช่ไหม”
“ไม่นะ เห็นว่าท่านประธานบริษัทจะมาดูด้วยนะ เราถ่ายรถตัวใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว คงจะมาคุมด้วยตัวเอง”
“อืม งั้นเดี๋ยวก็คงได้เจอ”
“เจอ..... ใครเหรอ?”
“เดี๋ยวพี่ฝนก็รู้”
หทัยชนกพูดกับผู้จัดการสาวของเธอด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ แต่อันที่จริงจะโทษอะไรวชิรวิษก็ไม่ได้ ในเมื่อตัวเธอไม่เคยถามเขา และเธอกับเขาก็ไม่เคยคุยกันถึงเรื่องอาชีพของอีกฝ่ายเลยสักครั้ง
หลังลงจากรถสักพักก็มีทีมงานมาพาหทัยชนกกับน้ำฝนเข้าไปยังห้องแต่งตัวที่ทางผู้ว่าจ้างได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ เมื่อเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาเริ่มถ่ายทำ หญิงสาวนั่งรออยู่หลังฉากเพื่อรอให้ทีมงานเซ็ทฉากให้เรียบร้อย ช่วงเช้าเป็นการถ่ายภายในรถและถ่ายแบบโคลสอัพ ในช่วงบ่ายก็จะเป็นการถ่ายฉากขับรถ ซึ่งตรงนี้ทีมงานเองก็หวั่นใจไม่น้อย เพราะพวกเขารู้แค่ว่าหญิงสาวขับรถเป็นและมีใบขับขี่เพียงเท่านั้น
“น้องเฟิร์น ฉากพร้อมแล้วค่ะ”
“ค่ะ”
เมื่อทีมงานเข้ามาตามที่หลังฉาก หญิงสาวก็เดินออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย จนกระทั่งเริ่มถ่ายทำไปได้ไม่นาน บุคคลที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง
“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเขาเดินเข้ามาภายในบริเวณสถานที่ถ่ายทำ
“ทุกคนครับ นี่คุณวชิรวิษ ประธานหนุ่มสุดหล่อของบริษัทเรา และเป็นท่านประธานใหญ่ของบริษัทในเครือครับผม” ดนัยที่เดินตามหลังร่างสูงมา เอ่ยปากแนะนำเขากับทุกคนอย่างเป็นกันเอง
พนักงานสาวหลายคนแอบซุบซิบกันถึงรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มที่มันโดดเด่นกว่านักแสดงหนุ่มหลายคน จนแม้แต่นักแสดงประกอบฉากสาวๆหลายคนเองก็คอยแอบมองเขาไม่ต่างกัน
“เชิญนั่งก่อนครับ ตอนนี้น้องเฟิร์นกำลังถ่ายฉากโคลสอัพ แต่ก็ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะครับ ฝีมือดีมาก” ผู้ช่วยผู้กำกับเอาเก้าอี้สนามมาให้ชายหนุ่มนั่งก่อนจะพูดอธิบายเบาๆ เมื่อพวกเขาก็กำลังลุ้นกับฉากที่กำลังถ่ายทำ
“หืม เฟิร์น หทัยชนก?” ร่างสูงที่กำลังหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ชะงัก แล้วทวนคำพูดด้วยน้ำเสียงเชิงถาม
“ครับ”
“ดิน นายลืมบอกอะไรฉันหรือเปล่า” ดวงตาคมมองจ้องไปที่ลูกน้องอย่างต้องการคำตอบ
“ผมก็เพิ่งรู้พร้อมกันนี่แหละครับนาย” ดนัยเองก็มีสีหน้าแปลกใจไม่แพ้กัน
“นายไม่ได้ดูชื่อนักแสดงหรือไง”
“เรื่องรายชื่อนักแสดง ทางคุณพรเป็นคนดูแลครับ”
“อืม เตรียมตัวรับศึกได้เลย”
“โถ่ นาย อย่าพูดแบบนี้สิครับ” ดนัยหน้าเหวอ เขาไม่มั่นใจเสียแล้วว่าศึกที่เจ้านายเขาว่า จะรับจากตัววชิรวิษหรือจากหทัยชนก
“คัท โอเค พักกอง” ผู้กำกับสั่งคัทเสียงดัง ผู้คนบริเวณหน้าฉากจึงพักการถ่ายทำและเดินออกมาจากฉากด้วยใบหน้าที่แสดงให้เห็นถึงอาการเหนื่อยอ่อนเล็กน้อย
วชิรวิษมองหญิงสาวที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีเดินเข้ามาที่หลังฉากด้วยแววตารอคอย เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาใกล้เขาก็ลุกขึ้นยืน
“.....”
“คะ?” หญิงสาวหยุดชะงักเมื่อเขายืนมองหน้าเธอโดยไม่ได้พูดอะไร
“มาตั้งแต่กี่โมง”
“เช้าค่ะ ไม่แน่ใจเรื่องเวลาค่ะ”
“แล้วทำไมไม่บอกพี่ว่ามาที่นี่”
“เฟิร์นเพิ่งรู้ตอนมาถึงที่นี่ค่ะ”
เพียงเท่านั้น บรรยากาศในกองก็เงียบสงัด พวกเขาอยากรู้อยากเห็นเมื่อรู้สึกว่าการพูดคุยของทั้งสองคนราวกับรู้จักกัน
“สวัสดีค่ะคุณดิน”
“สวัสดีครับคุณเฟิร์น”
“เอ่อ.....พวกคุณรู้จักกันเหรอ” ผู้กำกับเองก็ถามออกมาด้วยความแปลกใจ
“ครับ”
“.....” หญิงสาวยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เฟิร์นเป็นคนรักของผมเอง”
“.....เฟิร์นไปตกลงเมื่อไหร่คะเนี่ย”
“ไม่ได้ตกลงครับ แต่เฟิร์นไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”
“คำสั่งเหรอคะ”
“ครับผม”
ดนัยสะดุ้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาคุยเรื่องส่วนตัว แต่เมื่อมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นผู้คนแล้ว เขาได้โล่งใจที่ผู้ช่วยผู้กำกับกันคนให้ออกไปได้ทันเวลา
“พวกคุณไปคุยกันที่ห้องพักดีไหม พวกผมจะได้เซ็ทฉากใหม่” ผู้กำกับหนุ่มตบบ่าวชิรวิษเบาๆก่อนจะเดินออกไป
“รู้จักกันเหรอคะ”
“จ้ะ น้องชายเขาเป็นเพื่อนในกลุ่มของพี่ เลยได้รู้จักกัน”
“ค่ะ”
“ไปพักเถอะจ้ะ เฟิร์นคงมีอะไรจะถามพี่”
“ก็ไม่มีนี่คะ”
“ไปเถอะ”
หญิงสาวยืนชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินนำออกไป โดยมีดนัยกับน้ำฝนเดินตามด้วยใบหน้าที่แหยไม่แพ้กัน
“เอ่อ คุยกันไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ไปหาน้ำกับมื้อเที่ยงมาให้” น้ำฝนพูดขึ้นเมื่อมาถึงห้องพักที่ทีมงานจัดเตรียมไว้ให้พร้อมกับวางข้าวของลงบนโต๊ะ
“ผมพาไปครับ แถวนี้มีร้านอร่อยอยู่หลายร้านเลย” ดนัยรีบพูดขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่าถ้าน้ำฝนออกไป เขาก็ต้องอยู่กับทั้งสองคนนี้คนเดียว
“ไปค่ะ”
น้ำฝนกับดนัยแอบสบตากันแล้วรีบพากันเดินออกไป โดยไม่ลืมปิดประตูห้องให้กับทั้งสองคน
หลังจากที่ทั้งสองคนออกไป หทัยชนกก็หลับตาลงพร้อมกับเอนหลังพิงโซฟาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
“งานเยอะเหรอ”
“นิดหน่อยค่ะ”
“ถ่ายติดกันมากี่วันแล้ว”
“ตั้งแต่วันที่กลับมาจากไปเที่ยวนั่นแหละค่ะ เลิกกองตี 2 เข้ากอง 7 โมง ทุกวัน”
“แล้วเอาเวลาที่ไหนกลับบ้าน”
“ก็เลิกกองแล้วกลับเลย นอนกันบนรถเอา แล้วเปลี่ยนคนขับรถทุกวัน ไม่งั้นก็คงไม่ได้นอนกัน” หญิงสาวพูดด้วยท่าทางเหนื่อยล้า เธอไม่ได้ลืมตาด้วยซ้ำ
“แล้วทำไมไม่บอกพี่”
“เฟิร์นแทบไม่ได้จับโทรศัพท์ด้วยซ้ำ ขอนอนก่อนนะคะ พี่ฝนกลับมาเรียกเฟิร์นด้วยนะ”
วชิรวิษมองหญิงสาวที่เอนกายลงนอนบนโซฟา เธอหลับแทบจะทันทีที่พูดจบ เขาจึงถอดเสื้อสูทออกมาคลุมขาให้กับเธอ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวข้างๆ และนั่งเงียบๆอยู่แบบนั้น
“กลับมาแล้วค่ะ”
น้ำฝนเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปช้าๆหลังจากเคาะประตูห้อง เมื่อมาถึงก็เห็นว่าหญิงสาวกำลังนอนอยู่บนโซฟาโดยมีวชิรวิษนั่งทำงานอยู่ข้างๆ
“นาย”
“อืม”
ดนัยถือข้าวของเข้ามาวางบนโต๊ะ เขาซื้อมาสำหรับพวกเขาทั้ง 4 คน เพราะก่อนหน้านี้ได้เตรียมของเลี้ยงสำหรับทีมงานเรียบร้อยแล้ว
“เฟิร์น กินข้าว” น้ำฝนปลุกหทัยชนกพร้อมกับช่วยให้เธอลุกขึ้นนั่ง แล้วนั่งลงตรงข้ามหญิงสาว
“มานานแล้วเหรอคะ”
“เพิ่งมาถึงเลย กินก่อนนะ”
หลังจากที่ดนัยกับน้ำฝนช่วยกันเตรียมของกินให้หทัยชนกกับวชิรวิษเสร็จ ทั้ง 4 คนก็ลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าพร้อมกับเสียงพูดคุยเรื่องงานเบาๆจากสองหนุ่ม โดยที่หทัยชนกได้แต่นั่งกินเงียบๆ เพราะเธอยังสะลึมสะลืออยู่
ในช่วงของการถ่ายทำในครึ่งหลัง วชิรวิษมีอาการไม่สบายใจเล็กน้อย เพราะเขารู้ว่ามันต้องถ่ายฉากขับรถและจะมีการดริฟต์ ซึ่งเขาก็เพิ่งรู้ว่าหญิงสาวจะถ่ายมันด้วยตัวเอง
“นักแสดงพร้อม กล้องพร้อม แอ็กชั่น”
ผู้คนด้านหลังกล้องตกอยู่ในความเงียบ เมื่อทุกคนกำลังลุ้นระทึกและเอาใจช่วยหทัยชนก รวมทั้งตัวหญิงสาวเองก็อยากจะถ่ายฉากนี้ให้ผ่านในเทคเดียว การถ่ายฉากนี้ใช้กล้องถึง 2 ตัว คือถ่ายจากในรถ และถ่ายจากด้านนอก
เมื่อถึงเวลา หญิงสาวก็เริ่มขับรถวนไปเรื่อยๆ จนได้ภาพที่ต้องการ และให้ได้ความเร็วสำหรับการดริฟต์ เมื่อเธอพร้อม หญิงสาวส่งสัญญาณตามที่ตกลงกับทีมงานเอาไว้และทำการดริฟต์รถตามที่บรีฟกับทีมงาน จนกระทั่งการถ่ายทำจบลง เธอออกมาจากรถท่ามกลางเสียงปรบมือ
“ไปหัดขับแบบนี้มาจากไหน” วชิรวิษเดินออกมายืนรอรับหญิงสาวทันทีที่เธอเดินกลับเข้ามา
“งานอดิเรกค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
“หืม”
“เฟิร์นเป็นนักแข่งรถค่ะ เคยได้ถ้วยรางวัลด้วยนะคะ”
“หะ.....”
ใบหน้าหล่อเหลาเหวอไปเมื่อได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้าบอก ดนัยเองก็อึ้งไม่แพ้เจ้านาย แต่เมื่อเขามองน้ำฝนที่ทำหน้าเฉยๆ ก็รู้ว่าสิ่งที่หทัยชนกพูดคือเรื่องจริง
“พูดจริงเหรอ”
“จะโกหกทำไมล่ะคะ”
“ไม่เห็นบอกพี่”
“ก็ช่วงนั้นไม่ค่อยได้คุยกัน อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้ถาม” หญิงสาวตอบก่อนจะเดินเข้ามาหาร่างสูงเมื่อเขาพยักหน้าเรียกเธอ
“เด็กดื้อ”
“เฟิร์นน่ะเหรอดื้อ”
“ไม่ดื้อน้อยด้วยนะ ดื้อมาก”
หญิงสาวเตรียมจะเถียงแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นสายตาเป็นห่วงที่มองมา เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวให้เขาดูว่าเธอไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
“วันนี้เสร็จงานแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
“งั้นไปด้วยกัน”
“ไปไหนคะ”
“ห้องทำงานพี่”
หญิงสาวหันไปมองน้ำฝนเชิงถาม แต่เมื่อเห็นน้ำฝนหยิบโทรศัพท์ออกมาดูแล้วพยักหน้าเชิงบอกว่าไม่มีปัญหาเธอก็พยักหน้ารับ
“เฟิร์นกลับก่อนนะคะ” หญิงสาวหันไปบอกทีมงานและยกมือไหว้อย่างสุภาพ
สองหนุ่มสาวพากันเดินออกไปจากสถานที่ถ่ายทำหลังจากที่ร่ำลาทีมงาน วชิรวิษพาหญิงสาวขึ้นลิฟต์ไปยังห้องทำงานของเขาโดยมีดนัยตามมาทีหลัง
“พี่ขอทำงานสัก 2 ชั่วโมง แล้วเดี๋ยวเราไปทานมื้อเย็นกัน”
“ค่ะ”
ร่างสูงนั่งลงหลังโต๊ะทำงานของตัวเองโดยมีหญิงสาวเดินสำรวจไปรอบๆห้อง เธอเดินตรงไปยังมุมชั้นวางหนังสือด้วยแววตาเป็นประกาย
“ชอบเหรอ”
“ค่ะ”
“ไว้เอาหนังสือของเฟิร์นมาเก็บไว้ที่นี่บ้างก็ได้ เผื่อวันไหนมานั่งเล่นที่นี่”
“ได้เหรอคะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
หญิงสาวยิ้มหวานด้วยความพอใจ เธอเดินสำรวจไปเรื่อยๆ จนเห็นว่ามีห้องอีกห้องหนึ่งอยู่ด้านหลัง
“มีห้องลับด้วยเหรอคะ”
“ไม่ลับหรอก เวลาขี้เกียจกลับบ้านหรืองานเยอะก็จะนอนค้างที่นี่ เลยทำห้องนอนเอาไว้ เข้าไปดูสิ รหัสคือวันเกิดเฟิร์น”
หญิงสาวกดรหัสที่ประตูตามที่เขาบอก ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป ภายในมีเตียงนอนขนาดใหญ่กับห้องน้ำส่วนตัว มีเสื้อผ้าแขวนเอาไว้อยู่ไม่กี่ชุดทั้งเสื้อผ้าทำงานและเสื้อผ้าลำลอง มีชั้นสำหรับจัดเก็บเอกสารที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นเอกสารสำคัญหรือเอกสารที่เป็นความลับ
“ทำไมรหัสถึงเป็นวันเกิดเฟิร์นล่ะคะ” หญิงสาวชะโงกหน้าออกมาถามเขาด้วยความสงสัย
“มันเป็นวันเกิดเฟิร์นตั้งหลายปีแล้วล่ะ ตั้งแต่ที่พี่เข้ามาบริหารที่นี่เต็มตัว” วชิรวิษหมุนเก้าอี้หันมาตอบพลางมองเธอสายตาอบอุ่น
“.....”
หญิงสาวไม่ได้ออกความเห็นอะไร เธอแค่เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยหยิบเอาจากเสื้อผ้าลำลองของเขา แล้วเดินออกมาจากห้องนั้นพร้อมกับปิดประตูเอาไว้ตามเดิม
“ตั้งค่าลายนิ้วมือเอาไว้สิ คราวหน้าจะได้ไม่ต้องกดรหัส”
“.....”
หญิงสาวยักไหล่ แล้วตั้งค่าลายนิ้วมือของตัวเองเอาไว้ตามที่เขาบอก ก่อนจะเดินมานั่งเล่นที่โซฟาตัวใหญ่ระหว่างที่รอเขาทำงาน
“ขออนุญาตค่ะ” ร่างของหญิงสาวที่วัยไล่เลี่ยกับเจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารในอ้อมแขนหลังจากสิ้นเสียงเคาะประตู
“วันนี้หมดแค่นี้ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมกลับเลย คุณมีอะไรด่วนค่อยโทรไป”
“รับทราบค่ะ”
หลังจากรับแฟ้มเอกสารที่วชิรวิษเซ็นลายเซ็นลงไปเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวคนดังกล่าวก็ค้อมศีรษะลงให้กับหทัยชนกเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย ก่อนที่จะเปิดประตูออกจากห้องไป
“เพ็ญพร เลขาของพี่อีกคน คอยดูแลงานทุกอย่างก่อนจะผ่านมาถึงดนัยและมาถึงพี่ ส่วนดนัยจะเป็นเหมือนคนสนิท คอยตามพี่ไปด้วยทุกที่ โต๊ะทำงานของทั้งสองคนอยู่ชั้นนี้ ตรงทางผ่านที่เฟิร์นเห็นตอนออกจากลิฟต์มานั่นแหละ”
“หืม ทั้งสองฝั่งเหรอคะ”
“ใช่ ฝั่งหนึ่งของเพ็ญพร อีกฝั่งของดนัย เพราะหัวหน้างานของแต่ละฝ่ายที่ต้องติดต่องานจะติดต่อพวกเขาได้โดยตรง พี่เลยจัดให้ชั้นนี้เป็นเหมือนชั้นส่วนตัว ให้พวกเขาอยู่ด้านนอกและติดแอร์บนชั้นนี้ทั้งชั้นไง เพราะชั้นนี้จะไม่มีคนนอกเข้าออก และคนที่ขึ้นมาถึงชั้นนี้ได้ก็จะเป็นระดับหัวหน้างานหรือคนที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาเท่านั้น แต่ถึงจะขึ้นมาได้ก็จะไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้ามาในห้องนี้”
“ลึกลับนะคะเนี่ย”
“ไม่ได้ลึกลับหรอก แต่พี่ต้องการความส่วนตัว”
หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไร เธอเอนกายลงนอนเล่นโทรศัพท์บนโซฟา วชิรวิษมองแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดูก่อนจะหันหน้าไปมองหน้าจอและทำงานของเขาต่อไป