“เอาล่ะ พอก่อนเถอะ พักกินข้าวกันก่อน” ชายหนุ่มบอกหลังจากเริ่มมีอาการล้าสายตา เนื่องจากการจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน
ดนัยหลับตาเอนกายพิงพนักเก้าอี้หลังจากสิ้นเสียงเจ้านาย เขาล้าสายตาจนลายไปหมด ไม่รู้ว่าเจ้านายของเขาทนได้ยังไง
“กินข้าวกันก่อนเถอะค่ะ” หทัยชนกพูดเสียงหวานก่อนจะแกะอาหารที่สั่งมาออกจากกล่องให้กับพวกเขา
วชิรวิษกับดนัยลุกออกจากเก้าอี้มาหย่อนตัวนั่งที่โซฟา ร่างสูงมานั่งข้างๆหญิงสาวพร้อมกับเอนกายพิงพนักโซฟา
“ปกติอยู่กันแบบนี้เหรอคะ เวลามีปัญหา”
“ใช่ ดินจะเข้ามาทำงานกับพี่ในห้อง บางทีก็ค้างที่นี่ด้วยกัน”
“แต่ผมนอนที่โซฟานะครับ โซฟามันปรับออกมาเป็นเตียงนอนได้ครับ”
“ถ้างั้นพักกินข้าวกันก่อนค่ะ แล้วค่อยทำงานต่อ”
การพูดคุยจบลงเมื่อพวกเขาลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า ขณะเดียวกันทางแผนกไอทีก็สลับกันลงมือจัดการมื้อเย็นเช่นเดียวกัน จนกระทั่งมื้ออาหารจบลง พวกเขาก็เริ่มทำงานต่อ
หทัยชนกมองพวกเขาด้วยสายตาเป็นห่วง เธอถอนหายใจเบาๆก่อนจะสแกนนิ้วมือแล้วเข้าห้องด้านในไป
ทางด้านวชิรวิษได้แต่โล่งใจที่หญิงสาวกลับเข้าไปในห้อง เขาไม่อยากให้เธอต้องมานั่งรอพวกเขาเพราะไม่รู้ว่าจะจัดการเสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่
นานหลายชั่วโมงกว่าที่ทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อย ทางแผนกไอทีหลายคนนอนที่ทำงานดังเช่นทุกครั้งที่พวกเขาต้องแก้ไขปัญหา วชิรวิษจัดให้มีห้องสำหรับพักผ่อนในกรณีฉุกเฉินให้กับแผนกไอทีโดยเฉพาะ อีกทั้งค่าจ้างรายเดือนของพวกเขาก็สมน้ำสมเนื้อพอกับค่าวิชาและเวลาที่พวกเขาทุ่มเทให้กับบริษัท
“ดิน นายก็นอนที่นี่ตามปกติ”
“ผมไปนอนข้างนอกดีกว่ามั้งนาย”
“คิดอะไร นายก็นอนอยู่นี่แหละ”
“…..ครับ งั้นผมออกไปอาบน้ำก่อน”
“อืม ไปเถอะ อย่าลืมล็อกห้องเอกสาร”
“ครับ”
วชิรวิษยืนขึ้นบิดกายคลายความเมื่อยที่ต้องนั่งเป็นเวลานาน ก่อนจะสแกนนิ้วมือแล้วเปิดประตูเข้าห้องด้านในไป
เมื่อเข้ามาด้านในห้อง เขามองไปยังเตียงหลังใหญ่ ที่มีร่างบอบบางหลับสนิทอยู่บนนั้น บนเรือนกายขาวผ่องใส่เสื้อผ้าของเขาอยู่ และดูเหมือนว่าเธอจะใส่แค่เสื้อยืดตัวใหญ่เพียงตัวเดียวเท่านั้น
“ไม่ระวังตัวเลยนะ เจ้าตัวแสบ” เสียงทุ้มพึมพำเบาๆ ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูผืนใหญ่แล้วเดินหายเข้าห้องน้ำไป
ไม่นานร่างสูงก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เขายืนแต่งตัวอยู่ตรงนั้นตามความเคยชิน ถ้าไม่ใช่เวลางาน เขาจะใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงผ้าขายาวเท่านั้น และส่วนใหญ่เสื้อผ้าของเขาจะเป็นสีขาวและสีดำ หรือถ้าเสื้อผ้าทำงานก็จะเป็นสีพื้นที่สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์และทุกโอกาส
เตียงนอนยวบลงเล็กน้อยเมื่อร่างสูงหย่อนกายนั่งลง ผ้าห่มผืนใหญ่ที่กำลังคลุมกายบอบบางถูกเปิดขึ้นเล็กน้อย เมื่อร่างกายสูงใหญ่ของบุรุษเพศขยับกายขึ้นไปนอนเคียงข้างหญิงสาวเพียงคนเดียวที่ยังนอนหลับสนิทอยู่
เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ยามที่มันอยู่บนเจ้าของเสื้อมันดูพอดี แต่พอมันอยู่บนเรือนร่างบอบบางมันกลับหลวมโพรกดูน่ามองไปอีกแบบ
“หืม…..สีขาวนี่มันดีจังเลยนะ” ปากหยักได้รูปพึมพำเบาๆ เมื่อหญิงสาวขยับกายเพราะผ้าห่มที่เธอห่มอยู่ถูกดึง
รูปร่างบอบบางขาวผ่องพลิกกายนอนหงาย หญิงสาวหลับสนิทจนลืมไปกระทั่งว่าเธอไม่ได้นอนอยู่คนเดียว
“…..ให้ตาย” เสียงกัดฟันดังกรอดเมื่อเขามองตามการกระทำของหญิงสาว และเห็นภาพสวยงามตรงหน้า
“เฟิร์น พี่ขอร้อง นอนดีๆเถอะ” ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงขึ้นมาปิดถึงคอหญิงสาว เพื่อปิดภาพตรงหน้าจากสายตาเขา
ดูเหมือนมันจะทำให้หญิงสาวรำคาญ เมื่อผ้าห่มผืนนั้นถูกถีบออกไปจนพ้นจากร่างกาย เผยให้เห็นผิวขาวสว่างที่โผล่พ้นชายเสื้อที่ยาวเพียงแค่โคนขาขาวเพียงเท่านั้น
“…..นี่กำลังทดสอบความอดทนกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงขึ้นมาคลุมร่างบางไว้อีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงจะพลิกกายหันหลังและหลับไปแทบจะทันทีจากความเหนื่อยล้า
ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงน้ำดังมาจากห้องน้ำ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้นอนคนเดียว มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองเพื่อเรียกสติ
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
“จ้ะ”
หทัยชนกเดินออกมาจากในห้องน้ำหลังจากที่เธอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวใส่กางเกงยีนขาสั้นของตัวเองกับเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มของเขา ผมยาวสวยถูกมัดขึ้นเรียบร้อย
“ดินน่าจะตื่นแล้วแหละ จะกินอะไรก็ออกไปสั่งดินนะ พี่อาบน้ำก่อน”
“เดี๋ยวเฟิร์นสั่งเองก็ได้ค่ะ เกรงใจคุณดิน”
“ตามใจจ้ะ”
ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินเข้าห้องเดินไปพร้อมกับผ้าเช็ดตัว วันนี้เป็นวันทำงาน เขาไม่อยากสาย อีกอย่างเมื่อวานมีปัญหาเกิดขึ้น เขาจึงต้องการการรายงานผลภายในช่วงเช้านี้
หลังจากที่ทั้งวชิรวิษและหทัยชนกเตรียมตัวเสร็จก็พากันออกมาจากด้านใน ก็พบกับดนัยที่ชงกาแฟเข้ามาวางไว้ให้กับผู้เป็นเจ้านายพอดี
“อรุณสวัสดิ์ครับ” ดนัยทักทายทั้งสองคน
“อืม”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ เดี๋ยวเฟิร์นสั่งมื้อเช้าเองนะคะ”
“รับทราบครับ”
ดนัยเดินออกไปจากห้อง เมื่อเห็นวชิรวิษเริ่มลงมือทำงานอีกครั้ง โชคดีที่เมื่อคืนทุกอย่างคลี่คลายลงไปได้ วันนี้จึงทำเพียงแค่รอรับรายงานจากทางแผนกไอทีและเข้าร่วมประชุมอีกครั้ง และหลังจากประชุม จะต้องมีการตั้งระบบใหม่รวมถึงรหัสและการเข้าถึงที่หนาแน่นกว่าเดิม
“รับมื้อเช้าไหมคะ”
“ก็ดีจ้ะ เดี๋ยวสายๆพี่มีประชุม เฟิร์นจะรอกลับพร้อมพี่ตอนเย็นไหม หรือจะกลับไปก่อน”
“รอตอนเย็นก็ได้ค่ะ แต่อาจจะต้องบอกป๊าก่อน”
ร่างสูงยิ้มให้หญิงสาวก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ วันนี้น่าจะเป็นอีกวันที่ยุ่งวุ่นวาย วชิรวิษแอบสงสารหญิงสาวที่พอมีเวลาว่างก็รีบมาหาเขา แต่เขากลับไม่มีเวลาอยู่กับเธอเพราะดันมีปัญหาเกิดขึ้นพอดี
แต่ถึงอย่างไรเขาก็แอบดีใจที่หทัยชนกไม่ได้งี่เง่าแต่กลับเข้าใจถึงการทำงานที่มันสามารถเกิดปัญหาขึ้นได้ทุกเมื่อเป็นอย่างดี อีกทั้งเธอก็ยังเก่งจนสามารถช่วยเขาแก้ปัญหาไปได้ส่วนหนึ่งด้วย
เมื่อได้เวลาเข้าประชุม วชิรวิษก็เดินออกจากห้องทำงานไป โดยมีเพ็ญพรถือแฟ้มเอกสารตามและมีดนัยเดินตามไป
หทัยชนกถือโอกาสที่เขาไม่อยู่โทรหาบิดาของเธอ เดิมทีเธออยากโทรหาบิดาเรื่องที่เขาขอเธอแต่งงานตั้งแต่เมื่อวาน แต่เนื่องจากมีปัญหาเกิดขึ้นเธอจึงยังไม่โทรเพราะไม่อยากมีเรื่องอื่นมารบกวนสมาธิของเขา
“ป๊า”
‘อือ ว่าไง’
“เฟิร์นจะแต่งงาน”
‘…..กับเจ้าคิวน่ะเหรอ’
“ป๊ารู้ได้ยังไง”
‘รู้กันหมดแหละ แค่ไม่มีใครพูดอะไร แต่นี่เพิ่งคบไม่ใช่เหรอ ทำไมจะแต่งแล้วล่ะ’
“ไม่รู้สิ เขาขอแต่ง อีกอย่างเฟิร์นคิดว่าในเมื่อไม่คิดจะเลิกกันอยู่แล้วก็แต่งไปเลย”
‘มีเป้าหมายเดียวกัน ว่าอย่างนั้นเถอะ’
“ก็คงงั้นแหละ”
‘อืม ก็แล้วแต่ เฟิร์นโตแล้ว การที่จะมีใครสักคนเคียงข้างก็ไม่แปลกหรอก’
“อือ เดี๋ยวเฟิร์นว่าจะเข้าไปแจ้งทางผู้ใหญ่ที่ช่องด้วย แต่คงต้องรอเขาว่างไปพร้อมกัน”
‘อือ แล้ววันนี้จะกลับบ้านหรือเปล่า’
“กลับสิ เมื่อวานที่นี่เกิดปัญหา เลยอยู่เป็นเพื่อนเขา วันนี้ก็คงกลับไปพร้อมกันนั่นแหละ”
‘โอเค’
หญิงสาวพูดคุยกับบิดาอย่างตรงไปตรงมา เธออยู่กับบิดาสองคนมาตั้งแต่เด็กจึงไม่ได้มีความลับอะไร ตัวเธอเองก็อยากให้บิดามีคนรักใหม่เพราะมารดาของเธอเสียไปตั้งแต่เด็ก แต่เขาพูดเพียงสั้นๆว่าเขาเป็นหมาป่าที่จะมีคู่ครองเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เธอจึงไม่ได้ไปคาดคั้นอะไรเขาอีก
หลายชั่วโมงที่หญิงสาวนั่งเล่น หาอะไรทำไปเรื่อยๆอยู่แบบนั้น จนกระทั่งเริ่มเบื่อ เขาก็กลับเข้ามาพอดี
“เรียบร้อยดีไหมคะ”
“อื้ม แต่ก็ล้าเอาเรื่องเลย” ร่างสูงเดินมานั่งบนโซฟาข้างๆหญิงสาว ก่อนจะหงายศีรษะพิงที่พนักแล้วหลับตาลงจากความเหนื่อยล้า
“จะเที่ยงแล้ว กินที่นี่ไหมคะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยออกไปข้างนอก”
“แล้วแต่เฟิร์นเลย”
หทัยชนกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสั่งอาหารแล้วนั่งมองเขาอยู่แบบนั้น เมื่อเห็นว่าเขาเหนื่อยจนเผลอหลับไปก็ไม่ได้รบกวนเขาอีก
เย็นวันนั้น หลังจากวชิรวิษทำงานเสร็จก็พาหทัยชนกกลับบ้านไปพร้อมกัน รถของหญิงสาวจอดเอาไว้ที่ทำงานของเขา เขาตั้งใจว่าจะไปคุยเรื่องแต่งงานกับอนุชิต บิดาของหญิงสาวให้เป็นเรื่องเป็นราว และการพูดคุยก็จบลงได้ด้วยดี อันที่จริงอาจจะเป็นเพราะพวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่ชายหนุ่มยังเป็นวัยรุ่น และพวกเขาเองก็รู้ดีว่าวชิรวิษเฝ้ามองหทัยชนกมานานแค่ไหน
หลังจากกินมื้อเย็นด้วยกัน ทั้งสามคนก็ต้องแปลกใจ เมื่อบรรดาเพื่อนๆของพวกเขามาหาที่บ้านโดยไม่ได้บอก
“มาได้ยังไง” อนุชิตถามออกมาอย่างแปลกใจ เมื่ออู๊ดดี้เดินเข้ามาพร้อมกับเหล้ายี่ห้อดัง
“ขับรถมา”
“ไอ้…..”
หทัยชนกมองพวกเขาที่เถียงกันทันทีที่เจอหน้า และเพียงไม่กี่นาที พจน์ก็เดินตามเข้ามาพร้อมกับผึ้งเพื่อนในวงอีกคนที่สนิทกัน
“สวัสดีค่ะ เ**กพจน์ ลุงผึ้ง”
“อ้าว แล้วเ**กล่ะ”
“ก็เฟิร์นเห็นเถียงกับป๊าอยู่ สวัสดีนะคะเจ็กอู๊ด”
“จ้ะ หลานฉันมันปากจัดเหมือนใครเนี่ย”
“ไม่เห็นต้องถามนะคะ” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาตอบ ก่อนจะยิ้มหวาน
“มึงมากันทำไมเนี่ย” อนุชิตถามขึ้นมาบ้าง หลังจากที่ทักทายกันเสร็จ
“คิดถึง” อู๊ดดี้ตอบหน้านิ่ง
“ส้นตีน”
จบคำด่าของอนุชิตพวกเขาก็พากันหัวเราะชอบใจ ก่อนจะชักชวนกันออกไปนั่งเล่นที่โต๊ะหน้าบ้าน พร้อมกับช่วยกันหยิบแก้วและกระติกใส่น้ำแข็งออกไป
“ไปดื่มกับพวกลุงๆก็ได้นะคะพี่คิว”
“ก็คงต้องอย่างนั้น พี่ว่าพี่ไม่น่ารอดนะคืนนี้”
“ก็คงแบบนั้นค่ะ เพราะเฟิร์นเป็นหลานคนแรกของกลุ่ม และก็ดูเหมือนจะเป็นคนแรกที่ได้แต่งงาน”
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะโน้มใบหน้าไปจุมพิตแก้มนุ่มเบาๆแล้วลุกเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับเสียงโวยวายที่ดังขึ้นหลังจากที่เขาเดินไปร่วมวง หทัยชนกมองตามไปชั่วครู่ก่อนที่เธอจะกลับขึ้นห้องนอนไป