ตอนที่ 9 ขอ

2139 Words
กลางดึก หลังจากที่หญิงสาวเพิ่งหลับไปได้ไม่นาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ร่างบอบบางสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตู “อ้าว…..” หญิงสาวอุทานเบาๆ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ที่คุ้นตายืนอยู่หน้าประตู “โดนรับน้องมาน่ะ” “อ๋อ” หทัยชนกมองสภาพวชิรวิษที่ใบหน้าขึ้นสี รอบกายมีกลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้งรุนแรงด้วยสีหน้าเข้าใจเมื่อเขาบอกเธอ เธอคิดว่าเขาคงจะผ่านด่านบรรดาเพื่อนๆของเขาเรียบร้อยแล้ว สภาพเขาถึงได้เป็นแบบนี้ “ขอเข้าไปได้ไหม ห้องนอนแขกเต็มหมดแล้ว ทั้งสามคนนั้นไม่ยอมกลับบ้าน หนีขึ้นไปนอนกันนานแล้ว” “อ้าว แล้วทำไมพี่เพิ่งขึ้นมา” “ก็เกรงใจพี่นุ” “…..พี่คิว เราเคยนอนห้องเดียวกันไหม” “เคย” “อือ ป๊ารู้ เฟิร์นไม่มีความลับกับป๊า แล้วอีกอย่าง ถ้าผ่านการรับน้องแบบนี้ก็คงไม่ต้องคิดอะไรเยอะแล้ว ที่นี่ก็เหมือนบ้านของพี่นั่นแหละ” “อื้ม” ร่างบอบบางก้าวถอยหลังให้ชายหนุ่มเข้ามาในห้องนอน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามา เพราะครั้งก่อนที่มาค้างที่นี่ เขาไปนอนห้องนอนแขก “ห้องน้ำอยู่ด้านในห้องแต่งตัวค่ะ ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวเฟิร์นหยิบผ้าเช็ดตัวให้” หญิงสาวเดินนำเขาไปที่ห้องแต่งตัวของเธอ แล้วที่เธอไม่ถามถึงชุดนอนก็เพราะในมือใหญ่ของเขาถือไม้แขวนเสื้อผ้าที่มีชุดนอนของบิดาเธออยู่ เธอจึงมั่นใจว่าการที่เขาต้องมานอนที่ห้องของเธอก็เป็นฝีมือของบิดาและเพื่อนๆของเขาแน่นอน “ไปอาบน้ำก่อนนะคะ แปลงสีฟันอยู่ในตู้ด้านบนค่ะ” เมื่อบอกเขาเสร็จหญิงสาวก็เดินออกไปโดยไม่รอคำตอบ เธอแอบถอนหายใจเมื่อรู้ทันแผนการของบิดาของเธอ “เล่นเป็นเด็กๆไปได้” หลังจากพึมพำกับตัวเองจบก็เอนกายลงนอนบนเตียงอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความเช็กตารางงาน เมื่อเห็นว่าไม่มีงานเช้าหญิงสาวก็เบาใจ เพราะอย่างน้อยน้ำฝนก็ไม่ต้องเปิดเข้ามาเจอเขาอยู่ในห้องนอนของเธอก่อนจะแต่งงาน “พี่ลืมโทรศัพท์ เดี๋ยวพี่ขึ้นมา” วชิรวิษเดินออกมาพร้อมกับเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก เขาพูดกับหญิงสาวก่อนจะออกจากห้องไป ไม่นานร่างสูงก็กลับขึ้นมาพร้อมกับโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ที่เขาวางทิ้งเอาไว้ข้างล่าง ประตูห้องนอนถูกกดล็อกเพื่อความเป็นส่วนตัวของเขาและเธอ “…..” “เฟิร์น” ชายหนุ่มเรียกเธอก่อนจะปิดไฟดวงใหญ่แล้วไปแล้วที่เตียงช้าๆ “…..คะ” หทัยชนกมองเขาขยับตัวขึ้นมาบนเตียง อันที่จริงเธอกับเขาก็เคยร่วมเตียงกันแล้วหลายครั้ง เลยไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร “พี่ขอนะ” “ขอ?” หญิงสาวที่ยังคิดไม่ทันทวนคำพูดเขาก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเขาขออะไร เธอสะดุ้งเมื่อร่างสูงใหญ่ของเขาขยับขึ้นมาคร่อมร่างเธอเอาไว้ ดวงตาคมดุมองเธอด้วยแววตาจริงจัง “ถ้าเฟิร์นไม่ให้ล่ะ” “พี่ก็จะปิดหู” “…..งั้นจะถามเฟิร์นทำไมล่ะ” “พี่ไม่ได้ถามนะ พี่บอกเฉยๆ” “…..” ใบหน้าสวยหวานเหวอไป เธอคงหัวเราะถ้าไม่ได้เห็นแววตาจริงจังของเขา โทรศัพท์ในมือถูกวางลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง เสื้อนอนบนร่างกายสูงใหญ่ถูกมือเล็กปลดกระดุมออกช้าๆโดยไม่มีคำพูด รอยยิ้มดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ก่อนที่ชุดนอนกระโปรงบนร่างกายบอบบางจะถูกถอดออก เพียงไม่นาน…..บรรยากาศในห้องก็ร้อนระอุจนค่อนรุ่ง หทัยชนกสะดุ้งตื่นขึ้นมาแต่เช้า เมื่อรู้สึกว่าไม่ค่อยสบายตัวราวกับกำลังจะไม่สบาย เมื่อขยับกายเพื่อจะลุกขึ้นคิ้วเรียวสวยก็ขมวดมุ่น เมื่อรู้สึกเจ็บแปลบ “ทำไมตื่นเร็วล่ะ” “…..ไม่ค่อยสบายตัว เหมือนจะไม่สบายน่ะค่ะ” “หืม…..” “ว่าจะออกไปหาซื้อโจ๊กกับกินยา” “งั้นเดี๋ยวพี่ออกไปซื้อให้ ยาล่ะ” “ในลิ้นชักมีอยู่ค่ะ” “โอเค ลุกไปอาบน้ำก่อนนะ แช่น้ำอุ่นให้คลายปวด พี่จะรีบกลับมา” เมื่อเขาพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วอุ้มร่างบอบบางที่ร่างกายขาวผ่องเต็มไปด้วยร่องรอยจากฝีมือของเขาเดินตรงไปยังห้องน้ำ วางร่างหญิงสาวลงในอ่างอาบน้ำอย่างเบามือ เอื้อมเปิดน้ำอุ่นให้ หลังจากจุมพิตริมฝีปากบวมเจ่อแผ่วเบา จากนั้นก็ก้าวยาวๆออกไปใส่เสื้อผ้าที่กองอยู่ที่พื้นห้องแล้วรีบออกจากห้องไป “อ้าว ไปไหนมาแต่เช้า” “ไปซื้อโจ๊กมาครับ ตื่นกันหมดหรือยังครับ” “ยังเลย” “งั้นผมเอาขึ้นไปให้เฟิร์นก่อนนะ” หลังจากซื้อโจ๊กกับขนมอีกนิดหน่อย วชิรวิษก็รีบกลับมาที่บ้าน ระหว่างที่กำลังจัดใส่ชามอยู่อนุชิตก็เข้ามาในครัวพอดี หลังจากตอบคำถามชายหนุ่มก็เตรียมยกถาดอาหารขึ้นไปให้หญิงสาวบนห้อง “…..คิว” “ครับ?” “พี่มีลูกตอนอายุ 20” “…..” “ปีนี้คิวอายุเท่าไหร่ เฟิร์นอายุเท่าไหร่” “ผม 32 เฟิร์น 22” “ตามนั้นแหละ อย่าลืมเอายาแก้ไข้ให้เฟิร์นกินด้วยล่ะ” “…..ครับ” หลังจากเห็นว่าที่ลูกเขยหน้าเหวอ อนุชิตก็เดินออกจากครัวไปด้วยความอารมณ์ดีโดยมีเสียงตอบรับของเขาดังตามหลังมา เมื่อยกถาดอาหารขึ้นมาบนห้องก็พบว่าหญิงสาวใส่เสื้อยืดตัวหลวมโคร่งนั่งเอนกายพิงหัวเตียงอยู่ก่อนแล้ว “เฟิร์น” “คะ?” “พี่นุน่ากลัวมากเลย” “ทำไมคะ” “ก็…..” ชายหนุ่มวางถาดอาหารไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะเดินมาช่วยพยุงให้หญิงสาวลุกไปนั่งกินพร้อมกับเล่าสิ่งที่อนุชิตคุยกับเขาให้เธอฟัง เมื่อหญิงสาวฟังจบก็หัวเราะชอบใจ “เรื่องปกติของป๊าค่ะ” “สงสัยต้องรีบแต่งแล้วล่ะมั้ง” “…..ไม่ง่ายขนาดนั้นค่ะ ต้องบอกผู้ใหญ่อีกหลายท่านเลย” “งั้นไปจดทะเบียนสมรสเลยแล้วกัน” “…..” “ตามนั้นแหละ เดี๋ยวพี่กดจองคิวในแอพก่อน เฟิร์นกินไปก่อนนะ” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมากดอยู่สักพักใหญ่ ไม่นานก็ยิ้มออกมา “วันนี้มีคิวว่างพอดี พี่กดจองคิวไปแล้ว เดี๋ยวเสร็จมื้อเช้าแล้วเฟิร์นแต่งตัวเลยนะ” “…..จะรีบอะไรขนาดนั้นคะ” “ไม่ได้ เดี๋ยวท้อง” “…..จดหลังท้องก็ไม่มีปัญหานี่คะ” “พี่กดจองไปแล้วจ้ะ” “ค่ะ” หญิงสาวแอบหัวเราะเบาๆแต่ก็ตามใจเขา ชายหนุ่มคงเกรงใจบิดาของเธอ อีกอย่างเธอตั้งใจว่าจะจัดพิธีเล็กๆในบ้านก่อน เรื่องงานเลี้ยงเอาไว้ค่อยจัดทีหลัง “กลับมาแล้วค่ะ” “อื้ม เสร็จเรียบร้อย?” “ค่ะ” “ให้ป๊าเก็บเสื้อผ้าให้ไหม” “เว่อร์ไปป๊า เฟิร์นกับพี่คิวตกลงกันว่าไปๆมาๆ” “จะไม่ไปอยู่กับสามีเหรอ” “ไม่ใช่ไม่ไป แต่สลับกัน จันทร์ถึงศุกร์จะอยู่บ้านพี่คิว เสาร์อาทิตย์จะมาอยู่ที่นี่” “อือ แล้วเจ้าคิวล่ะ กลับไปแล้วเหรอ” “มีงานด่วนน่ะ เลยมาส่งแล้วกลับเข้าบริษัทเลย” สองคนพ่อลูกนั่งพูดคุยกันอยู่แบบนั้น อนุชิตดูแลหญิงสาวมาแบบเพื่อนกัน ไม่เคยต้องมีความลับ เขาให้หญิงสาวตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างในชีวิตเอง โดยที่เขาทำเพียงให้คำปรึกษาเท่านั้น พวกเขาจึงไม่เคยต้องมากังวลว่าพวกเขาจะห่างเหินกันเลย ถึงแม้หทัยชนกจะแต่งงานแล้วแยกออกไปก็ตาม “เงยหน้านิดหนึ่งครับ…..ดีครับ” วันนี้หญิงสาวมีถ่ายแบบให้กับสินค้าแบรนด์ชื่อดังแบรนด์หนึ่ง ซึ่งต้องถ่ายร่วมกับนักแสดงหญิงอีกคน ระหว่างถ่ายทำทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีจากความเป็นมืออาชีพของทั้งสองคน แต่เมื่อถึงเวลาพักกองเพื่อเปลี่ยนชุดก็เกิดปัญหาขึ้น “ทำไมแพรได้ชุดนี้ล่ะคะ ไม่เห็นเหมือนที่บรีฟไว้นี่คะ” “ทางลูกค้าขอเปลี่ยนมา ทางเราส่งข้อความกับบรีฟใหม่ไปบอกแล้วนะคะ พวกคุณไม่ได้เช็กเลยเหรอ” “แล้วมันใช่เรื่องไหมล่ะคะ ในเมื่อบรีฟกันดิบดี แต่กลับมาเปลี่ยนชุดเปลี่ยนบทให้กันแบบนี้ แพรไม่โอเคค่ะ” ทางห้องพักข้างๆเกิดถกเถียงกันเสียงดังจนหทัยชนกที่กำลังเปลี่ยนเมคอัพหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จได้ยิน “มีอะไรเหรอพี่ฝน” “ปัญหาน่ะ ทางลูกค้าขอเปลี่ยนชุด เอาชุดโปรโมตหลักมาให้เราใส่ ทางนั้นเลยมีปัญหา” น้ำฝนบอกเล่าด้วยความไม่สบายใจระหว่างที่กำลังมองช่างแต่งหน้าให้กับหญิงสาว “แล้วอย่างนี้จะเคลียร์ได้ไหม” “ไม่ได้ก็ต้องได้นะ ลูกค้าสำคัญกว่า” หทัยชนกไม่ได้ตอบอะไร เธอไม่เคยมีปัญหากับใครในวงการ อาจจะเพราะเธออยู่ในวงการมาตั้งแต่เด็กและทำตัวเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด “เสร็จแล้วค่ะ ออกไปเลยไหมคะ” ช่างแต่งหน้าเก็บอุปกรณ์ระหว่างถามทั้งคู่ เพราะหล่อนต้องเอาเครื่องสำอางตามออกไปด้วย “ค่ะ” หทัยชนกตอบรับก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้ากระจก สำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง และเดินนำทีมงานของเธอออกจากห้องไป เมื่อมาถึงบริเวณหน้ากอง หญิงสาวเข้าฉากไปพร้อมกับทีมงานเพื่อบรีฟเรื่องท่าทางและฟิลลิ่งของภาพอีกครั้ง ไม่นานแพรวา นักแสดงหญิงอีกคนก็เดินออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “พร้อมนะครับ” หลังจากพูดคุยกับทีมงานเสร็จก็ถึงเวลาถ่ายภาพ ซึ่งทุกอย่างก็ดำเนินผ่านไปได้ด้วยดี จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น “ว้าย” หทัยชนกกรีดร้องเสียงหลง เมื่ออยู่ๆฉากก็หล่นลงมาเกือบโดนเธอ “เฮ้ย” ทั้งกองเต็มไปด้วยความวุ่นวาย หลายคนวิ่งเข้ามาเพื่อตรวจสอบดูว่าหญิงสาวไม่ได้เป็นอะไร “ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่เจ็บข้อเท้านิดหน่อยค่ะ” หทัยชนกพูดให้ทุกคนสายใจ เธอเจ็บนิดหน่อยก็จริง แต่เธอตกใจจนหน้าซีด ระหว่างที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ ทางเจ้าของแบรนด์ก็เดินเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงทักทาย ก่อนจะหน้าเหวอเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า “เกิดอะไรขึ้น” “ฉากหล่นลงมาน่ะครับ เกือบโดนน้องเฟิร์น” “หืม” เมื่อได้ยินสิ่งที่ทีมงานบอก เขาก็เดินเข้าไปดูสถานการณ์ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออกหาใครบางคน ไม่นานก็วางสายไป “เป็นอะไรไหม” “ไม่เป็นอะไรค่ะ” หญิงสาวตอบกลับโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองว่าใครเป็นคนถาม “คุณลุกไปนั่งพักด้านนอกก่อนดีไหม” “คะ อ๋อ ค่ะ” “ลุกไหวไหม” “ไหวค่ะ” ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ก็มีร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาบริเวณกองถ่าย เขามองไปรอบๆเพื่อหาใครบางคน ก่อนจะเดินตรงมายังหน้าฉากที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ “ฉันเอง” วงแขนแข็งแรงที่คุ้นเคยช้อนอุ้มร่างบอบบางขึ้น หทัยชนกมองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ “มาช้า” “โถ่ ไอเวร นี่ฉันก็วิ่งแทบจะเหาะแล้วนะ” วชิรวิษตอบปนสบถด่าเพื่อนไปเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ร่างสูงอุ้มหญิงสาวเดินกลับไปยังห้องแต่งตัวโดยมีน้ำฝนเดินตามหลังไปด้วย ก่อนที่เธอจะขอตัวออกไปพูดคุยกับทีมงาน “พี่มาได้ยังไง” หทัยชนกถามทันทีที่เธอถูกเขาวางลง “ตั้งใจจะมารับ แต่ไอ้นี่มันโทรไปบอกว่าเกิดเรื่อง เลยรีบวิ่งเข้ามา” “…..” “อ้อ มันชื่อภู ภูวินทร์ เพื่อนของพี่ ที่พี่เคยบอกว่าผู้กำกับคนนั้นคือพี่ชายของเพื่อนพี่ จำได้ไหม” “จำได้ค่ะ” “มันนี่แหละ” “นี่กูมาเป็นก้างขวางคอเหรอ” ภูวินทร์ถามกึ่งล้อเลียน “เออ” “ไอ้เวร อุตส่ารีบโทรบอก” หทัยชนกมองทั้งสองคนเถียงกันไปมาแล้วก็ถอนหายใจ เธอรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ ทีมงานระดับนี้ ไม่มีทางทำพลาดเรื่องฉากแน่นอน แล้วยิ่งเกี่ยวกับความปลอดภัยแบบนี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ หญิงสาวคิดด้วยความไม่สบายใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD