“ได้เรื่องแล้วค่ะ” น้ำฝนกลับมาหลังจากที่ไปสอบถามทางทีมงาน
“เป็นยังไงบ้างคะ”
น้ำฝนลากเก้าอี้มานั่งลงแล้วเล่าถึงสิ่งที่รับรู้มาจากทางทีมงานให้กับทั้งสามคนฟัง แล้วก็เป็นดังที่หญิงสาวคาดการณ์ไว้ว่ามันผิดปกติ ทีมงานยืนยันว่าได้ตรวจเช็กอย่างดี จึงสอบถามหลายๆคน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเห็นผู้ช่วยของแพรวามาป้วนเปี้ยนอยู่หลังฉาก
“เอาอย่างนี้ไหม ตรงนั้นมันมีกล้องวงจรปิด เรามาดูกล้องกันดีกว่า”
ภูวินทร์เสนอเมื่อนึกขึ้นมาได้ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมากดสั่งงานเลขา เพียงไม่ถึงสิบนาทีคลิปในช่วงเวลาดังกล่าวก็ถูกส่งเข้ามาในโทรศัพท์ของเขา
วชิรวิษหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อเพื่อนส่งต่อคลิปมาให้ ทั้งสี่คนช่วยกันดูคลิปจนกระทั่งเห็นว่าผู้ช่วยของแพรวาได้เดินเข้าไปทางหลังฉาก ไม่นานจากนั้นหล่อนก็เดินหายออกไป เป็นจังหวะเดียวกับที่หทัยชนกกับทีมงานเดินเข้ามาพอดี
“แบบนี้เราไม่มีหลักฐานคาหนังคาเขานะคะ อีกอย่างเขาก็สามารถพูดได้ว่าไม่มีใครได้รับอันตราย”
“แล้วเฟิร์นจะเอายังไง”
“แล้วแต่พี่คิวเลยค่ะ” หญิงสาวบอกอย่างคนที่ไม่คิดอะไรมากและไม่ติดใจเอาความ
“งั้นมึงก็หาหลักฐานมา กล้องมุมอื่นน่าจะมีถ่ายติดมาบ้างแหละ” วชิรวิษหันไปบอกเพื่อน ซึ่งถึงไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่าเพื่อนของเขาไม่ปล่อยเอาไว้แน่
“เออ อ้อ ยินดีกับการแต่งงานด้วยนะ ทั้งคู่เลย” ภูวินทร์ตอบรับเพื่อนรักอย่างไม่ได้คิดจะค้านอะไร ก่อนจะหันไปบอกยินดีกับคนทั้งคู่
“เออ”
“ขอบคุณค่ะ” หทัยชนกหน้าตาเหลอหลา เธอไม่ได้คิดว่าเขาจะบอกใคร
พวกเขานั่งคุยอีกสักพักใหญ่ เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาและหทัยชนกเริ่มไม่ค่อยเจ็บข้อเท้า ทั้งสามคนจึงขอตัวกลับ
น้ำฝนแยกกลับไปที่บ้านของหทัยชนกเพื่อนำข้าวของไปเก็บและกลับไปเอารถที่หล่อนนำมาจอดทิ้งเอาไว้ ส่วนหญิงสาวแยกไปกับวชิรวิษเพื่อแวะไปที่โรงพยาบาลก่อนเพราะเขาต้องการตรวจเช็กให้แน่ใจว่าหญิงสาวไม่ได้เป็นอะไร
“วันนี้กลับไปที่บ้านพี่ละกัน”
หญิงสาวไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร เธอปรับเบาะเอนและหลับตาลง เพียงไม่นานเธอก็หลับไป
เมื่อมาถึงที่บ้าน วชิรวิษนำรถมาจอดไว้ที่ด้านหน้า ก่อนจะลงจากรถและอุ้มหญิงสาวเดินเข้าบ้าน ปล่อยให้คนของเขานำรถไปเก็บที่โรงจอดรถ
ร่างสูงก้าวเข้าบ้านด้วยฝีเท้าสม่ำเสมอและมั่นคง เขาตรงขึ้นไปยังห้องนอน วางหญิงสาวลงบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนที่เสื้อสูทจะถูกถอดออกตามด้วยเสื้อเชิ้ตตัวในถูกปลดกระดุม 2 เม็ดให้พอรู้สึกสบายตัว
ประตูห้องอีกบานที่ไม่ใช่ประตูเข้าออกถูกเปิดออก เผยให้เห็นภายในที่เป็นห้องทำงานของเขา ที่นี่เก็บเอกสารสำคัญไว้มากพอกับห้องด้านในของห้องทำงานเขาที่บริษัทเลยทีเดียว
บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังเดิมที่บิดามารดาเขาเหลือทิ้งไว้ให้พร้อมกับมรดกจำนวนมหาศาล เขาอยู่มาจนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัยจึงได้ทำงานปรับปรุงทุกอย่างใหม่ รวมถึงสร้างหลายอย่างเพิ่มเติมเพื่อความสะดวกของตัวเขาเองในอนาคต อีกทั้งบริษัทได้ถูกส่งต่อมาให้เขารับผิดชอบเต็มตัว
เดิมทีแล้วบริษัทแห่งนี้บิดามารดาของเขาได้เริ่มต้นขึ้น แต่ ณ เวลานั้นมันยังไม่ได้เจริญรุ่งเรืองมากขนาดนี้ ถึงพวกเขาจะทิ้งมรดกจากต้นตระกูลเอาไว้ให้มากมาย แต่บริษัทก็ยังเป็นเพียงการบริหารและดำเนินการภายในประเทศเท่านั้น
เมื่อชายหนุ่มรับหน้าที่ตรงนี้เต็มตัว เขาจึงเริ่มขยายมันและบริหารงานในรูปแบบผสมผสาน จึงทำให้ทุกอย่างเติบโตขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งระหว่างนั้นตัวเขาเองก็เข้าศึกษาปริญญาโทและต่อด้วยปริญญาเอกไปด้วย เพียงแต่สิ่งที่คนอื่นรับรู้ ก็คือเขาจบแค่ปริญญาโทเพียงเท่านั้น
การที่เขาใช้ชีวิตปกติ ไม่ค่อยออกงานสังคม และไม่เปิดเผยให้กับเพื่อนๆหลายคนในชีวิตรู้เรื่องส่วนตัวของเขา เพราะเขาไม่อยากให้คนอื่นต้องมามองเขาว่าเขาเป็นคนมีเงินหรือเป็นไฮโซที่เป็นผู้ดีเก่า ไม่มีใครรู้ว่าตระกูลของเขาสืบเชื้อสายจ้าวแม้แต่คนเดียวนอกจากคนในบ้านหรือคนงานเก่าๆเท่านั้น
“คุณท่าน”
“เตรียมมื้อเย็นเผื่อคุณผู้หญิงด้วย อ้อ เรียกรวมพลหลังมื้อเช้าพรุ่งนี้ด้วย”
“รับทราบค่ะ”
หลังจากที่เข้าไปในห้องทำงานไม่นาน ประตูอีกฝั่งก็ถูกเคาะพร้อมกับที่ร่างของหัวหน้าแม่บ้านเก่าแก่ก็เดินเข้ามา และเมื่อได้รับคำสั่ง ก็กลับออกไปอีกครั้งพร้อมกับความเงียบ
ไม่นานหทัยชนกก็สะดุ้งตื่น เธอมองรอบตัวด้วยความแปลกใจ ยังไม่ทันที่เธอจะได้สงสัยอะไรร่างสูงก็เดินออกมาจากห้องทำงานพร้อมกับรอยยิ้ม รอยยิ้มที่เธอรู้สึกเหมือนกับไม่เคยเห็นมัน
“ตื่นแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
“ไปล้างหน้าล้างตาเถอะ เดี๋ยวลงไปกินข้าวกัน”
“ค่ะ”
หญิงสาวลุกขึ้นอย่างว่าง่าย เธอเดินไปยังส่วนที่เขาชี้บอกเธอกลายๆ ว่าเป็นโซนห้องน้ำห้องแต่งตัว ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆด้วยความแปลกใจ ทุกอย่างที่นี่มองดูเป็นระเบียบมากเกินกว่าที่จะเป็นการดูแลจากแม่บ้านทั่วไป ราวกับว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้ให้ต้องเป็นอย่างนี้
“พร้อมค่ะ”
หลังจากล้างหน้าล้างตาและจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง เธอก็ออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ใสสะอาดและสดใสขึ้น วชิรวิษนั่งรอเพียงไม่นาน เมื่อเห็นเธอออกมาก็ลุกขึ้นแบมือมาตรงหน้าให้หญิงสาวจับ ก่อนจะพาเธอเดินออกจากห้องไป
ครั้งก่อนที่หญิงสาวมา แทบจะไม่มีแม่บ้านหรือคนงานเลยด้วยซ้ำ แต่ในวันนี้ เมื่อเธอเดินลงถึงด้านล่าง ดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้างขึ้น เมื่อบรรยากาศในบ้านมันดูเปลี่ยนไป
“เดี๋ยวอธิบายให้ฟังนะ ไปทานข้าวก่อนเถอะ”
“ค่ะ”
ร่างบอบบางถูกพามาที่ห้องรับประทานอาหาร หญิงสาวมองโต๊ะอาหารที่ถูกจัดวางอย่างสวยงาม และมีแม่บ้านยืนอยู่ใกล้ๆ เพื่อคอยรับคำสั่งเธอก็รู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าที่นี่ไม่ธรรมดาอย่างที่เธอคิดแน่นอน
เมื่อทั้งสองคนนั่งลงที่โต๊ะอาหาร ข้าวก็ถูกตักใส่จาน น้ำเปล่าได้รับการรินใส่แก้วในขนาดที่พอดีและเท่ากันทั้งสองแก้วราวกับพวกเขาถูกฝึกมา
หทัยชนกมองสิ่งเหล่านั้นโดยไม่ได้พูดอะไร เธอนิ่งและเก็บรายละเอียดทั้งหมด โดยไม่รู้เลยว่าวชิรวิษมองเธอด้วยสายตาชื่นชมที่หญิงสาวสามารถปรับตัวกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี
“ออกไปรอข้างนอก” น้ำเสียงทุ้มดังขึ้น ถึงมันจะเป็นประโยคเรียบง่ายแต่ไม่ว่าใครได้ยินก็คงฟังออกว่ามันคือคำสั่งที่เต็มไปด้วยความเฉียบขาด
“พี่กลัวเฟิร์นเกร็งน่ะ”
“นิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นอะไรนะคะ”
“เฟิร์นอาจจะต้องปรับตัวเยอะหน่อยนะ”
“คะ?”
“กินข้าวก่อนนะ เดี๋ยวขึ้นไปบนห้องเดี๋ยวพี่จะบอกเฟิร์นทุกอย่าง”
“…..ค่ะ”
มื้ออาหารดำเนินไปอย่างเงียบๆ เมื่อต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนกระทั่งจบมื้ออาหาร ทั้งสองคนจึงพากันกลับขึ้นไปยังห้องนอน และวชิรวิษก็เริ่มเล่าเรื่องราวของครอบครัวเขาให้เธอฟังโดยไม่ได้ปิดบัง
“สงสัยใช่ไหม ว่าทำไมไม่มีใครรู้เรื่องราวของพี่เลย”
“ค่ะ”
“พี่ไม่เคยบอกใคร พี่มองว่ามันเป็นเรื่องของปู่ย่าพี่ พ่อแม่พี่ ไม่ใช่ตัวพี่ ยศตำแหน่งเหล่านั้นมันจบลงที่รุ่นพ่อแม่พี่ พี่ไม่เคยสนใจสิ่งเหล่านั้นเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือพวกเขาคือต้นตระกูลของพี่ สายเลือดของพี่”
“แล้วทำไมถึงไม่มีใครรู้เลยล่ะคะ ทั้งที่หลายคนก็เคยมาบ้านพี่”
“ตอนเฟิร์นมาเฟิร์นได้เอะใจไหม”
“ไม่เลยค่ะ”
“อื้ม เกือบทุกคนถูกสั่งให้เก็บตัวเงียบ มีเพียงคนใหม่ๆ ที่ไม่รู้เรื่องความเป็นมาของที่นี่เท่านั้น ที่จะคอยออกมาทำหน้าที่ อีกอย่างที่แห่งนี้ได้รับการปลูกสร้างใหม่เกือบทั้งหมด มันจึงไม่ได้ดูเหมือนสถานที่เก่าแก่หรือบ้านเรือนในสมัยก่อนที่ผู้คนสามารถมองออกได้แทบจะทันทีว่าเป็นบ้านเรือนของเจ้านายชั้นสูงหรือบุคคลทั่วไป”
“อึ้งเหมือนกันนะคะเนี่ย”
“ถอยไม่ทันแล้วนะ จดทะเบียนสมรสไปแล้ว”
“…..”
รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งให้กับหญิงสาว เขารู้ว่าเธอตกใจ แต่เขาไม่รู้สึกถึงความหวาดกลัวของเธอ นั่นหมายความว่าเธอจะสามารถปรับตัวได้อย่างไม่ยากนัก
“อาบน้ำเถอะ จะได้พักผ่อน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“แล้วเฟิร์นจะใส่อะไรล่ะคะ”
“เสื้อผ้าพี่ไงคะ ตอนเช้าให้พี่ฝนเอาเสื้อผ้ามาให้ที่นี่ ให้พี่นุมาด้วย จะได้รับรู้ไปพร้อมกันเลยทีเดียว”
“…..ค่ะ”
ร่างบอบบางลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเดินหายไปยังโซนห้องแต่งตัวเพื่อเข้าไปอาบน้ำตามที่เขาสั่งอย่างว่าง่าย อันที่จริงวันนี้หลายสิ่งหลายอย่างที่เธอได้พบเจอและได้รับรู้มันทำให้เธอเหนื่อยล้าจนไม่สามารถเรียบเรียงเป็นคำพูดออกมาเล่าให้ใครฟังได้
หลังจากหญิงสาวเดินหายไปตามที่เขาสั่ง ประตูห้องทำงานก็เปิดขึ้นอีกครั้งจากเจ้าของห้อง เขาเดินเข้าไปโดยไม่ได้ปิดประตู เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีความลับอะไรกับหญิงสาวผู้นี้อีกต่อไป
“ทำอะไรอยู่คะ”
เสียงหวานใสดังขึ้น หลังจากที่หทัยชนกออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วไม่พบเขาอยู่ แต่เมื่อเธอเดินมาใกล้กับบริเวณเตียงนอนก็ได้เห็นว่ายังมีอีกห้องอยู่ และประตูมันก็เปิดค้างเอาไว้ จึงเดินเข้ามาใกล้จนพบว่าร่างสูงของวชิรวิษกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานในห้องนี้
“มานี่สิ” มือใหญ่กวักเรียกให้หญิงสาวเดินเข้าไปหา
ร่างบอบบางเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย เธอนั่งลงบนตักเขาเมื่อเขาตบมือลงบนตักตนเอง 2-3 ทีเป็นเชิงสั่ง
“ในห้องนี้ จะมีทั้งเอกสาร เครื่องเพชร หรือแม้แต่ของมีค่าเก่าแก่อื่นๆของตระกูล”
“…..”
“คอมพิวเตอร์เรื่องนี้ พี่ตั้งรหัสใหม่เป็นวันที่เราจดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งจะมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้ พี่อยากให้เฟิร์นจำเอาไว้ หากพี่ไม่อยู่แล้ววันไหนเฟิร์นต้องใช้มันในการทำอะไรสักอย่าง จะได้ไม่ต้องรอพี่”
“ไม่ต้องก็ได้มั้งคะ”
“ไม่ได้ ตอนนี้เฟิร์นเป็นคุณท่านผู้หญิงของบ้านหลังนี้ เฟิร์นจะต้องรู้ทุกอย่างที่พี่รู้”
“เอ่อ ค่ะ”
หลังจากบอกกล่าวและอธิบายอะไรอีกหลายอย่างจบลง เขาก็ออกมาจากห้องนั้นโดยปล่อยให้หญิงสาวเป็นคนปิดล็อกห้องนั้นด้วยตัวเองโดยไม่ลืมตรวจเช็กประตูอีกฝั่งตามคำสั่งของเขา
ภายในห้องน้ำ ร่างสูงใหญ่ที่กำลังชะล้างร่างกายหลังจากเหนื่อยล้ามาทั้งวันได้เอื้อมมือปิดน้ำ ก่อนจะก้าวออกมาจากโซนอาบน้ำมายืนอยู่หน้ากระจก คว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่แขวนเอาไว้มาพันกายไว้ลวกๆ แล้วเดินออกจากห้องน้ำไป
ชุดนอนขายาวถูกสวมลงบนร่างกายกำยำ ความสูงใหญ่บวกกับหน้าตาของเขา อีกทั้งรูปร่างที่กำยำสมส่วน ส่งผลให้เขาดูสง่าถึงแม้จะไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นก็ตาม
เมื่อเดินออกมาภายในบริเวณโซนห้องนอน ดวงตาคมก็มองไปเห็นร่างบอบบางที่ขาวสว่างทั้งตัวกำลังนอนคว่ำเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงนอนโดยไม่ได้สนใจเลยว่าเสื้อนอนเพียงตัวเดียวของเขามันไม่ได้ช่วยให้เธอปิดบังอะไรได้เลยยามที่เธอนอนคว่ำ
หญิงสาวที่กำลังสนใจภาพจากหน้าจอโทรศัพท์สะดุ้งเฮือกเมื่อบั้นท้ายงอนงามของเธอถูกตีด้วยแรงที่ไม่เบานัก ก่อนจะตามด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งราวกับว่ามีใครมานอนทับตัวเธอ แต่คงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากเจ้าของห้องนี้
“ยั่วเหรอคะ” เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นข้างใบหูเล็ก
“คะ?”
“ไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าตัวเองน่ากินขนาดไหน หืม” เสียงทุ้มพูดขึ้นพร้อมกับที่มืออุ่นลูบไล้บริเวณต้นขาขาวเบาๆ
“ไหนว่าจะพักไงคะ”
“ก็ตรงนี้มันไม่อยากพักนี่คะ” เสียงทุ้มที่เจือความแหบพร่าเอ่ย ก่อนที่เสื้อของเขาที่อยู่บนเรือนร่างบอบบางจะถูกเลิกขึ้นเพียงเล็กน้อย บั้นท้ายกลมที่ขาวเนียนไม่มีแม้แต่จุดตำหนิก็โผล่มาอวดสายตา
และไม่ต้องบอกทั้งคู่ก็รู้ว่าส่วนไหนที่มันไม่อยากพัก เพราะตอนนี้บั้นท้ายของหญิงสาวสัมผัสได้กับบางสิ่งบางอย่างที่มันแข็งเป็นลำและกำลังดันผิวของเธอผ่านเนื้อผ้าของกางเกงที่เขากำลังสวมอยู่
ในครั้งแรกระหว่างเขาและเธอทำเอาเธอระบมไปเป็นวัน และสิ่งที่เขาบอกเธอก็คือเขาเบามือกับเธอแล้ว นั่นทำให้หญิงสาวหวาดหวั่นไม่น้อย เพราะครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สองระหว่างพวกเธอ
“ครั้งนี้พี่ไม่เบามือแล้วนะ”
“…..”
“พี่อยากให้เฟิร์นค่อยๆเรียนรู้ตัวตนของพี่ รสนิยมของพี่”
“…..ค่ะ”
มือเล็กสั่นเล็กน้อยเมื่อเขาส่งสัญญาณให้เธอถอดเสื้อที่สวมอยู่ด้วยตัวเอง และเมื่อหญิงสาวปลดมันออกหลังจากที่พลิกกายมานอนหงาย ลำคอระหงก็ถูกแนบจุมพิตลงไปแผ่วเบา ก่อนที่มันจะเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อข้อมือของเธอถูกตรึงเอาไว้กับที่นอนทั้งสองข้าง เรียวขาสวยถูกท่อนขาแข็งแรงดันให้มันแยกออกจากกัน ไม่นาน…..ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงครางระงมของคนทั้งสอง โดยที่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกไปจากในห้องแม้เพียงแอะเดียว