ตอนที่ 13 แพ้ท้อง?

1640 Words
“ไม่นอนต่อล่ะ” “หิวอะสิ” หลังจากที่หทัยชนกเดินลงมาข้างล่างในช่วงสายของวัน ก็พบบิดากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟา โดยมีดนัยและคนอื่นๆ ส่งเสียงโหวกเหวกกันอยู่ด้านนอก “ซื้อโจ๊กมาให้แล้ว อยู่ในครัว” “อือ เสียงดังอะไรกันอะ” “เมื่อคืนเจ้าดินมันแพ้เกม เลยโดยลงโทษอยู่” “…..เบามือหน่อยละกัน” “คงไม่พิเรนทร์มากนักหรอก” หญิงสาวไม่ได้คุยกับบิดาต่อ เธอเดินหายเข้าไปในห้องครัว เมื่อแม่บ้านเห็นว่าหญิงสาวเดินเข้ามาก็เทโจ๊กใส่ชามให้แล้วก็เตรียมกาแฟเอาไว้ให้เธอ มือเล็กหยิบถาดอาหารเดินออกมานั่งที่หน้าโซฟา เป็นจังหวะเดียวกับที่วชิรวิษเดินลงมาพอดี “ดินล่ะ” “หน้าบ้านค่ะ” “หืม” “ไปดูสิคะ” ร่างสูงใหญ่ทำหน้าไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมเดินออกไปดูตามที่หทัยชนกบอกแต่โดยดี ก่อนที่จะหัวเราะออกมา เมื่อดนัยกำลังถูกบรรดาเพื่อนร่วมวงของเขาแกล้งด้วยการจับแก้ผ้า ใส่แต่บ็อกเซอร์ตัวเดียว แล้วเอาปากกาเมจิกวาดรูปตามตัว “สงสัยจะแพ้เกมหนักล่ะสิท่า” เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อเขาส่ายหน้าแล้วเดินกลับเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงข้างกายหญิงสาว “ก็คงงั้นแหละค่ะ กาแฟไหมคะ” “ก็ดี” “เดี๋ยวเฟิร์นชงให้ค่ะ” ร่างบอบบางลุกขึ้นจากโซฟาหายเข้าไปในครัว ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับกาแฟร้อนหอมกรุ่นในมือ “นาย ช่วยผมด้วย” “สมน้ำหน้า” ดนัยวิ่งหน้าตื่นเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเจ้านาย แต่ก็โดนเมินอย่างน่าสงสาร เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน หลังจากใช้เวลาด้วยกันอีกพักใหญ่ แต่ละคนก็ขอตัวกลับ ดนัยกับวชิรวิษพากันกลับไปที่บ้าน เพื่อไปเอาเสื้อผ้าบางส่วนมาไว้ที่บ้านของหทัยชนก ยามที่เขาต้องมาค้างที่นี่ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนวิ่งหาเสื้อผ้าอีก ในช่วงบ่ายของวัน น้ำฝนกับทีมงานของหทัยชนกมารวมตัวกันที่บ้าน หลังจากที่หญิงสาวตกลงรับงานละครเรื่องล่าสุด เพื่อทำการพูดคุยกันถึงการเตรียมตัวในครั้งนี้ ซึ่งจะต้องมีการเดินทางออกต่างจังหวัดและมีถ่ายทำที่ต่างประเทศด้วย หลังจากประชุมเสร็จ วชิรวิษก็กลับเข้ามาที่บ้านพอดี หลังจากพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอแต่ละคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน วันนี้วชิรวิษนอนค้างที่บ้านของหทัยชนกตามข้อตกลงที่คุยกันเอาไว้ในตอนแรก วชิรวิษใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพูดคุยกับอนุชิต ปล่อยให้หทัยชนกได้มีเวลาส่วนตัว จึงแทบไม่ได้เห็นหทัยชนกตลอดทั้งบ่าย ตกดึก หลังจากที่กินมื้อเย็นกันเสร็จก็พากันแยกย้ายขึ้นห้องนอน หทัยชนกเลือกที่จะคุยกับเขาเองที่เธอต้องไปทำงาน มันมีข้อแตกต่างจากตอนแรกที่คุยกันไว้หลายอย่าง ซึ่งตัวเธอเองก็เพิ่งได้รู้หลังจากประชุมกับทีมงาน โชคดีที่สามีหนุ่มเข้าใจและไม่ได้ว่าอะไร เขาไม่ก้าวก่ายงานของเธอ เหมือนกับที่เธอไม่ก้าวก่ายงานของเขาเช่นกัน หลายวันต่อมาก็ถึงเวลาที่หทัยชนกต้องออกเดินทาง หญิงสาวกับทีมผู้ช่วยของเธอไปรวมตัวกับทีมงานกองถ่ายเพื่อร่วมเดินทางไปด้วยกัน ทางด้านวชิรวิษก็ทำงานตามปกติ มีบางวันที่เขาแวะมาหาอนุชิตหรือมาค้างที่บ้านนี้บ้าง แต่ก็ไม่เคยตรงกับวันที่หทัยชนกกลับมาที่นี่เลย เพราะละครที่หญิงสาวถ่ายทำนั้นต้องออกอากาศไปด้วย ไหนจะงานอีเว้นท์ที่หญิงสาวต้องไป ไหนจะการเดินทางที่ค่อนข้างถี่ในการถ่ายทำ จึงทำให้พวกเขาไม่ได้เจอกันเลยตลอด 3 เดือน “นาย วันนี้มีนัดพบลูกค้าช่วงบ่ายครับ” “อืม” “นายหน้าซีดมากเลยนะ ไม่สบายหรือเปล่าครับ” “ก็ไม่นะ แค่เวียนๆหัวตั้งแต่ตื่นนอนแล้ว แต่คิดว่าน่าจะนอนน้อย ช่วงนี้อยู่ดึกทุกวัน” “ผมว่านายกลับบ้านเร็วบ้างก็ดีนะ” “ไม่ล่ะ กลับไปก็ไม่มีใครอยู่บ้าน” “คิดถึงคุณเฟิร์นเหรอครับ” “แหงสิ เมียทั้งคน” “แต่ก็ติดต่อกันตลอดไม่ใช่เหรอครับ” “มันก็ไม่เหมือนอยู่ด้วยกันไหมล่ะ” ดนัยมองใบหน้าเจ้านายหนุ่มที่ซีดเซียวราวกับคนไม่สบายด้วยความเป็นห่วง ยิ่งได้รู้ว่าเจ้านายของเขาอยู่ทำงานดึกทุกคืนเขาก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะเขารู้ดีว่าวชิรวิษไม่ชอบให้ใครมาขับรถให้ เขาจึงขับรถมาทำงานเองทุกวัน นั่นหมายความว่าเขาก็ต้องขับรถกลับบ้านดึกทุกวันเช่นกัน “งั้นเดี๋ยวฉันงีบหน่อย ค่อยแวะไปกินข้าวตอนออกไปข้างนอก” “ครับ” ดนัยรับคำ เขามองร่างสูงที่เดินมาเอนกายลงนอนที่โซฟา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ในช่วงบ่าย เมื่อดนัยเห็นว่าใกล้เวลาออกเดินทางแต่ยังไม่เห็นร่างของเจ้านายหนุ่มออกมาจากห้อง ทั้งที่ปกติแล้วเจ้านายของเขาค่อนข้างเป๊ะเรื่องเวลา จึงเข้ามาในห้องเพื่อเตือนเรื่องเวลา แต่เมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มยังไม่ตื่นก็ปลุกเขาด้วยความเป็นห่วง “ไหวแน่นะครับนาย” “อืม ไหว ไปเถอะ ขอล้างหน้าล้างตาหน่อย” ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าตัวเองเพื่อรวบรวมสติก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินหายเข้าไปในห้องด้านใน เพียงไม่กี่นาทีก็กลับออกมาด้วยสภาพที่พร้อมทำงาน “ไป” “ครับ” ร่างสูงก้าวเท้ายาวๆออกจากห้องทำงานไปอย่างไม่เร่งรีบ เขาพยายามทำตัวเหมือนปกติทั้งที่เขาเวียนศีรษะไม่น้อยเลย “แวะซื้อยาแก้เวียนหัวให้หน่อย ถ้าไปโรงพยาบาลมันเสียเวลา” “ครับ” ดนัยรับคำก่อนที่จะเดินตามหลังวชิรวิษลงไปที่รถ พวกเขาเดินทางออกจากบริษัทโดยไม่ลืมแวะซื้อยาก่อนที่จะไปหาอะไรกินเป็นมื้อเที่ยง ซึ่งสิ่งที่ทำให้ดนัยต้องแปลกใจอีกอย่างก็คือวชิรวิษไม่ชอบกินเผ็ด แต่วันนี้กลับสั่งอาหารที่เผ็ดแบบที่เขาไม่เคยสั่ง “นายไม่เป็นอะไรแน่นะครับ” “ไม่นะ นอกจากเวียนหัวก็ไม่ได้เป็นอะไร” “แต่นายกินเผ็ด…..” “อ๋อ แค่อยากกินเฉยๆ” “…..” ดนัยมองเจ้านายหนุ่มด้วยแววตาครุ่นคิด “อะไร?” “นายลองให้คุณเฟิร์นตรวจการตั้งครรภ์หน่อยดีไหมครับ” “?” “ก็อาการนายเหมือนคนแพ้ท้องแทนเมียเลยอะ” “แล้วนายรู้ได้ยังไง” “ก็เพื่อนผมก็เป็นแบบนายนี่แหละ” “…..” ช้อนที่กำลังจะส่งเข้าปากชะงักไป เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกน้องพูด “จริงนะครับนาย ผมว่านายให้คุณเฟิร์นตรวจเถอะ” “…..แล้วจะลองคุยดู” หลังจากการสนทนาจบลง ทั้งสองคนก็จัดการมื้อเที่ยงเสร็จพอดี จึงพากันออกเดินทางไปยังที่หมายที่นัดลูกค้าเอาไว้ และจบวันด้วยการที่ดนัยไปส่งวชิรวิษที่บ้านก่อนที่เขาจะขับรถของเจ้านายหนุ่มกลับบ้านไป “ไม่สบายเหรอคะ หน้าซีดจัง” “นิดหน่อย วันนี้เป็นยังไงบ้าง” “ที่นี่อากาศเย็นสบาย เลยไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ” “เฟิร์น” “คะ” “ลองตรวจครรภ์ดูหน่อยไหม” “?” “ประจำเดือนมาหรือยัง เดือนนี้” “…..ยังค่ะ” “ลองตรวจดูหน่อยเถอะ” “ค่ะ เดี๋ยวเฟิร์นให้พี่ฝนช่วยหาที่ตรวจให้ค่ะ” “อื้ม งั้นพี่พักก่อนนะ เวียนหัวมากเลย” “กินยาด้วยนะคะ” “จ้ะ” หลังจากล่ำลากันต่ออีกไม่กี่นาทีทั้งคู่ก็วางสายจากกันไป วชิรวิษเอนกายนอนลงบนเตียงก่อนจะหลับตาลง เขาหน้ามืดเวียนศีรษะมาหลายวัน ถ้าดนัยไม่ได้พูดทักขึ้นมาเขาเองก็ไม่ได้คิดถึงข้อนี้เลยแม้แต่นิดเดียว “พี่ฝน พี่คิวบอกให้เฟิร์นตรวจครรภ์” “หืม ทำไมล่ะ เฟิร์นก็ไม่มีอาการอะไรนะ” “พี่คิวเวียนหัวหน้ามืดอะสิ” “…..งั้นรอพี่ก่อน เดี๋ยวพี่ไปหาให้ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม” “ไม่มีปัญหา” หทัยชนกพยักหน้าอย่างคนที่ไม่ได้คิดอะไร ก็เธอไม่มีอาการอะไรที่เป็นสัญญาณเตือนเลย ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เธอจะตั้งครรภ์ “กลับมาแล้ว เอาไปลองตรวจดู” น้ำฝนกลับมาพร้อมกับถุงที่ใส่ที่ตรวจครรภ์หลายอัน “ทำไมซื้อมาเยอะจัง” “ก็ลองตรวจหลายๆอัน” “อือ” หญิงสาวเดินหายเข้าไปในห้องน้ำนานหลายนาทีจนน้ำฝนเริ่มเป็นห่วง หล่อนเดินไปที่หน้าห้องน้ำก่อนจะส่งเสียงเรียกหญิงสาว ไม่นานหทัยชนกก็เปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่ามีอะไรเกิดขึ้น “ท้องเหรอ” “…..อือ” หทัยชนกพยักหน้าพร้อมกับส่งเสียงขานรับ ใบหน้าของเธอยังเหวออยู่ “จริงดิ” “อือ” “งั้นทำไมไม่มีอาการอะไรเลยล่ะ” “พี่คิวน่าจะแพ้ท้องแทนแล้วล่ะ” “อุ๊ยตาย” “เอาไงต่อ” “ส่งข่าวก่อน พี่ว่าทางนั้นก็น่าจะรอข่าวอยู่เหมือนกัน” “อือ” หทัยชนกยังมีอาการตกใจอยู่ เธอจึงใช้วิธีถ่ายรูปและส่งข้อความไปบอกกับวชิรวิษแทนการโทรเหมือนเช่นปกติ และเธอคิดว่าหลังจากที่เขาได้อ่านข้อความในตอนเช้า เธอก็คงจะได้รับสายจากเขาทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD