หลังจากหลายสำนักข่าวบันเทิงเปิดเผยประวัติผู้บริหารหนุ่มหล่อได้ไม่นาน วชิรวิษก็โด่งดังจนเป็นที่จับตามอง เริ่มมีการเชิญเขาเข้าร่วมงานต่างๆ ที่ต้องออกหน้ากล้องมากขึ้น ชายหนุ่มได้แต่ทำใจยอมรับว่าในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
ในวันนี้วชิรวิษมีงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของเขา ที่หทัยชนกเป็นพรีเซนเตอร์ นั่นหมายความว่าทั้งเขาและเธอจะได้อยู่ในงานเดียวกัน อีกทั้งยังมีนักแสดงท่านอื่น ผู้บริหารอีกหลายท่าน รวมทั้งนักข่าวอีกหลายสำนักในงานนี้ด้วย
เมื่อร่างสูงเดินเข้างานมาพร้อมกับควงคู่มากับหทัยชนก เรียกเสียงฮือฮาได้มากมายจนพวกเขาต้องรอให้จบพิธีเปิดงานถึงจะให้สัมภาษณ์
“วันนี้ควงกันมากับน้องเฟิร์น มีรู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรือเปล่าคะ”
“รู้จักกันมาตั้งแต่เฟิร์นอายุ 10 ปีครับ” ร่างสูงตอบนักข่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“รู้จักกันมานานแบบนี้มีหวั่นไหวกันบ้างไหมคะ”
“อันนี้ต้องถามพี่คิวนะคะ เพราะพี่คิวเห็นเฟิร์นมาตั้งแต่เด็กเลย” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้ม
“เรียกชื่อเล่นกันแบบนี้พอมีลุ้นไหมคะ”
“ผมแต่งงานแล้วครับ งานเลี้ยงฉลองจะมีในอีก 3 เดือนข้างหน้า เดี๋ยวใกล้ถึงแล้วผมจะเรียนเชิญอีกทีนะครับ”
หลังจากที่เขาบอก นักข่าวก็พากันอึ้ง ไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวเอง เธอไม่ได้คิดว่าเขาจะประกาศออกมา
“แหม หักอกสาวๆ ทั้งประเทศแบบไม่ทันตั้งตัวเลยนะคะ” เสียงหวานใสพูดแซวเขา
“หืม พี่ทำแบบนั้นเหรอ” เขาหันมาถามคนข้างกายพร้อมกับยกอ้อมแขนแข็งแรงโอบเอวเล็กหลวมๆ เรียกเสียงฮือฮาดังสนั่น
“อย่าบอกนะว่าเจ้าสาวคือ…..”
“เรียนเชิญด้วยนะคะ” หญิงสาวตอบคำถามนี้แทนเขาด้วยรอยยิ้มหวาน
“นานหรือยังคะ”
“ก็ไม่นานเท่าไหร่ค่ะ”
“แต่งไม่นาน แต่หลงรักมานานแล้วนะคะ” ร่างสูงหันไปพูดกับภรรยาสาวด้วยรอยยิ้มแซวจนเธอหน้าแดง
ยืนให้สัมภาษณ์กันอยู่สักพักใหญ่ ทั้งสองคนจึงขอตัวกลับ และก็เป็นดังที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ เมื่อสิ่งที่พวกเขาประกาศในวันนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา เมื่อหทัยชนกเปรียบเสมือนสะใภ้จ้าว หลายสำนักจึงรายงานข่าวกันอย่างครึกโครม
“ไม่ต่างกับที่คิดเอาไว้เลยค่ะ” หญิงสาวนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาในห้องทำงานเขา พูดขึ้นเมื่อเห็นข่าว
“ก็นายเล่นออกไปประกาศตอนนายกำลังเป็นที่จับตานี่ครับ” ดนัยพูดหลังจากที่หยิบแฟ้มเอกสารที่เจ้านายหนุ่มเซ็นเสร็จมาไว้ในมือ
“เฟิร์นเองยังตกใจเลยค่ะ ไม่ได้คิดว่าพี่คิวจะประกาศเมื่อวานเลย”
“ดีนะครับที่คุณเฟิร์นไหวตัวทันแล้วตามน้ำไปได้”
“นั่นสิคะ เกือบเหวอไปเหมือนกันนะคะ”
“เอาน่า จะได้ไม่ต้องมีข่าวอะไรมากมายให้ต้องรำคาญใจไง มีข่าวกับเมียคนเดียวพอ” เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อเขาลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแล้วเดินมานั่งลงที่โซฟา
ดนัยอมยิ้มแล้วเดินออกจากห้องไป หทัยชนกมองตามแล้วยื่นโทรศัพท์ให้เขาดูข่าวล่าสุดที่มีออกมา
“ดูสิคะ ล่าสุดมีข่าวท้องก่อนแต่งแล้วค่ะ”
“ท้องจริงก็ดีสิ แต่พี่ว่ายังไม่ท้องจะดีกว่า เวลากินเมียจะได้ไม่ต้องออมแรง”
“…..ซาดิสม์” เสียงหวานสั่นอย่างห้ามไม่ได้เมื่อเธอพูดขึ้นมา
“ก็นิดหน่อยเองนะ ถ้าเต็มรูปแบบต้องมีอุปกรณ์ด้วย”
“…..”
“อยากลองไหม”
“อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวใช้งานไม่ได้”
“ไม่เห็นเป็นอะไร พี่ใช้อยู่คนเดียว จะว่าไปเฟิร์นก็ใช้ชีวิตไม่คุ้มเลยนะ”
“ยังไงคะ”
“ก็ตั้งแต่เฟิร์นเกิดมา ก็มีพี่คอยเฝ้ามองจนโต ยังไม่ทันได้เคยมีแฟนเลยในชีวิตก็แต่งงานแล้ว ทั้งชีวิตได้ใช้งานแค่กับคนๆเดียว”
“แล้วไม่ดีเหรอคะ”
“ดีสิคะ ดีกับพี่ไง เพราะเฟิร์นเป็นของพี่คนเดียว”
“คลั่งรักเหรอคะ”
“คลั่งเฟิร์นไงคะ”
สองสามีภรรยานั่งคุยเล่นกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาสมควรจึงพากันออกจากห้องทำงานไป
“ดิน ไปกินข้าว” เสียงทุ้มเรียกลูกน้องคนสนิทให้ไปด้วยกันโดยไม่ได้หยุดรอ
“ครับผม” ดนัยก้าวเท้ายาวๆตามผู้เป็นนายไป และเมื่อทั้งสามคนหายเข้าไปในลิฟต์ ชั้นบนก็ตกอยู่ในความเงียบ
“เออใช่ ผู้ใหญ่เสนอละครเรื่องใหม่ให้เฟิร์นค่ะ น่าจะเอาเรื่องอยู่ เพราะเหมือนจะถ่ายไปออนไป”
“หืม จะไหวเหรอ”
“แต่บทดีมากเลยนะคะ เฟิร์นว่าบทพิสูจน์ความสามารถเลยแหละ”
“คุณเฟิร์นรับละครปีละกี่เรื่องครับ” ดนัยที่นั่งฟังสองสามีภรรยาคุยกันระหว่างกินข้าวก็ถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้
“ไม่เกิน 3 ค่ะ แล้วแต่บทที่เสนอมา แต่หลังๆ จะคงที่ไว้ที่ 2 เรื่อง”
“ผมถามได้ไหมครับว่าตอนนี้ค่าตัวคุณเฟิร์นกี่หลัก”
สิ้นคำถามของดนัย วชิรวิษเองก็หันมารอคอยคำตอบจากหญิงสาวเช่นกัน เพราะเขาและเธอไม่เคยก้าวก่ายกันเรื่องรายได้เลย
“ก็….. 6-7 หลักต่อตอนค่ะ”
“หืม…..” เสียงทุ้มขานรับด้วยความแปลกใจ
“ค่าตัวระดับแถวหน้าเลยนะครับ” ดนัยเองก็ตกใจไม่น้อย
“นี่พี่แต่งงานกับดาราแถวหน้าเลยเหรอ” วชิรวิษหันไปสบตากับลูกน้องด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าเพิ่งรู้เช่นกัน
“นี่ไม่ค่อยติดตามดารากันใช่ไหมคะ”
“ก็ประมาณนั้น”
“ใช่ครับ”
สองหนุ่มขานตอบอย่างยอมรับ พวกเขาอยู่ในวงการธุรกิจ ส่วนใหญ่จึงตามแต่ข่าวนักธุรกิจ จะมีบ้างที่ติดตามข่าวดารา แต่ก็แค่บางครั้งเท่านั้น
“เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ารายได้ดีขนาดนี้” วชิรวิษเอ่ยด้วยความแปลกใจ
“น้อยกว่าพี่ค่ะ”
“พี่เริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะครับ”
รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ดนัยมองรอยยิ้มนั้นด้วยความแปลกใจ เขาทำงานกับวชิรวิษมาหลายปี มีไม่กี่ครั้งที่เจ้านายเขายิ้มออกมาจากใจ ซึ่งทุกครั้งก็จะมีหทัยชนกเป็นต้นเหตุและผู้รับรอยยิ้มนั้นตลอด เขาเองก็อยากเจอคนที่ทำให้ยิ้มแบบนี้ได้บ้าง
“ค่ะพี่ฝน” เสียงหวานใสขานรับปลายสาย เมื่อมีสายเรียกเข้า
“ได้เรื่องแล้วล่ะ ทางนั้นยอมรับแล้วว่าผู้ช่วยของตัวเองเป็นคนตัดสายดึงฉาก เอายังไงต่อ”
“แค่ตักเตือนก็พอมั้งคะ เพราะถ้าเฟิร์นไม่ใช่คนโดน ตัวเจ้านายของเขาเองก็มีโอกาสโดนฉากหล่นมาใส่เหมือนกันถ้าจังหวะไม่ดี ช่างเถอะค่ะ”
“เอางั้นเหรอ”
“ค่ะ ต่อไปคงไม่กล้ามายุ่งกับเฟิร์นหรอกค่ะ”
“เอางั้นก็ได้”
หลังจากวางสายจากน้ำฝน หญิงสาวก็เล่าเรื่องในวันนั้นให้กับทั้งสองคนฟังอย่างละเอียด ในตอนแรกวชิรวิษจะไม่ยอมจบ แต่ในเมื่อเธอตัดสินใจไปแล้วเขาก็ต้องตามใจเธอ
เมื่อมื้ออาหารจบลงพวกเขาก็พากันกลับขึ้นไปทำงานต่อจนกระทั่งถึงเวลากลับบ้าน วันนี้เป็นวันที่สองสามีภรรยาต้องไปนอนบ้านของหญิงสาวตามที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก หญิงสาวไม่อยากทำให้บิดาของเธอรู้สึกว่าเธอละเลยเขาหลังจากแต่งงาน
“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานใสดังขึ้นเหมือนยามปกติที่เธอกลับมาถึงบ้าน
“มาเร็ว กินเหล้ากัน” อนุชิตที่อยู่ในครัวโผล่หน้าออกมาดูเมื่อได้ยินเสียงดังของบุตรสาว
“หืม” หทัยชนกหน้าเหวอเมื่อบิดาออกมาพร้อมกับผ้ากันเปื้อนและเอ่ยปากชวน
“…..ลืมอะไรหรือเปล่า” ชายวัยกลางคนบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
“…..วันเกิดเฟิร์น”
“เออ”
วชิรวิษแอบสบตากับอนุชิต อันที่จริงเขากับบิดาของหญิงสาวแอบเตรียมเค้กวันเกิดกับของขวัญเอาไว้ให้แล้ว และคนอื่นๆในวงก็จะตามมาหลังจากนี้
“พี่ว่าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าไหม”
ร่างสูงจับมือเล็กให้เดินตามขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อให้อนุชิตได้มีเวลาเตรียมข้าวของให้เสร็จก่อนที่เพื่อนๆจะมา โดยมีน้ำฝนกับดนัยเข้ามาช่วยอีกแรง
“มีปาร์ตี้กันเหรอคะ” หญิงสาวถามขึ้นเมื่อประตูห้องปิดสนิท
“ใช่ค่ะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ จะได้สบายตัว”
มือใหญ่จับร่างบอบบางให้มายืนใกล้ๆ แล้วช่วยเธอถอดเสื้อผ้า ก่อนจะตามด้วยของตัวเขาเอง แล้วพากันเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่นานเสียงคำรามปนเสียงครางกระเส่าก็ดังไปทั้งห้องน้ำ
เมื่อลงมาข้างล่างหลังจากผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง ทั้งคู่ก็พบว่าทุกอย่างถูกเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว
“สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะหลานสาว” เสียงอู๊ดดี้ดังขึ้นเป็นคนแรก พร้อมกับกล่องของขวัญกล่องใหญ่ในมือที่ยืนให้กับหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ”
“อันนี้ของอา” พจน์เองก็ส่งให้หญิงสาวเช่นกัน
หลังจากนั้นแต่ละคนที่มาในงานก็ทยอยเอาของขวัญมาให้กับหทัยชนก โดยมีวชิรวิษ น้ำฝน และดนัยคอยช่วยหยิบไปเรียงให้ จนเมื่อทุกคนให้ของขวัญกับเธอครบแล้ว งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น
“ป๊า ซื้อมากี่ลังเนี่ย” หทัยชนกตะโกนถามบิดาของเธอเสียงดังเมื่อเดินออกมาที่โต๊ะม้าหินแล้วเห็นลังเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งอยู่หลายลัง
“หลาย มิกซ์เซอร์อีก” อนุชิตตะโกนตอบบุตรสาว พลางละมือจากการย่างอาหารตรงหน้า
ดวงตากลมโตเหลือบมองบนด้วยความอ่อนใจ สงสัยวันนี้จะได้เก็บพวกเขาขึ้นบนบ้านอีกแล้ว
ปาร์ตี้ดำเนินไปอย่างสนุกสนาน พวกเขาเตรียมอาหารทะเลไว้สำหรับย่างหลายกิโล โดยที่มีเตาให้กับบรรดาแม่บ้านและคนรถย่างกินกันด้วย พวกเขาแยกนั่งอีกโต๊ะไม่ไกลกันมาก เพราะไม่อยากรบกวนบรรดาเจ้านาย
“เอาล่ะ เมื่อไหร่พวกเราจะได้อุ้มเหลน” อนุชิตหันมาถามวชิรวิษน้ำเสียงจริงจัง
“เราทั้งคู่ยังไม่พร้อมครับ ยังอยากใช้เวลาด้วยกันก่อน” ร่างสูงใหญ่ที่นั่งจิบเครื่องดื่มเบาๆ ตอบพร้อมกับโอบเอวเล็ก
“ทำไมล่ะ พวกเราเห็นข่าวนายแล้วนะ ปิดเงียบมาก ไม่บอกพวกเราเลย” อู๊ดดี้ถามขึ้นด้วยความน้อยใจ
“ผมไม่อยากให้ทุกคนเกร็งเลยไม่ได้บอกใครครับ”
“ก็จริงนะ แม้แต่ฉันก็รู้ก่อนข่าวออกไม่กี่วัน” อนุชิตสมทบอย่างเห็นด้วย
พูดคุยกันอีกสักพักใหญ่พวกเขาก็เอากีตาร์ขึ้นมาดีดเล่นด้วยกันหลังจากที่ไม่ได้นัดซ้อมวงมานาน แม้แต่วชิรวิษเองก็ร่วมเล่นไปกับคนอื่นด้วย
เมื่อหทัยชนกเห็นว่าดึกมากแล้ว และตัวเธอเองก็เริ่มมีอาการมึนๆ จึงขอตัวกลับขึ้นห้องนอนก่อน ปล่อยให้สามีหนุ่มร่วมวงดื่มอยู่ข้างล่างโดยไม่ได้คิดจะห้ามหรือรบกวนอีก จนกระทั่งนาฬิกาผ่านพ้นวันใหม่ หญิงสาวก็สะดุ้งตื่นจากเสียงเปิดประตู
“พี่ทำให้ตื่นเหรอ”
“เปล่าค่ะ เพิ่งเลิกเหรอคะ”
“ยังไม่เลิกกันเลย แต่พี่ไม่ไหว เหนื่อยงานมาหลายวันกลัวจะแฮงก์หนักถ้าเมามาก”
“เช็ดหน้าเช็ดตาหน่อยไหมคะ แล้วค่อยนอน”
“เดี๋ยวพี่อาบน้ำอีกรอบดีกว่า เหม็นเหงื่อ ไปอาบน้ำกัน”
“…..”
เมื่อสิ้นเสียงทุ้ม ร่างบอบบางก็ลอยหวือเข้าสู่อ้อมแขนแข็งแรง ทั้งคู่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เพียงไม่นานก็กลับออกมา แล้วเรือนร่างทั้งสองก็ไม่ได้แตะเสื้อผ้าอีกเลยจนเกือบรุ่งสาง