ไปรังควานเธอดีกว่า (2)

2445 Words
...... เสียงวิหคร้องดังราวกับตะโกนอยู่ข้างหู แสงตะวันทะลุผ่านเปลือกตาด้วยรัศมีเข้มข้นจนกันต์ดนัยต้องชันตัวลุก ยกมือขยี้เปลือกตาพลางสำรวจรอบบริเวณ ผ้าห่มกองอยู่บนตัวท่ามกลางโซฟาหน้าระเบียง และนกพิราบที่บินโฉบผ่านไปมา นี่เขานอนอยู่ข้างนอกทั้งคืนเลยเหรอ ร่างสูงลุกบิดขี้เกียจด้วยความหนักอึ้งของศีรษะ กดดูเวลาในมือถือก็พบว่าตอนนี้แปดโมงกว่าแล้ว กันต์ดนัยเปิดประตูเข้าไปด้านในห้อง พร้อมกดดูข้อความที่ส่งมาจากฝนแก้ว ‘ไหนบอกไม่สนใจเขาแล้วไง คุณเจนอยู่ที่ภูพราวดาวรีสอร์ตค่ะ ตามโลเคชั่นที่แนบมานี้เลยค่ะ’ กันต์ดนัยชะงักฝีเท้า ริมฝีปากอ้าเหวอ ข้อความของฝนแก้วเป็นการตอบกลับจากข้อความก่อนหน้าที่กันต์ดนัยส่งไป นัยน์ตาที่ยังมึนเบลอเลื่อนขึ้นอ่านประโยคด้านบนที่พิมพ์ถามฝนแก้วว่าเจนนินทร์หลบอยู่ที่ไหน รีสอร์ตนั้นชื่ออะไร “อะไรวะ ส่งไปตอนไหน ทำไมจำไม่ได้เลยวะ” เวลาที่กันต์ดนัยแชทถามฝนแก้วคือตีสามสิบนาที เป็นไปได้ว่าเขาหมกมุ่นจนละเมอส่งข้อความถาม “อ้าว ตื่นแล้วเหรอ นึกว่ายุงหามไปแล้วซะอีก” การินเดินออกมาจากห้องนอนด้วยใบหน้าพราวหยดน้ำ “เมื่อคืนกายมายุ่งอะไรกับมือถือพี่หรือเปล่า” “ใครจะไปยุ่ง ผมแค่เอาผ้าห่มไปคลุมให้ ตัวเองเมาเอาแต่ละเมอเรียกชื่อพี่เจนทั้งคืน” การินขำหึ เหล่มองพี่ชายที่ตีหน้าขุ่นปนงง ฝังใจกับรักครั้งเก่าขนาดนั้นแล้วชาตินี้จะลืมเขาได้ไหมล่ะเนี่ย “โกหกล่ะ ไม่มีทางละเมอแบบนั้นแน่นอน แล้วนี่รู้ว่าพี่เมาทำไมไม่พาไปนอนในห้องดีๆ ปล่อยให้นอนตากยุงแบบนั้นมันใช่เหรอ หัดเป็นห่วงกันบ้างดิ” พ่อซุปตาร์กลบเกลื่อนอาการอื่นด้วยการบ่นงึมงัมใส่น้องแล้วเดินหายเข้าไปในห้องส่วนตัว “อ้าว...” การินได้แต่ยืนเกาหัวแกรกๆ ก็ห่วงไงเลยเอาผ้าห่มไปคลุมให้ แต่เหตุที่ไม่ลากเข้าห้องเพราะขี้เกียจแบก อีกอย่างคอนโดฯ สูงสามสิบชั้นเขาและพี่ชายอาศัยอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีแทบไม่มียุงมาสูบเลือดเลย การินจึงปล่อยพี่ชายนอนอาบแสงจันทร์ด้วยใจที่โหยหาคนรักอยู่อย่างนั้น กันต์ดนัยออกมาจากห้องนอนหลังหายไปจัดการตัวเองเกือบชั่วโมง การินละสายตาจากจอโทรศัพท์เมื่อเห็นพี่ชายสะพายเป้สีขาวบนบ่าข้างเดียว “ไปไหนอะ ไหนเมื่อวานบอกว่าช่วงนี้ว่างงานเจ็ดวัน อยากนอนโง่ๆ อยู่ในห้อง จะไม่ออกไปไหนไง” “เปลี่ยนใจล่ะ ว่าจะไปหาเรื่องคนเล่นๆ ซะหน่อย” “ใครอะ พี่เจนหรือเปล่า พี่จะไปง้อเขาใช่ไหม” “ไม่ใช่โว้ย!” เสียงฉุนตวัดใส่น้อง พลางปิดตู้เย็นดังปังเมื่อได้เครื่องดื่มแก้แฮงค์มาอยู่ในมือ “รายนั้นเขาหายเข้ากลีบเมฆแล้ว จะอาลัยอาวรณ์ทำไม” “ตอแหล” การินพึมพำแล้วกลับไปเล่นโทรศัพท์ต่อ “ได้ยินนะ...อยู่ห้องดีๆ ล่ะ เก็บข้าวเก็บของ ทำความสะอาดอย่าให้ห้องรก” “คร้าบๆ แล้วคุณพี่จะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะคร้าบ” น้องชายเอ่ยถามโดยไม่เงยหน้าจากจอโทรศัพท์ “ยังไม่รู้” กันต์ดนัยทิ้งคำตอบเพียงเท่านั้นพร้อมบานประตูที่งับปิด ขณะชำระร่างกายภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำก็พลันคิดได้ว่าตนไม่ควรปล่อยเธอนั่งแกว่งเท้าสบายใจเฉิบทั้งที่สร้างแผลใจวงใหญ่ให้เขา ไม่รู้แหละ ไม่ว่าตอนนี้เธอจะสุขหรือทุกข์อย่างไร เขาก็ไม่ควรปล่อยไปง่ายๆ พายุเวรกรรมของเจนนินทร์ยังไม่สงบหรอก เพียงแค่อ่อนกำลังลงชั่วคราวเท่านั้น และเตรียมรับมือไว้ได้เลย พายุที่ชื่อกันต์ดนัยกำลังจะพัดถล่มเธอในอีก 3…2…1 ......... ซุปเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทยแลนด์ดิ้งถึงท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอดโดยสวัสดิภาพ แว่นกันแดดสีดำสวมปิดครึ่งบนทั้งที่มีหน้ากากอนามัยบดบังตั้งแต่สันจมูกไล่ลงถึงปลายคาง เขาไม่ได้ต้องการปกปิดตัวตนเพียงแค่แสบตากับแสงแดดจ้าในยามเที่ยงวันเท่านั้น กันต์ดนัยเดินไปคุยกับแท็กซี่ที่มีบริการไม่มาก ด้วยเที่ยวบินที่มีเพียงเที่ยวสองเที่ยวต่อวัน การเดินทางทางอากาศของที่นี่ยังไม่คึกคักนัก กันต์ดนัยตกลงราคากับคนขับเสร็จสรรพก็เข้าไปนั่งในรถที่พามุ่งหน้าสู่ภูพราวดาวรีสอร์ต ด้วยระยะทางที่คนขับแจ้งว่าราวสี่สิบนาทีก็ถึงที่หมาย แม้โชเฟอร์ได้เตือนว่ารีสอร์ตปิดตัวลงไปแล้วแต่เขาก็ยังดึงดันจะไป ด้วยระยะทางที่ค่อนไกลกันต์ดนัยจึงย่นเวลาด้วยการปิดเปลือกตา ซึ่งนับว่าได้ผลเป็นอย่างดี สี่สิบนาทีตามที่โชเฟอร์แจ้งผ่านไปรวดเร็วราวกับนั่งจรวด คนขับแท็กซี่วัยกลางคนปลุกเขาจากห้วงนิทราเมื่อหยุดล้อตรงด้านหน้าของรีเช็ปชั่น กันต์ดนัยควักธนบัตรซึ่งรวมค่าทิปอยู่ในนั้นให้โชเฟอร์ ก่อนก้าวออกไปจากรถพร้อมด้วยกระเป๋าเป้หนึ่งใบ “เอ่อ สวัสดีครับ มาทำอะไรที่นี่ครับ” “จะมาพักที่นี่น่ะครับ” กันต์ดนัยให้คำตอบบุรุษวัยสามสิบปีที่รุดมาสอบถามด้วยสีหน้างุนงง ดาราหนุ่มชะเง้อมองผ่านกรอบแว่นกันแดดเข้าไปด้านใน และพบกับใครบางคนที่ส่วนลึกในใจโหยหาอยากเจอมาตลอด ซึ่งเธอยืนสังเกตการณ์อยู่ก่อนแล้ว “เอ่อ แต่ที่นี่ปิดตัวไปหลายเดือนแล้วนะครับ เราไม่เปิดรับแขกแล้วครับ” “อ้าวเหรอครับ ไม่ทราบเลยครับ แต่ไหนๆ ก็มาแล้วเนอะ” กันต์ดนัยเดินผ่านหน้าชายหนุ่ม และก้าวขึ้นบันไดโดยไม่รอการผายมือเชิญจากใคร หน้ากากอนามัยและแว่นกันแดดยังคงครอบทับบนกรอบหน้า ซึ่งพร๊อพแค่นี้ยังไม่เพียงพอกับการอำพรางโฉม ดาราหนุ่มยังเพิ่มหมวกบักเก็ตสีครีมบนศีรษะ เจนนินทร์ยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ซึ่งอดีตเป็นที่ทำงานของพนักงานต้อนรับส่วนหน้า หญิงสาวขมวดคิ้วยุ่งเป็นปมในขณะมองชายหนุ่มร่างสูงที่ปกปิดใบหน้าเสียมิด ก่อนหันความสนใจไปทางคนงานที่วิ่งปรู๊ดมารายงาน “คุณเจนครับ เขาบอกจะมาพักที่นี่ครับ แต่ผมแจ้งแล้วนะว่ารีสอร์ตปิดไปแล้ว” เจนนินทร์พยักหน้ารับกับพนักงานคนเดียวของรีสอร์ต ก่อนก้าวออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ แววตาผ่านแว่นกันแดดพุ่งโฟกัสไปที่หน้าท้องของหญิงสาวที่นูนเด่นชัดเจน เธออยู่ในชุดคลุมท้องสีฟ้าที่สั้นเหนือหัวเข่า แขนยาวพองลมเหมือนตุ๊กตา และมีเข็มกลัดร้อยไข่มุกกลัดอยู่ตรงสะดืออย่างที่ฝนแก้วเล่าให้ฟัง หัวใจคนมองระส่ำสั่นไหว รู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด และคล้ายว่าเคล้าไปกับอาการหายใจไม่ทั่วท้อง “ขอโทษด้วยนะคะ รีสอร์ตของเราปิดตัวไปเกือบครึ่งปีแล้วค่ะ” “งั้นเหรอครับ แย่จังนะครับ ทำไมไม่แจ้งก่อนล่ะครับว่าปิดไปแล้ว” “อ้าว! ก็จะรู้ได้ไงว่าคุณลูกค้าจะมา” อารมณ์คนท้องพลุ่งพล่านอย่างง่ายดาย น้ำเสียงของเขาคล้ายกล่าวโทษว่าเธอเป็นฝ่ายผิด ทั้งที่การมาของเขาไม่ผ่านการสอบถามทางรีสอร์ตก่อน “เหวี่ยงจัง เพราะว่าปิดตัวไปแล้วเลยวีนใส่ลูกค้าได้อย่างงี้เหรอครับ อ๋อ...เพราะเจ้าของเป็นแบบนี้สินะถึงไปไม่รอด” กันต์ดนัยใช้โทนเสียงที่ผ่านการดัดแปลงยั่วอารมณ์หล่อน คนฟังเข่นเขี้ยวพลางกระชับแขนเสื้อทีละข้างประหนึ่งนักเลงที่เตรียมชกคู่อริ สาบานว่านี่คือคนท้องจริงๆ “รีสอร์ตจะปิดตัวด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่เกี่ยวกับคุณลูกค้าค่ะ มาทางไหนก็เชิญกลับไปทางนั้นเลยค่ะ” “แต่ผมมาถึงที่นี่แล้วนะ เดินทางจากสนามบินมาตั้งไกล ผมอยากพักผ่อนแล้ว ก็เช็กในเว็บมาแล้วนี่ว่าที่นี่เปิดให้บริการอยู่” “ไหนเว็บไหนเอามาดูสิคะ” ที่นี่ปิดตัวไปตั้งแต่ตอนที่บิดาบุญธรรมยังไม่เสียชีวิตด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ยังมีข้อมูลเปิดให้บริการหลงเหลือในเว็บไซต์ อีกทั้งตลอดห้าเดือนที่ผ่านมาก็ไม่มีใครหลงเข้ามาที่นี่เลย เว้นก็แต่สองสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เจนนินทร์ยกให้เป็นกรณีพิเศษ “ผมจำเว็บไซต์ไม่ได้ล่ะ แต่ไหนๆ ก็มาแล้วนี่ครับ ขอพักที่นี่สักคืนเถอะนะครับ เย็นแล้วผมไม่อยากร่อนเร่หาที่พัก” “เย็นเยินอะไร คุณไม่มีนาฬิกาดูเหรอ ตอนนี้เพิ่งบ่ายโมงเองนะ” “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมเดินทางมาไกล เหนื่อยก็เหนื่อย ขอพักแค่คืนเดียวเองนะครับ ผมจ่ายให้ห้าพันเลยอะ” จำนวนเงินนั้นฟังดูน่าสนใจ หากเธอเป็นสุนัขใบหูคงกระดิกดิ๊กๆ ไปแล้ว โดยปกติราคาห้องพักของที่นี่ไม่เคยเกินสองพันบาทต่อคืนแม้ในช่วงไฮซีซั่น อดีตนางเอกไล่สายตามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ ก็ดูน่าแปลกไม่น้อยที่อยู่ๆ ก็นั่งแท็กซี่เข้ามาในรีสอร์ต ซึ่งคนในพื้นที่ต่างทราบกันดีว่าปิดตัวไปนานแล้ว โดยเฉพาะคนขับแท็กซี่ที่มีหน้าที่รับส่งนักท่องเที่ยว ย่อมต้องรู้ดีว่าที่ไหนเปิดหรือปิดบริการอย่างไร อย่างน้อยคนขับรถก็น่าจะเตือนเขาบ้างว่าภูพราวดาวรีสอร์ตงดให้บริการที่พัก ที่สำคัญเจนนินทร์เกิดความคุ้นเคยกับคนตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก การแต่งกายมิดชิด แบกเป้บนบ่าข้างเดียว ไหนจะพร๊อพอย่างแว่นกันแดดและหมวกซึ่งดูคล้ายว่าเป็นนักท่องเที่ยวก็จริง แต่เจนนินทร์รู้สึกตงิดอย่างบอกไม่ถูก หรือเพราะน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมามันดูไม่ใช่โทนธรรมชาติของเจ้าตัว “เงินเยอะขนาดนี้ไปนอนโรงแรมอื่นที่พร้อมบริการไม่ดีกว่าเหรอคะ เดี๋ยวฉันให้คนไปส่งถึงที่ก็ได้ค่ะ” กันต์ดนัยถอนหายใจฉุนให้เธอรับรู้ความเหนื่อยหน่าย พร้อมสะบัดหน้าไปมาเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ “แค่คืนเดียวเองน่าคุณ ผมจ่ายห้าพันบาทจริงๆ นะ ก็อย่างที่บอกว่าเหนื่อยมาก ขี้เกียจนั่งรถไปไหนแล้ว ผมบินมาจากนาริตะแล้วนั่งเครื่องต่อมาที่นี่ แล้วก็นั่งรถอีกตั้งเกือบชั่วโมงแน่ะ” “คนญี่ปุ่น?” “คนไทยนี่แหละครับ เถอะนะครับ ให้ผมพักสักคืนเถอะ” คนท้องเอียงมองเขาอย่างสังเกตสังกา คุยกับคนดื้อดึงขยันต่อรองเช่นนี้เจนนินทร์ก็ชักจะเหนื่อยแล้วเหมือนกัน “ก็ได้ค่ะ ฉันให้คุณพักที่นี่ก็ได้ แต่ก่อนอื่นเปิดหน้าเปิดตาให้ดูหน่อยสิคะ จะปกปิดอะไรขนาดนั้นเหมือนไม่บริสุทธิ์ใจเลยนะ” “ไม่บริสุทธิ์ใจอะไรกัน ก็อากาศมันร้อน ป้องกันได้ทั้งฝุ่นทั้งเชื้อโรค” กันต์ดนัยอ้ำอึ้งยังไม่ยอมดึงสิ่งปกปิดออกจากใบหน้า หากเธอรู้ว่าเขาเป็นใครรับรองโดนไล่ล้านเปอร์เซ็นต์ เจ้าของรีสอร์ตกอดอกจ้องเขม็งใช้สายตากดดันให้เขาถอดหน้ากากและแว่นกันแดด “ว่าไงคะ ทำไมไม่เปิดหน้าล่ะ ถ้าอยากพักที่นี่ก็เปิดหน้าสิคะ” “อะไรกันเจน ทำไมเสียงดังแบบนั้น” เรไรกลับเข้ามาจากระเบียงซึ่งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ เธอนั่งสูดอากาศอยู่ตรงนั้นนานแล้ว และด้วยความที่ประตูระเบียงแง้มไว้เล็กน้อยเรไรจึงได้ยินบทสนทนาอย่างชัดเจน “ก็เขาทำตัวแปลกๆ นี่คะ” เจนนินทร์หันไปกระซิบกับมารดาไม่วายสายตายังไม่ทิ้งจากคนแปลกหน้า “ให้เขาพักไปเถอะ ห้องพวกนี้ข้าวของยังอยู่ครบเหมือนเดิม ทำความสะอาดนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้ว สงสารเขาเดินทางมาตั้งไกลคงเหนื่อยน่าดู อาจจะมีข้อมูลของรีสอร์ตเราที่ยังไล่จัดการในเว็บไซต์ไม่หมด ถ้าอย่างนั้นก็ถือเป็นความผิดเราด้วย” “ถึงเราจะผิด แต่เขาก็ผิดด้วยเหมือนกันนะคะที่ไม่โทร.มาเช็กกับเราก่อน” เจนนินทร์ตั้งใจว่ากระทบแขกแปลกหน้า “เอาน่า ไหนๆ เขาก็มาแล้ว แค่คืนเดียวเอง ให้เขาพักไปเถอะ” “ขอบคุณมากครับคุณผู้หญิง” กันต์ดนัยค้อมศีรษะให้เรไร เจนนินทร์กลอกตาอย่างยอมจำนน แล้วหมอนี่เป็นบ้าอะไรถึงไม่ยอมเปิดหน้าเปิดตา เป็นแบบนี้แล้วจะให้ไว้ใจว่าเขาไม่มีเจตนาร้ายได้อย่างไร หากมาส่องลาดเลาเตรียมจี้ปล้นจะทำอย่างไร ที่นี่มีเพียงเธอกับแม่และพี่ต้อง ซึ่งเป็นพนักงานคนเดียวของภูพราวดาวรีสอร์ต แต่เอาเถอะ ลองเสี่ยงดูสักตั้งเพื่อแลกกับเงินห้าพันบาท...มันจะได้คุ้มเสียไหมล่ะเนี่ย? “งั้นพี่ต้องจัดการเช็คอิน และถ่ายบัตรประชาชนเขาด้วยนะคะ แล้วเดี๋ยวเจนจะไปดูห้องพักให้” เจนนินทร์หันไปสั่งการชายหนุ่มที่เธอเรียกว่าพี่ต้อง ก่อนเบือนสายตามองจิกมาทางคุณลูกค้า “คืนละห้าพันบาท จ่ายรอบเดียวไม่มีมัดจำ ไม่แบ่งครึ่งอะไรทั้งนั้น” “ขอบคุณครับ” “ให้เขาพักห้อง 104 ล่ะกันนะคะพี่ต้อง” เจนนินทร์หยิบกุญห้องหมายเลขดังกล่าวติดมือมาด้วย พลางเดินกุมท้องไปหยิบถังพลาสติกซึ่งบรรจุด้วยอุปกรณ์ทำความสะอาด ส่วนเรไรเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ตรงเรือนพักนี้แต่ก่อนเป็นแผนกต้อนรับส่วนหน้าที่ด้านบนคือห้องพักวีไอพีของเจ้าของรีสอร์ต “คุณเจนมาเช็คอินไม่ดีกว่าเหรอครับ เดี๋ยวผมไปทำความสะอาดให้” ต้องตะโกนไล่หลังคนท้องที่กำลังเดินลงบันได เจนนินทร์โบกมือปัดๆ ไม่เหลียวกลับมาตอบ มีเหตุผลที่เธอไม่อยากอยู่ตรงนั้น ด้วยเกรงจะปะทะคารมจนอารมณ์พุ่งปรี๊ดๆ เพียงเท่านี้เจ้าตัวเล็กในครรภ์ก็ซึมซับด้านลบไปเยอะแล้ว ....
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD