1ปีต่อมา..
ในขณะที่ทุกคนกำลังร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับเด็กหญิงซึ่งมีอายุครบหนึ่งปีเต็ม เสียงรถสปอร์ตคันหรูก็ดังเข้ามายังคฤหาสน์หรู และนั่นก็ทำให้แขกที่มาร่วมงานรวมทั้งผู้สื่อข่าวที่ถูกเชิญมาหันไปให้ความสนใจกับชายหนุ่มแทน
“ขออนุญาตถ่ายภาพหน่อยนะคะ”
นักข่าวต่างไปแย่งกันถ่ายภาพชายหนุ่มซึ่งกำลังจะเข้าไปข้างในคฤหาสน์
“ผมว่าเข้าไปถ่ายข้างในงานดีกว่านะครับ พอดีข้างนอกมันร้อน”พูดจบชายหนุ่มก็เดินเข้าไปยังข้างในบ้านโดยมีนักข่าวเดินตามเข้าไปถ่ายภาพต่อ
“ขอรูปครอบครัวหน่อยค่ะ”
“ปาๆๆ”เด็กหญิงเรียกหาผู้เป็นพ่อพร้อมกระโดดโลดเต้นท่ามกลางความมึนงงของคนในบ้าน เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าเขาไม่ได้กลับมาบ้านเป็นเวลาเกือบสองปีแล้ว
“ขอภาพครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกหน่อยค่ะ”
ชายหนุ่มปั้นหน้ายิ้มแล้วเดินตรงเข้าไปหาภรรยาและลูกสาวที่ยืนข้างๆเค้กก้อนโต
“ยิ้มให้กล้องด้วยสิ เดี๋ยวคนอื่นก็คิดว่าคู่เรามีปัญหากัน”ชายหนุ่มกระซิบเบาๆที่ข้างหูหญิงสาวพร้อมกับโอบเอวบาง
“คุณแม่ยิ้มหน่อยค่ะ”หญิงสาวฝืนยิ้มให้กล้องในขณะที่อุ้มลูกสาวตัวน้อยเอาไว้
“ปาๆๆ”ในขณะนั้นเองเด็กหญิงก็พยายามจะข้ามไปหาผู้เป็นพ่อที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ส่วนหญิงสาวผู้เป็นแม่ที่เห็นดังนั้นก็แอบเคืองเล็กน้อย จากนั้นเธอก็พยายามเกลี้ยงกล่อมไม่ให้ลูกสาวตัวน้อยดิ้นไปมา
“ขอภาพคุณพ่ออุ้มลูกสาวหน่อยได้มั้ยคะ”
“ได้สิครับ”ชายหนุ่มตอบรับคำขอโดยไม่สนใจผู้เป็นภรรยาที่กำลังเผยใบหน้าบูดบึ้ง
“ส่งเด็กมาให้ผม”ชายหนุ่มหันไปกระซิบข้างหูหญิงสาวอีกครั้งจากนั้นก็แย่งเด็กหญิงออกจากอ้อมกอดผู้เป็นแม่
“รบกวนคุณแม่ช่วยขยับเข้าใกล้คุณพ่ออีกหน่อยค่ะ”
หญิงสาวค่อยๆขยับเข้าใกล้ผู้เป็นสามีอย่างไม่เต็มใจนัก ส่วนเด็กหญิงเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดผู้เป็นพ่อครั้งแรกก็มีท่าทีตื่นเต้นพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่ทำให้ผู้คนในงานเผลอยิ้มตาม
……….
“ค่ำแล้วทำไมยังไม่กลับ”
“เมื่อกี้พ่อพูดว่าอะไรนะ”
“ฉันถามว่าค่ำแล้วทำไมแกยังไม่กลับไปอีก”
“นี่ก็บ้านผมนะ จะให้ผมกลับไปไหน”
“พ่อก็นึกว่าแกจะไม่กลับมาเหยียบบ้านหลังนี้แล้วซะอีก”ชายสูงวัยพูดจาประชดประชันลูกชายอย่างอดไม่ได้
“ก็พ่อเป็นคนขอให้ผมกลับนี่ อีกอย่างตั้งแต่มีเด็กนั่นพ่อก็ถีบส่งผมอย่างกับผมไม่ใช่ลูก”
“ก็แกมันไม่ได้เรื่องนี่ มีลูกมีเมียแต่ไม่เคยกลับมาดูดำดูดี ไม่เคยคิดจะกลับมาหาพ่อหาแม่บ้าง”
“ก็เราเจอกันแทบทุกวันแล้วนี่พ่อ”
“เออๆ พ่อไม่อยากเถียงกับแกละ จะไปไหนก็ไป”พูดจบชายวัยกลางคนก็เดินขึ้นไปยังชั้นบนแล้วทิ้งให้ลูกชายเพียงคนเดียวอยู่ชั้นล่างเพียงลำพัง
“คุณโปรดจะอยู่ต่อหรือจะกลับเลยคะ ถ้ากลับป้าจะได้ให้เด็กในครัวเก็บของเข้าตู้เย็น”
“นี่มันบ้านผมนะ”ชายหนุ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจต่อสาวใช้
“ค่ะๆป้าขอโทษค่ะ”
“บ้านนี้เป็นอะไรกันหมด ทำอย่างกับผมเป็นแขก”
“ก็คุณโปรดไม่ได้กลับมาบ้านเป็นเวลานานแล้วนี่คะ ทุกคนก็เลยเข้าใจว่าคุณโปรดคงไม่กลับมาอยู่บ้านนี้แล้ว”
“ป้าน้อย ผมขอถามอะไรหน่อยสิ”
“ถามมาเลยค่ะ”
“เด็กนั่นนอนห้องไหน”
“เด็กไหนคะ?”
“บ้านนี้มีเด็กกี่คน”ชายหนุ่มมองสาวใช้ด้วยสายตาเชิงตำหนิ
“ออๆ ป้าขอโทษค่ะ คุณหนูปิ่นพักอยู่ห้องกับคุณแพทค่ะ”
“ห้องไหน”
“ก็ห้องคุณโปรดไงคะ”
“ห้องผม?”พูดจบชายหนุ่มก็เดินขึ้นไปยังชั้นบนจากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปในห้องโดยพลการ
“คุณโปรด!”
“ห้องนอนมีตั้งเยอะแยะทำไมต้องมาอยู่ห้องผมด้วย”ชายหนุ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นสองแม่ลูกอาศัยอยู่ในห้องซึ่งเดิมทีเป็นของเขา
“ถ้าคุณไม่พอใจเดี๋ยวฉันจะย้ายห้องเดี๋ยวนี้เลย แต่รอให้น้องปิ่นกินนมอิ่มก่อน”
“ปาๆๆ”เด็กหญิงละจากเต้าเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อ จากนั้นร่างน้อยๆก็พยายามไต่ลงจากเตียง ส่วนหญิงสาวที่เห็นดังนั้นก็รั้งตัวลูกสาวเอาไว้
“ไม่ต้อง ถ้าอยากอยู่ห้องนี้ก็อยู่ต่อเลยเดี๋ยวผมจะไปแล้ว”เมื่อเต้านมที่ขยายใหญ่ขึ้นปรากฏต่อหน้าชายหนุ่ม เขาก็เบือนหน้าหนีแล้วหายออกจากห้องไปโดยไม่สนใจเสียงร้องไห้ของเด็กหญิงตัวเล็กๆ และนับตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่กลับมาที่บ้านอีกเลยจนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไปสามปีเต็ม
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่มาร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวันครบรอบวันเกิดปีที่สี่ของเด็กหญิง และแขกส่วนใหญ่เป็นเพื่อนวัยอนุบาลของเจ้าของงาน บรรดาผู้ปกครองที่ตามมาดูแลลูกหลานต่างชื่นชมในความงดงามของคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งภายในดูโอ่อ่าและหรูหราสไตล์ยุโรป บรรกาศฉันหนึ่งในตอนนี้ดูครึกครื้นเป็นพิเศษเนื่องจากมีการจัดเตรียมของเล่นนานาชนิดสำหรับแขกวัยจิ๋ว
“เจ้าหญิงน้อยลงมาแล้ว”
เด็กหญิงวัยสี่ขวบในชุดเจ้าหญิงค่อยๆเดินลงบันไดพร้อมกับจูงมือผู้เป็นแม่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
“ไหนคุณตาบอกว่าไม่ว่างมาไงคะ”เมื่อเด็กหญิงลงบันไดมาแล้วพบกับผู้เป็นตาจึงรีบพุ่งเข้าหาด้วยความดีอกดีใจ
“ก็ตามาเซอร์ไพรส์น้องปิ่นไง”
“น้องปิ่นคิดถึงคุณตาที่สุดเลย ยายๆด้วย”
“ตาก็คิดถึงหลานรักที่สุดในโลก”พูดจบผู้เป็นตาก็หอมแก้มหลานสาวฟอดใหญ่
“วันเกิดปีนี้น้องปิ่นมีความสุขที่สุดเลยเพราะคุณพ่อก็จะมาด้วย”เด็กหญิงกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“น้องปิ่นคะ เราไปหาคุณปู่คุณย่ากัน”พูดจบคนเป็นแม่ก็จูงมือลูกสาวไปหาผู้เป็นปู่และย่า
“คุณปู่คะ เมื่อไหร่คุณพ่อจะมา”
“ปู่อุตส่าต์จัดงานวันเกิดให้แท้ๆแต่กลับถามหาพ่อแบบนี้มันน่าน้อยใจจริงๆ”
“ก็คุณปู่ให้สัญญากับน้องปิ่นแล้วว่าจะพาคุณพ่อมางานเกิดให้ได้”
“เดี๋ยวพ่อก็มา แต่ว่าตอนนี้หลานต้องไปรับแขกกับปู่นะ ดูสิแขกเยอะแยะเลย”
แม้แขกจะเต็มบ้านแต่คนที่เด็กหญิงรอยมีเพียงผู้เป็นพ่อ
“ต้องใช่คุณพ่อแน่ๆ”
ในขณะที่เด็กหญิงเดินรับแขกอย่างรู้งานจู่ๆก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังแล่นเข้ามาในบ้าน และนั่นก็ทำให้เด็กหญิงวิ่งออกไปจากคฤหาสน์
“แอปปี้เบิร์ดเดย์นะคะเจ้าหญิงน้อยของป้า”
“ป้าหวานนี่เอง”
“อ้าว! ทำไมทำหน้าแบบนั้นอ่ะคะ ไม่ดีใจหรอที่ป้าหวานมา”
“ดีใจค่ะ”
“ดีใจแต่สีหน้าดูเศร้านะ”
“ก็น้องปิ่นคิดว่าเป็นรถคุณพ่อนี่คะ”
“ป้าหวานว่าเราเข้าไปข้างในกันดีกว่า ดูสิป้ามีของขวัญมาให้น้องปิ่นด้วย”
“ค่ะ”
เด็กหญิงเดินเข้าไปในบ้านโดยที่สายตายังคงมองออกไปตรงประตูรั้วเป็นระยะๆ
“ไหนๆก็มากันครบแล้ว เรามาร้องเพลงแอปปี้เบิร์ดเดย์ให้น้องปิ่นกันดีกว่า”
“คุณแม่คะ น้องปิ่นจะรอคุณพ่อมาก่อน”
“คุณพ่อคงไม่มาแล้วแหละ ถ้าจะมาป่านนี้ก็คงมาถึงแล้ว”
“นั่นสิคะ ปู่ว่าเรามาเป่าเค้กกันเถอะ เห็นมั้ยว่าเพื่อนๆอยากทานเค้กกันแล้ว”
“ไม่!น้องปิ่นจะรอคุณพ่อ”เด็กหญิงปฏิเสธเสียงแข็ง
“น้องปิ่น! ทำไมทำตัวไม่น่ารักกับคุณปู่ ขอโทษคุณปู่เดี๋ยวนี้”
“ใจเย็นสิหนูแพท น้องปิ่นยังเด็กอยู่พ่อไม่ถือสาหรอก”
“แต่ถึงยังไงน้องปิ่นก็ต้องขอโทษ”
“แม่แพทดุน้องทำไม”เด็กหญิงเริ่มร้องไห้น้ำตาคลอเมื่อโดนผู้เป็นแม่ดุ
“ก็น้องทำนิสัยไม่น่ารักกับคุณปู่”
“น้องไม่ได้ตั้งใจ”
“ถ้าไม่ได้ตั้งใจก็ต้องขอโทษ คนเราต้องรู้จักขอโทษอื่นเม่ือรู้ตัวเองว่าทำผิดต่อให้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม”
“น้องขอโทษค่ะคุณปู่”เด็กหญิงขอโทษผู้เป็นปู่ด้วยความรู้สึกผิด
“ปู่ต่างหากที่ต้องขอโทษหลาน เพราะปู่ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหลาน”
“แสดงว่าคุณพ่อไม่กลับมาหาน้องปิ่นหรอคะ”
“พอดีคุณพ่อติดธุระด่วน แต่ว่าคุณพ่อจะกลับมาหาน้องปิ่นแน่นอน”
“กลับมาเมื่อไหร่คะ”
“ไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้”
“งั้นรอคุณพ่อมาก่อนได้มั้ยคะ”
“รอไม่ได้ค่ะ เพราะทุกคนรอทานเค้กอยู่ เราจะปล่อยให้คนอื่นรอนานไม่ได้นะคะ”
“คุณพ่อจะกลับมาแน่ๆใช่มั้ย”เด็กหญิงมองหน้าผู้เป็นปู่อย่างมีความหวัง
“กลับมาแน่นอน ถ้าหลานหลับตาอธิฐานก่อนจะเป่าเค้ก”
“น้องปิ่นอธิฐานให้คุณพ่อกลับมาอยู่กับพวกเราตลอดไป”
“งั้นเรามาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์กันจากนั้นน้องปิ่นก็หลับตาอธิฐานแล้วก็เป่าเค้กโอเคมั้ยคะ
“โอเคค่ะ”
หลังจากเทียนเล่มเล็กที่อยู่บนเค้กดับ เด็กหญิงก็ตักเค้กชิ้นแรกด้วยตัวเองก่อนที่ก้อนเค้กจะถูกตักแบ่งให้แขกที่มาร่วมงาน