ทางด้านคาร์เตอร์เดินล้วงกระเป๋าพร้อมกับดันลิ้นยังกระพุ้งแก้มมาหยุดด้านหน้าเธอ โน้มตัวลงมาใกล้แล้วพูดด้วยใบหน้าเสียงเข้มดุคล้ายข่มขู่เพื่อให้เธอหวาดกลัว
“หนึ่งล้านเพื่อจบเรื่องนี้”
“นายกลัวได้รับผิดชอบขนาดนั้นเลย?”
“ใช่ เพราะมั่นใจว่าไม่ใช่ลูกฉัน จะได้จบเรื่องบ้า ๆ นี่สักที” คาร์เตอร์พูดกระแทกใส่หน้านับหนึ่งเพื่ออยากให้เธอเลิกวุ่นวายกับชีวิตเขาแล้วต่างคนต่างอยู่ทว่า...
“งั้นนายเก็บเงินไว้จัดงานศพให้ตัวเองเถอะ เพราะฉันเลือกย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้แล้ว”
ที่จริงก็อยากเรียกค่าเสียหายกับเขาให้ล่มจมแล้วแยกย้ายกัน เพราะเธอก็ไม่อยากมาอยู่บ้านของเขาเหมือนกัน เพียงแต่หมั่นไส้ในความมั่นหน้าและเห็นแก่ตัวของอีกคนโดยไม่นึกถึงคนอื่นเลย นับหนึ่งจึงเลือกรอวันที่รู้ผลตรวจดีเอ็นดี เพื่อจะเอาความจริงมาฟาดหน้าคาร์เตอร์ให้หยุดมั่นสักที
พูดจบนับหนึ่งก็จับมือมิวแล้วเดินไปขึ้นรถแท็กซี่คันที่พวกเธอจ้าง โดยมีคาร์เตอร์มองด้วยท่าทีหงุดหงิด พอเธอนั่งรถออกไปแล้วเขาก็สบถเสียงดัง
“โธ่เว้ย!” พร้อมกับเตะลมด้วยความโมโห ยืนกัดฟันกรอดจนสันกรามปูดนูนขณะตาคมกริบมองนับหนึ่งด้วยไฟลุกโชน ที่เข้ามาทำให้ชีวิตเขาวุ่นวาย ก่อนจะเดินไปขึ้นรถขณะที่ปากหนานั้นพูดพึมพำ
“อยากมาก็มา แต่รับมือกับคนอย่างฉันให้ได้แล้วกัน” สิ้นคำพูดเข่นเขี้ยว เท้าหนักก็เหยียบคันเร่งรถขับมุ่งตรงไปหาเพื่อนด้วยความเร็ว…
ทางด้านนับหนึ่งหลังจากนั่งรถแท็กซี่กับมิวออกมาได้สักพัก ก็ถอนหายใจให้โล่งกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ แม้มันจะเพิ่งเริ่มต้นเองก็ตาม เพราะเธอรู้ดีว่าการย้ายเข้าไปอยู่บ้านคาร์เตอร์ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากไม่รู้นิสัยใจคอคนในบ้านหลังนั้น จึงไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง
แต่เธอก็ตั้งมั่นแล้ว ว่าอย่างไรก็จะสู้และอดทนให้ได้มากที่สุด...
ขณะตาคู่สวยหลับลงไม่นานก็ได้ยินมิวคุยกับคนขับแท็กซี่
“พี่นี่โคตรใจดีเลยรอรับพวกหนูด้วย” เพราะมันไม่ใช่เวลาแป๊บเดียว หากเป็นคนอื่นคงกลับบ้านไปนอนตีพุงแล้ว แต่พอได้ยินคำตอบของคนขับรถแท็กซี่
“จะไปได้ยังไง ก็พวกน้องยังไม่ได้จ่ายตังค์ค่ารถ”
“อ้าวเหรอ!” จากที่นับหนึ่งกำลังเครียด ๆ ก็ผ่อนคลายทันที เมื่อได้ยินคำตอบ จากนั้นก็รีบเรียกสติแล้วเอ่ยถามค่าจ้าง หลังจากเคลียร์ค่าจ้างเรียบร้อย ไม่นานรถแท็กซี่ก็จอดหน้าหอพักขนาดไม่ใหญ่ เมื่อทั้งสองลงจากรถก็เดินพูดคุยกันขึ้นไปบนห้องของนับหนึ่ง…
“คืนนี้กูนอนห้องมึงนะ”
“ตามสบาย” พอขึ้นมาถึงห้องมิวก็จัดการสั่งอาหาร ส่วนนับหนึ่งก็ไปอาบน้ำให้สบายตัว เมื่อทำอะไรเสร็จทั้งสองก็นั่งกินข้าวและพูดคุยถึงเรื่องในวันนี้
“มึงจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านไอ้นั่นจริงเหรอ?”
“ใช่” แม้เจ้าของบ้านสองคนจะดูท่าทางใจดี แต่มิวก็อดเป็นห่วงนับหนึ่งไม่ได้ เพราะเพื่อนของเธอฐานะคนละระดับกับคนพวกนั้น จึงกลัวว่านับหนึ่งจะโดนรังแกและกดขี่ข่มเหง แต่ในเมื่อเพื่อนของเธอตัดสินใจแล้วมิวก็ไม่อยากห้าม เพราะรู้ว่านับหนึ่งเก่งและเข้มแข็ง คงไม่ยอมให้ใครรังแกได้ง่าย ๆ
“งั้นก็ดูแลตัวเองด้วยนะมึง ถ้าวันไหนเจอเรื่องไม่ดีหรือไม่สบายใจมึงโทรหากูได้ตลอดเวลาเลยนะ”
“ขอบใจมึงมากนะ” นับหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ขณะตาคู่สวยปริ่มไปด้วยน้ำสีใสที่รอวันไหลริน มิวเห็นเช่นนั้นก็อยากกลับความคิดก่อนหน้าของตัวเอง แล้วรีบเอ่ยห้ามนับหนึ่ง
“อีหนึ่งมึงห้ามร้องไห้นะ เพราะเดี๋ยวกูร้องตาม”
“ฮือ~” พูดยังไม่ทันขาดคำนับหนึ่งก็ปล่อยโฮออกมา มิวจึงรีบหยิบทิชชูยื่นให้ พร้อมกับซับน้ำตาให้ตัวเองที่ดันบ่อน้ำตาตื้น เห็นใครร้องไห้ไม่ได้เป็นต้องร้องตาม ขณะเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมามิวก็เอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย
“ทำไมมึงร้องไห้ง่ายจัง” เนื่องจากเมื่อก่อนนับหนึ่งเข้มแข็งมาก ไม่เคยร้องไห้กับอะไรง่าย ๆ
“กูไม่รู้”
“สงสัยจะเป็นฮอร์โมนของคนท้อง”
“น่าจะ” จากนั้นทั้งสองก็เลี่ยงพูดคุยเรื่องเครียดและอ่อนไหว
“มึงจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านไอ้นั่นวันไหน?”
“อีกสองสามวันเพราะกูต้องไปคุยเรื่องลาออกกับพี่แย้มก่อน”
“วันไหนก็บอกกูด้วยเดี๋ยวกูไปส่ง”
“โอเค” หลังจากกินข้าวอิ่มนับหนึ่งก็ไปแปรงฟันให้สะอาด จากนั้นก็เตรียมตัวนอนเพราะทนต่อความง่วงไม่ไหว ส่วนมิวก็ไปอาบน้ำเมื่อเสร็จก็ทั้งสองก็แยกย้ายกันพักผ่อน...
ทางด้านคาร์เตอร์เมื่อมาถึงบาร์ก็ทิ้งตัวนั่งลงยังโซฟาฝั่งตรงข้ามไคโรด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ เพื่อนสนิทเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถาม
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ พ่อแม่มึงไม่เชื่อไง”
“เชื่อห่าอะไร ยายนั่นแม่งเล่นบุกไปบ้านกูขนาดนั้น แผนกูพังหมด ฉิบหาย” ริมฝีปากพูดขณะมือหนาเสยผมที่ปกปิดใบหน้าขึ้นลวก ๆ จากนั้นก็เอื้อมไปหยิบขวดเหล้าราคาแพงที่ตั้งวางอยู่ด้านหน้ารินใส่แก้วแล้วยกดื่มรวดเดียวหมด เพื่อดับความร้อนรุ่มภายในใจ
“เจองานหยาบแล้วมึง”
“เดี๋ยวกูบดให้ละเอียดเอง” แม้จะเครียดแค่ไหนแต่ก็ยังปากดี
“แล้วพ่อแม่มึงว่ายังไง?” ไคโรเอ่ยถามพร้อมกับรับแก้วจากคาร์เตอร์ไปรินเหล้าให้ เนื่องจากวันนี้ไม่จ้างเด็กมาดูแล ก่อนจะยื่นแก้วให้คาร์เตอร์ที่ทำหน้าเหมือนโลกกำลังจะแตกในวันพรุ่งนี้
“แม่กูให้ยายนั่นย้ายเข้ามาอยู่บ้านจนกว่าจะตรวจดีเอ็นเอ”
“ทำไมแม่มึงยอมขนาดนั้นวะ”
“ไม่รู้” ซึ่งตัวเขาก็ไม่เข้าใจ อาจจะพฤติกรรมหลาย ๆ อย่างของนับหนึ่ง ที่มีท่าทีไม่ยอมง่าย ๆ อีกทั้งคำพูดของเธอที่ดูมั่นใจ จึงทำให้พ่อแม่ของตนทำแบบนี้ก็เป็นได้
“ต่างคนต่างอยู่ อีกไม่กี่เดือนก็รู้ความจริงแล้วว่าไม่ใช่ลูกของมึง”
“...” คาร์เตอร์นั่งเงียบเพราะทำอะไรไม่ได้ นอกจากต่างคนต่างอยู่อย่างเช่นไคโรบอกแล้วรอวันที่ผลออก เขาจะได้จัดการกับนับหนึ่งอย่างสาสมที่กล้าเข้ามาทำให้ชีวิตเขาวุ่นวาย ดื้อรั้นไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ
อีกทั้งยอมเสนอเงินให้แล้วทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น แต่เพราะสงสารเห็นว่าเป็นคนที่เคยนอนด้วยเฉย ๆ จากนั้นคาร์เตอร์ก็เลือกไม่สนใจเรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมด แล้วสนุกกับชีวิตอิสระในค่ำคืนนี้
“ไอ้ฟายมันไม่มาเหรอวะ?”
“เมียมันไม่ให้ออก”
“กระจอกฉิบหายกลัวเมีย” คาร์เตอร์เบะปากพูดถึงไวฟายเพื่อนสนิทอีกคน ที่ไม่กล้าออกมาดื่มกับเพื่อนฝูงเพราะกลัวเมีย ก่อนจะหัวเราะในลำคอพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ
“จริง บอกกูเมียคือผู้ยิ่งใหญ่ ถุย!”
“สภาพ!”
“มึงอย่าพึ่งมีเมียนะเว้ย อดสนุกหมด”
“กูไม่รีบและไม่คิดจะมีด้วย ส่วนยายนั่นไม่ต้องนับเพราะอีกไม่นานก็โดนกูไล่ออกจากบ้าน” สิ้นคำพูดเย้ยหยันมือหนาก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มด้วยท่าทีสบายใจ จากนั้นก็กวาดสายตามองหาสาวสวยในค่ำคืนนี้ ว่ามีถูกใจดีลไปขึ้นเตียงในคืนนี้หรือเปล่า
ทว่าก็ไม่เร้าใจและดึงดูดให้พาไปต่อเลยสักคน จึงเลือกนั่งดื่มเงียบ ๆ ไม่นานไคโรก็พูดขึ้น
“แต่เสียดายฉิบหายเลยวะ เด็กเก่ามึงไม่น่าท้องเลย หุ่นโคตรดีน่าจับขึ้นไปโยกบนเตียงฉิบหาย”
“หุ่นดีแต่โคตรจืดชืด”
“อ้าว! ไหนวันนั้นมึงยังบอกพวกกูว่าเอามันอยู่เลย”
“กูเมาก็พูดไปเรื่อย” คาร์เตอร์เบะปากตอบจากนั้นก็นั่งดื่มต่อ แม้จะตอบไคโรไปเช่นนั้น แต่ความเป็นจริงเขาประทับใจนับหนึ่งมาก แม้จะเป็นครั้งแรกของเธอทว่าไม่ได้อ่อนหัดเลย เหมือนศึกษาเรื่องนี้มาดี เรียกได้ว่าทำเอาเขาติดใจไม่น้อย และอยากซ้ำเธออีกหลาย ๆ ครั้ง หากเธอไม่พลาดท้องเสียก่อน
คาร์เตอร์นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาขณะที่ในหัวนึกถึงตอนที่เขาสอดใส่เข้าไปในตัวนับหนึ่ง แล้วโยกเอวใส่เธอถี่ ๆ ซึ่งมันรู้สึกดีมาก ไม่เคยรู้สึกดีเท่านี้มาก่อน ยิ่งเธอตอดแล้วยกเอวรับตอนเขากระแทก ไหนจะร่อนเอวอยู่บนตัวเขาอีก แค่คิดตัวตนลำใหญ่ก็แข็งขืนจนปวดหนึบ มือหนาจึงเอื้อมไปหยิบหมอนพิงหลังมาวางยังตักเพื่อปิดบังบางอย่าง
จากนั้นก็นั่งดื่มเหล้ากับไคโรต่อ ทว่ามันก็ไม่รู้สึกดีขึ้นจึงหันไปเอ่ยบอกไคโร
“กูกลับบ้านก่อนนะ”
“ทำไมรีบกลับวะ?”
“วันนี้ไม่มีผู้หญิงสวย ๆ ให้กูตื่นเต้นเลย ก็เลยเบื่อ ๆ” พูดจบร่างสูงก็ดันตัวลุกขึ้นจากโซฟา จากนั้นก็เดินออกทางข้างหลังบาร์เนื่องจากคนไม่เยอะ พอขึ้นมาบนรถก็รีบขับกลับบ้าน ทว่าได้ยังไม่ถึงครึ่งทางก็ต้องหักพ่วงมาลัยรถจอดข้างทางแล้วสบถด้วยท่าทีหัวเสีย
“เชี่ยเอ้ย! มึงจะแข็งห่าอะไรนักหนาวะ” ก่อนจะเลื่อนมือไปรูดซิปกางเกงแล้วจัดการปลดปล่อยให้โล่งด้วยอุ้งมือ เมื่อสบายตัวแล้วก็รีบขับรถกลับบ้านไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้มีประชุมตอนเช้า...
สองวันถัดมา หลังจากนับหนึ่งเคลียร์เรื่องทำงานของเธอเรียบร้อย ก็เก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋า จากนั้นก็เดินทางไปยังบ้านของคาร์เตอร์คนเดียว เนื่องจากมิวติดธุระทำให้มาส่งไม่ได้ ใช้เวลาไม่นานรถแท็กซี่ก็จอดหน้าบ้านหลังใหญ่ ตาคู่สวยมองเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกหนักใจ เพราะเธอไม่ได้อยากมาแต่ก็ต้องจำยอมเพื่อลูกของเธอ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ จากนั้นนับหนึ่งก็เดินไปกดกริ่ง
รอไม่นานประตูรั้วก็ค่อย ๆ เลื่อนเปิดกระทั่งโล่ง จนเห็นภายในบ้าน ร่างเล็กจึงเดินลากกระเป๋าฝ่าแดดในช่วงบ่ายไปยังบ้านหลังใหญ่ทันที เมื่อเดินถึงตัวบ้านนับหนึ่งก็เห็นชนิตรายืนรออยู่กับแม่บ้านสองคน เธอจึงยกมือไหว้ตามมารยาท
“สวัสดีค่ะ” ชนิตรารับไหว้ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะหันไปทางแม่บ้านสองคนที่ยืนรอฟังคำสั่งอยู่
“เอื้องไปช่วยเธอยกกระเป๋าหน่อย”
“ค่ะ คุณนิ” สิ้นเสียงเอ่ยสั่งหญิงสาวที่ดูอายุมากกว่านับหนึ่งไม่กี่ปี ก็เตรียมเดินเข้าไปช่วยยกกระเป๋าตามคำสั่งทว่า
“ไม่เป็นไรหนูถือเองได้” เพราะมองว่าไม่ได้หนัก นับหนึ่งจึงอยากทำเอง ชนิตราเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้รบเร้า นอกจากเอ่ยบอกเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง...
“งั้นก็เข้าบ้านเถอะ”
“ค่ะ” นับหนึ่งเดินตามชนิตราเข้าไปในบ้านที่เธอเพิ่งมาเหยียบไม่กี่วัน เมื่อเดินพ้นประตูเข้ามาข้างใน ตาคู่สวยก็กวาดมองไปรอบบ้าน พอไม่เห็นมนุษย์ปากหมา เธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหยุดยังหน้าบันไดบ้านแล้วมองชนิตราที่เอ่ยบอกแม่บ้าน
“เอื้อง เดี๋ยวยกกระเป๋าขึ้นไปไว้บนห้องให้เธอหน่อย” นับหนึ่งได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย
“หนูนอนข้างบนเหรอคะ?”
“ใช่”
“ค่ะ” แม้จะไม่อยากอยู่ชั้นเดียวกับคาร์เตอร์ ทว่านับหนึ่งก็ไม่อยากด้อยค่าตัวเองให้ต่ำกว่าอีกคนเพื่อให้เขาเหยียบย่ำ เธอจึงเลือกไม่ปฏิเสธ ก่อนจะยื่นกระเป๋าลากใบไม่ใหญ่มากให้เอื้อง จากนั้นก็เดินตามพี่แม่บ้านขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน
โดยมีชนิตรายืนมองนิ่ง ๆ กระทั่งนับหนึ่งเดินพ้นบันได...
เมื่อเดินขึ้นถึงชั้นสองนับหนึ่งก็มองสำรวจทั่วทั้งชั้นที่มีทั้งหมดสี่ห้อง แม้จะไม่อยากเสียมารยาททว่าก็อดไม่ได้
“เชิญทางนี้ค่ะ”
“ค่ะ” จากนั้นก็เดินตามเอื้องไปเงียบ ๆ หลังจากผ่านห้องนอนสองห้องก็ถึงยัง ห้องพักของเธอที่จะอาศัยระหว่างอยู่ที่นี่ ขณะเอื้องลากกระเป๋าเข้าไปภายในห้อง นับหนึ่งก็ยืนรออยู่หน้าห้อง พอเอื้องเดินออกมาก็เอ่ยบอกเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เชิญตามสบายนะคะ”
“ค่ะ” สิ้นเสียงนับหนึ่ง เอื้องก็เดินไปยังบันได นับหนึ่งจึงเดินเข้าไปในห้องก่อนจะกวาดสายตามองสำรวจภายใน ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมห้องยังสะอาดสะอ้านและน่าอยู่มาก ๆ ถ้าหากเป็นบ้านของเธอก็คงดีใจและปลื้มใจไม่น้อย ที่ได้อยู่ห้องสวยงามและกว้างขวางขนาดนี้ เพราะเกิดมาเธอไม่เคยมีวาสนาได้อยู่ที่ดี ๆ แบบนี้เลย
ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน เพราะรู้ดีว่ามาที่นี่ในฐานะอะไร…
นับหนึ่งจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเลือกทิ้งเรื่องราวทั้งหมด ก่อนจะรีบไปจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ให้เรียบร้อย...