พ่ายรักภรรยาแต่ง 6

1493 Words
กว่าจะจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เสร็จก็เย็นพอดี จากนั้นนับหนึ่งก็ลงไปข้างล่าง ตาคู่สวยกวาดมองรอบบ้านกระทั่งได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากทางฝั่งขวามือ พร้อมกับกลิ่นหอม ๆ ของกับข้าวโชยกระทบยังจมูกจึงเดินไปยังต้นเสียง เห็นชนิตราและแม่บ้านอีกสองคน กำลังช่วยกันทำกับข้าวอยู่ในครัว นับหนึ่งจึงเดินเข้าไปแล้วถามไถ่ด้วยท่าทีเกร็ง ๆ “มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?” ชนิตราและแม่บ้านอีกสองคนได้ยินเช่นนั้นก็หันมองทางด้านหลัง เมื่อเห็นนับหนึ่งยืนมองอยู่ชนิตราจึงถามออกไปด้วยใบหน้าสงสัย “เธอทำกับข้าวเป็น?” “ทำเป็นค่ะ หนูทำเป็นทุกเมนู” แม้จะไม่เชื่อในสิ่งที่นับหนึ่งพูดแต่ก็ไม่พูดอะไรออกไปนอกจากตอบปฏิเสธ “ไว้วันหลัง วันนี้กับข้าวเสร็จแล้ว เธอมีอะไรทำก็ไปทำเถอะ ถึงเวลากินข้าวเดี๋ยวฉันให้เอื้องไปตาม” “ค่ะ” เพราะไม่อยากเกะกะ นับหนึ่งจึงเลือกเดินออกมาเงียบ ๆ แล้วกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง จากนั้นก็นั่งคุยโทรศัพท์กับมิวขณะดวงตามองออกไปยังนอกหน้าต่างที่เป็นกระจกบานใหญ่ กระทั่งพระอาทิตย์ตกดินนับหนึ่งก็ไปอาบน้ำ ขณะกำลังจะแต่งตัวเอื้องก็ขึ้นมาตามลงไปกินข้าวพอดี นับหนึ่งจึงบอกเอื้องให้ลงไปก่อนแล้วเดี๋ยวเธอรีบตามลงไป หลังจากแต่งตัวเสร็จนับหนึ่งก็รีบเดินออกจากห้อง มุ่งตรงไปยังบันไดเพราะไม่อยากให้ผู้ใหญ่รอ ซึ่งเป็นจังหวะนรกเมื่อเห็นคาร์เตอร์ที่สวมใส่ชุดสูทเดินพ้นบันไดมาพอดี นับหนึ่งจึงหยุดชะงักมองหน้าอีกคนครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลือกไม่สนใจแล้วเตรียมเดินผ่านเขาไปยังบันไดเพราะไม่อยากปะทะทว่า… “ชีวิตดีมีความสุขเลยดิ ที่ได้มาอยู่ฟรีกินฟรีบ้านคนอื่น” “แน่นอน บ้านหรูอยู่สบายขนาดนี้ใครจะไม่อยากมาอยู่” “น่าสมเพชจริง ๆ อยากสบายจนยอมทำทุกอย่างเลยแม้กระทั่งโกหก” คาร์เตอร์เบะปากพูดด้วยใบหน้าเย้ยหยัน ก่อนจะเดินกระแทกไหล่นับหนึ่งเข้าไปในห้อง เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องปิดเสียงดังใบหน้าสวยก็หันไปมอง ขณะมือเล็กนั้นกำหมัดแน่น เมื่อไม่พอใจกับคำพูดดูถูกของอีกคนทว่าก็ทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะพยายามหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินลงไปข้างล่าง พอเท้าเล็กเหยียบยังตีนบันไดบ้านก็เห็นเจ้าของบ้านชายหญิงสองคนนั่งรออยู่ นับหนึ่งจึงรีบเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามชนิตรา ด้านข้างเป็นไพศาลที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ พอเธอนั่งลงเรียบร้อยชายวัยกลางคนก็หันมาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงปกติ “เชิญตามสบายนะ ไม่ต้องเกรงใจ” “ค่ะ” จากนั้นนับหนึ่งก็นั่งกินข้าวและฟังเจ้าของบ้านทั้งสองคนพูดคุยกันถึงเรื่องบริษัท ไม่นานก็เห็นหญิงสาวผิวขาวผุดผ่องหน้าตาสะสวย สวมใส่ชุดเดรสสีแดงรัดรูปคู่กับรองเท้าส้นเข็มสีเดียวกันเดินลงบันไดมาชั้นล่าง พอได้ยินชนิตราเอ่ยถาม “จะไปไหน เซน่า” เธอจึงหยุดฝีเท้าแล้วหันมาทางโต๊ะอาหารแล้วตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “เที่ยวกับเพื่อน” ก่อนจะเบี่ยงสายตามายังเธอครู่หนึ่ง แล้วหันกลับไปทางคนเป็นแม่พร้อมเอ่ยบอก “หนูไปก่อนนะ” “อย่ากลับดึกมากนะ” “ไม่กลับดึกหรอก แต่กลับเช้าเลย” ร่างเล็กผิวขาวตอบด้วยท่าทีกวน ๆ ก่อนจะเดินสะบัดก้นออกไปนอกบ้านทันที โดยมีคนเป็นแม่บ่นพึมพำไล่หลัง “ไม่คิดจะอยู่บ้านสักวันเลยมั้งสองพี่น้องคู่นี้” ทางด้านนับหนึ่งเลือกนั่งกินข้าวเงียบ ๆ เพราะมันเป็นเรื่องของคนในครอบครัว ไม่นานก็ได้ยินชนิตราพูดขึ้น “เมื่อกี้ เซน่าน้องสาวของคาร์เตอร์นะ” “อ๋อค่ะ” “ทำงานอะไร?” ไพศาลที่นั่งฟังอยู่นานก็เอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้ นับหนึ่งจึงเงียบครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไปอย่างฉะฉาน “พีอาร์ค่ะ” “งั้นก็ไม่ได้ทำงานแล้วใช่ไหม” “ทำไม่ได้ค่ะ เพราะงานที่หนูทำต้องดื่มกับลูกค้า” เนื่องจากงานที่เธอทำเป็นสถานบันเทิงและมีดื่มกับลูกค้านิดหน่อย จึงไม่เหมาะสมหากเธอตั้งครรภ์แล้วยังทำ ซึ่งไพศาลกับชนิตราได้ยินคำตอบก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะพอรู้จากคาร์เตอร์คร่าว ๆ แล้ว จากนั้นชายวัยกลางคนก็ถามต่อ “แล้วอยู่กับใคร?” เพราะอยากรู้หัวนอนปลายเท้าของเธอ แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าเด็กในท้องเป็นหลานของตนหรือเปล่า “หนูอยู่คนเดียวค่ะ” คำตอบของนับหนึ่งทำเอาสองชายหญิงที่กินข้าวหยุดชะงัก แล้วหันมองเธอพร้อมกันโดยไม่พูดอะไร ทว่าใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม นับหนึ่งจึงอธิบายเพิ่ม “พ่อหนูเสียไปตั้งแต่เด็ก ส่วนแม่เพิ่งเสียตอนหนูเรียนจบมอปลายค่ะ” “แล้วไม่มีญาติที่ไหน?” “ไม่มีค่ะ” นับหนึ่งตอบความจริง แม้ไม่รู้ว่าทั้งสองคนจะคิดว่าเธอสร้างเรื่องให้ดูน่าสงสารหรือเปล่า หากคิดเช่นนั้นก็สุดแล้วแต่ รู้เพียงตัวเธอพูดความจริงไม่ได้โกหกก็พอ... เมื่อบรรยากาศดูอึมครึม ชนิตราจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วเธอได้ฝากครรภ์หรือยัง?” “ยังค่ะ หนูเพิ่งเคลียร์เรื่องงานเสร็จ พรุ่งนี้ก็เลยว่าจะไปฝากค่ะ” “รีบฝากก็ดีเพราะมันดีกับเด็ก แล้วเธอจะฝากที่ไหน?” ขณะนับหนึ่งกับชนิตราคุยกันไพศาลก็นั่งกินข้าวต่อและฟังทั้งสองคนคุยกันเงียบ ๆ “หนูยังไม่รู้ค่ะ แต่คงฝากโรงพยาบาลใกล้ ๆ จะได้ไม่ลำบากตอนเดินทางไปตรวจค่ะ” เพราะนับหนึ่งไม่มีรถส่วนตัวคงลำบากไม่น้อยหากฝากโรงพยาบาลไกล ๆ ขณะที่ชนิตรานั่งฟังเรื่องราวของนับหนึ่ง จู่ ๆ หางตาก็เห็นลูกชายตัวดีเดินล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนมืออีกข้างควงกุญแจรถกำลังจะเดินออกไปข้างนอกจึงรีบเอ่ยถาม “จะไปไหนเตอร์?” “กินเหล้ากับไอ้ไค” พอรู้ว่าชนิตรากำลังคุยกับคาร์เตอร์ที่ยืนอยู่ตีนบันได นับหนึ่งก็เลือกไม่สนใจและไม่หันไปมองเขาเลย ทำให้ไม่รู้เลยว่าอีกคนมองเธอด้วยสายตายังไง ก่อนจะเบะปากเมื่อเห็นเธอนั่งกินข้าวเอร็ดอร่อย โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรที่เข้ามาอยู่บ้านคนอื่นหน้าด้าน ๆ “พรุ่งนี้ไม่ได้เข้าบริษัทใช่ไหม?” “ใช่” “งั้นพาเธอไปส่งโรงพยาบาลหน่อย?” “มีขาก็ให้เดินไปเองสิ” ขณะนับหนึ่งกำลังจะปฏิเสธออกไป ทว่าได้ยินคาร์เตอร์พูดก่อน เธอจึงเบี่ยงสายตาไปมอง เห็นอีกคนมองหน้าเธอด้วยใบหน้ากวน ๆ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก นับหนึ่งเห็นเช่นนั้นก็หมั่นไส้ไม่น้อยแต่ก็อดกลั้นเอาไว้ แล้วหันไปพูดกับชนิตรา “เดี๋ยวหนูไปเองค่ะ” “งั้นเอาที่เธอสะดวก” แม้จะยังไม่รู้ว่าเด็กในท้องของนับหนึ่งเป็นหลานของเธอไหมทว่าชนิตราก็อยากช่วย เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนมนุษย์บนโลกเหมือนกัน สิ่งไหนไม่เกินใจก็อยากช่วย แต่ถ้าหากนับหนึ่งยืนยันจะไปเองเธอก็ไม่รบเร้า จากนั้นทั้งสามก็นั่งกินข้าวกันต่อกระทั่งอิ่ม นับหนึ่งก็ช่วยศรี แม่บ้านอาวุโสและเอื้องเก็บจานไปไว้ในครัว โดยมีชนิตราและไพศาลนั่งอยู่โซฟาแอบมองอยู่ห่าง ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร “คุณหนึ่งไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวป้ากับนางเอื้องล้างจานเอง” “ไม่ต้องเรียกว่าคุณหรอกป้า หนูก็คนธรรมดานี่แหละ ไม่ได้ผู้ลากมากดีอะไร” “แต่มาอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาคุณเตอร์ ป้าก็ต้องให้เกียรติอยู่ดีค่ะ”สิ้นเสียงป้าศรีนับหนึ่งก็รีบยกมือห้ามไม่ให้ทั้งสองพูดต่อ ก่อนจะรีบแย้งออกไป “หนูไม่ใช่ภรรยานายนั่นค่ะ เป็นแค่คู่ที่ทำกรรมร่วมกันมา” “นั่นแหละค่ะ คุณหนึ่งไปพักผ่อนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปฝากครรภ์อีก” “ก็ได้” เมื่อพูดจบนับหนึ่งก็ตอบกลับไปอย่างจำยอม แม้จะอยากช่วยทั้งสองคนอยู่ก็ตาม ทว่าก็ไม่อยากรบเร้าเธอจึงเลือกเดินออกมาเงียบ ๆ ก่อนจะขึ้นไปบนห้อง เพื่อรีบพักผ่อน...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD